ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 98 เชื่อถือได้แน่นอน
เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะคงไม่มีบริษัทจิวเวอรี่ที่ไหนยอมแบกรับความสูญเสียแบบนี้ ถ้าเป็นเธอ เงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านก็คงเข้าเนื้อน่าดู
“ช่างเถอะ เรื่องนี้เห็นทีคงจะสืบยากแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างปลงๆ “พวกเราไปดูด้านหลังกันเถอะ” ในเมื่อไม่มีอะไรมาพิสูจน์ยืนยัน แล้วจะสืบหาได้จากช่องทางไหน ถ้าฝ่ายนั้นยืนยันกลับมาว่า ตอนนั้นที่พวกเขานำหินหยกออกมาก็ก้อนนี้ แล้วพวกตนจะทำอย่างไรได้?
นอกจากนั้นผลของการผ่าหยกที่ออกมาล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการจะเห็น ไม่ใช่เปลือกผิวที่มีลักษณะดี แต่ข้างในกลับเป็นหินสีขาว
ส่วนซีเหมินจินเหลียนนั้นจะให้เธอพูดอะไรออกมาได้ หรือจะให้เธอไปบอกคนอื่นว่าเธอมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน ทำให้มองเห็นลักษณะภายในของหินหยกก้อนนั้น?
จ่านมู่ฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมา ในใจห่อเ**่ยวเล็กน้อย ขอแค่บริษัทจิวเวอรี่เปลี่ยนหินหยกจริง มีการเล่นตุกติก เขาก็สามารถสืบหาออกมาได้
แต่ปัญหาก็คือ เขาจะพิสูจน์คำพูดของซีเหมินจินเหลียนได้อย่างไร? เพราะว่าถ้าจะสืบหาต้องมีความเคลื่อนไหวที่ใหญ่พอควร หมดค่าใช้จ่ายไปกับการจ้างคนและสิ่งของ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแล้วจะทำได้ เขาไม่สามารถฟังแค่คำพูดจากปากซีเหมินจินเหลียนได้อย่างเดียว ไม่อย่างนั้นถ้าหาถึงรังของบริษัทนั้นเจอแล้ว แต่พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนหินหยก นั่นก็เรียกว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ถึงตอนนั้นเขาก็คงไม่รู้จะรับมืออย่างไร
ซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่ด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย จ่านมู่ฮวาตั้งใจที่จะเดินช้าๆ และอดไม่ได้ที่จะถามหลินเสวียนหลาน “คุณหลิน?”
“คุณมีเรื่องอะไรเหรอ?” หลินเสวียนหลานถามอย่างสงสัย
“ใช่ เกี่ยวกับเรื่องบริษัทหมิงเย่ว์จิวเวอรี่ จินเหลียนบอกว่าพวกเขาเปลี่ยนหินหยก คุณคิดว่ายังไง” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น
“จินเหลียนได้เห็นหินหยกก้อนนั้นหรือเปล่า” หลินเสวียนหลานถาม
“เห็น” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าตอบ
“เธอได้สัมผัสไหม” หลินเสวียนหลานถามขึ้นอีกครั้ง
จ่านมู่ฮวาพยักหน้า ถ้าซีเหมินจินเหลียนต้องการจะเดิมพันหินก้อนไหน เธอจะต้องดูมันอย่างละเอียด ไม่เหมือนคนที่ไม่เข้าใจในการเดิมพันหินที่อาศัยแค่โชคช่วยอย่างเดียว งานแบบนี้คนที่เข้าใจในการเดิมพันหินมีอยู่เยอะ คนที่สัมผัสกับมันก็น่าจะไม่น้อยเลย นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ถ้าอย่างนั้นหินหยกน่าจะถูกเปลี่ยนแน่” สีหน้าของหลินเสวียนหลานไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนพูดขึ้นว่า “สิ่งของที่ผ่านมือเธอมา มักจะดูไม่ผิดหรอก” คำพูดง่ายๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น
จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “ดูท่าผมอาจจะยังไม่เข้าใจเธอมากพอ ผมคิดว่าการเดิมพันชนะห้าในเจ็ดถือว่าดีมากแล้ว”
หลินเสวียนหลานทำเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างเดียว ชนะห้าในเจ็ดงั้นหรือ? เขาก็ดูถูกซีเหมินจินเหลียนเกินไปแล้ว ขอแค่เธอยินยอม มีดก็ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อตำนานเทพในโลกเดิมพันหินเลย หลังจากที่ได้เห็นภายในห้องใต้ดินที่เก็บสะสมหินหยกของซีเหมินจินเหลียนแล้ว หลินเสวียนหลานก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวเธอมาก
หยกชั้นดีพวกนั้น เกรงว่าในสายตาของเธอคงเป็นแค่เนื้อน้ำแข็งธรรมดา สามารถพบเจอได้ง่ายดายทั่วไป แต่คิดไม่ถึงว่าเธอสามารถเก็บสะสมของในตำนานเช่นหยกราชางู หยกประกายดาว หยกสีเลือด ไหนจะหยกสีแดงลายทองคำที่ยิ่งไม่ต้องพูดขึ้น เขาก็ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตา
หลังจากที่เขาพาเธอไปที่ร้านเถ้าแก่โจวตอนนั้น เธอก็เปลี่ยนจากหนอนดักแด้กลายเป็นผีเสื้อเสียแล้ว!
ถ้าหากจะบอกว่าการเดิมพันหินพึ่งหาทักษะสามสิบเปอร์เซ็นต์และอาศัยโชคช่วยอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องทักษะในการแกะสลักในตัวเธอนั่นล่ะ จะอธิบายอย่างไร?
แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะเดินไปข้างหน้า และไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่ทั้งสองคนพูด แต่ก็ยังมีคำพูดบางคำที่ผ่านเข้ามาในหูของเธอ เธอได้เพียงแต่ยิ้ม ถึงพวกเขาจะสับเปลี่ยนหินหยกหรือไม่ ความจริงก็ไม่มีอะไร ก็แค่แพ้ไปก็แค่สิบล้านเท่านั้น แต่ในใจเธอแค่สงสัย
จ่านมู่ฮวาบอกว่าการเดิมพันหินไม่ว่าจะเป็นข้างหน้าหรือข้างหลังมักจะเปิดหินต่อหน้าทุกคน ในเมื่อเป็นเช่นนี้หินหยกที่มีลักษณะดีก้อนนั้น ก่อนที่ยังไม่ได้ผ่าหินหยกน่าจะถูกเปลี่ยนไปก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้น ถ้าหากถึงตอนผ่าหินออกมาแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก มีดสามารถพิสูจน์ได้ว่าลักษณะของหินหยกนี้ดีมากจริงๆ แม้ว่าเป็นคนที่เดิมพันหินมาบ่อยครั้งก็อาจจะถูกตบตาได้ คนที่วางเดิมพันว่าเป็นสีเขียวมรกตน่าจะมีเยอะพอควร ส่วนเดิมพันว่าเป็นสีขาวคงหาได้ยาก ทำไมก่อนจะผ่าหินถึงได้ถูกเปลี่ยนot? ถ้ารู้อย่างนี้ เรื่องนี้ถ้าถูกเผยแพร่ออกไป บริษัทจิวเวอรี่นี้อาจจะถูกกวาดล้างชื่อเสียงนับแต่จากนี้
นอกจากนี้เธอก็ให้จ่านมู่ฮวาวางเดิมพันไปสิบล้าน ตัวเลขนี้ในเดิมพันหินใหญ่ถือว่าไม่สูงมาก น่าจะไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้
เรื่องนี้คงมีสิ่งที่เธอไม่รู้ปกปิดเอาไว้สินะ?
“จินเหลียน พวกเราตัดสินใจวางเดิมพันลงที่หมายเลขสิบนะ คุณจะวางเดิมพันที่อันอื่นด้วยไหม” จ่านมู่ฮวารีบเดินตามไปถามซีเหมินจินเหลียน
“ถ้าอย่างนั้นคุณว่า พวกเราวางเดิมพันลงก้อนไหนดี” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ผมไม่รู้หรอก” จ่านมู่ฮวาปัดมืออย่างขี้เกียจ
“หินหยกของราชานักเดิมพันหยกอย่างเจียหยวนฮวา คือหมายเลขสิบหรือว่าหมายเลขไหน ถ้าหากคุณมีความสนใจ ก็วางเดิมพันเพิ่มขึ้นหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนพูด “โอเค!” จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รีบไปที่จอแสดงผลใหม่อีกครั้ง
“จินเหลียน คุณก็วางเดิมพันไปที่หมายเลขสิบห้าด้วยเหรอ?” หลินเสวียนหลานเห็นว่ารอบข้างไม่มีใครแล้วก็ถามขึ้น หินหยกในงานเดิมพันหยกทั้งสิบห้าก้อนเขาดูมาหมดแล้ว หมายเลขสิบห้าดูแล้วเหมือนว่าไม่น่าจะมีแววเหมาะสมอะไร จนกระทั่งทำให้เขาคิดว่านั่นเป็นหินหยกที่ใครเล่นพิเรนทร์ขึ้นมา แม้แต่ชื่อก็ไม่มีเขียนไว้
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
“คุณบอกผมได้ไหมว่าหินหยกก้อนนั้นมีความพิเศษที่ตรงไหน” หลินเสวียนหลานคนนี้ไม่ได้สงสัยในตัวซีเหมินจินเหลียน แต่เขาสงสัยว่าทำไมคนอื่นต่างไม่สนใจหินหยกก้อนนั้น มีเพียงแต่เธอที่สนใจ?
“เป็นเพราะว่ามันไม่มีอะไร ฉันเลยวางเดิมพันลงไปที่มัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แถมอัตราต่อรองราคายังสูงด้วย”
หลินเสวียนหลานยิ้มฝืนออกมา กี่ปีมานี้เทคนิคการเดิมพันหินต่างสืบทอดกันมาปากต่อปาก แม้ว่าคุณปู่จะถ่ายทอดมาให้เขาอยู่บ้าง แต่ในใจเขาก็รู้ดีว่านั่นเป็นแค่ผิวเผิน แค่สามารถพอเป็นทางเอาตัวรอดได้ ถ้าหากจะดูหินจริงๆ เขายังไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะมีการเดิมพันหินเป็นงานอดิเรกและรักในหยกก็ตาม
ส่วนซีเหมินจินเหลียน เห็นได้ชัดว่าเธอไปถึงขั้นบรรลุในบรรลุแล้ว ตอนนี้เขาและซีเหมินจินเหลียนแม้ว่าจะสนิทกัน แต่เรื่องเทคนิคการเดิมพันหิน เธอกลับไม่บอกอะไรเขาทั้งนั้น แน่นอนว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของซีเหมินจินเหลียนดี ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา เขาก็คงไม่นำเทคนิคเช่นนี้ไปบอกคนอื่นง่ายๆ หรอก
“คุณวางไปเท่าไหร่” จ่านมู่ฮวากลับมาแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็เอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน
“สองล้าน ผมไม่กล้าวางเยอะ อย่างที่คุณพูด เหลือไว้สำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า” จ่านมู่ฮวาพูด
ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่ยิ้ม ถ้าหากการเดิมพันหินมีการโกงเกิดขึ้น เธอก็ไม่มีความสนใจมากพอ
“จริงสิ พรุ่งนี้มีกิจกรรมนิดหน่อย น่าจะเป็นกิจกรรมที่พวกเขาจัดขึ้น” จ่านมู่ฮวาพูด
“หือ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม “กิจกรรมอะไร”
“คุณดูนี่” จ่านมู่ฮวาเห็นห้องโถงข้างในที่มีแต่ความวุ่นวายก็พูดขึ้น “ที่นี่คนที่เข้าใจในการเดิมพันหินหยกมีไม่เยอะ คนส่วนมากจะเป็นคนนอกสายเหมือนผม มีเงินและชอบการเดิมพัน เพราะอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเขาก็เตรียมที่จะเพิ่มความท้าทายขึ้น ผู้จัดงานหลายแห่งจะรวบรวมหินหยกมากองหนึ่งแล้วเดิมพันทั้งหมดในราคาถูก และเปิดในงานตอนนั้นเลย สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือการขายหยก”
“จะถูกขนาดไหนกัน” หลินเสวียนหลานถามอย่างสงสัย ถ้าหากถูกจริง ถ้าอย่างนั้นก็น่าลองเสี่ยงโชคดูสักหน่อย
“รายละเอียดผมยังไม่รู้ พรุ่งนี้ตอนกลางคืนค่อยว่ากัน!” จ่านมู่ฮวาพูด
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านมู่ฮวาส่งสายตาไปที่เธอ เมื่อหลินเสวียนหลานเห็นเข้าก็ไม่รอให้เขาเปิดปากก็พูดออกมา “ผมก็ตามทิศทางลมไปวางเดิมพันด้วยสักหน่อยดีกว่า ต้องหาเงินสักหน่อยแล้ว”
“โอเค พวกเราวางลงที่หมายเลขสิบห้า แล้วก็ของราชานักเดิมพันหิน เจียหยวนฮวา อย่างอื่นคุณไม่ต้องวางลงไป อัตราต่อรองต่ำเกิน คิดว่าคนที่ไปทางชื่อเขาคงมีเยอะ เพราะอย่างนั้นผู้จัดงานปรับเปลี่ยนอัตราต่อรองแล้ว” จ่านมู่ฮวาท่าทางมีความรู้พูดกำชับ
“ขอบคุณมาก” หลินเสวียนหลานพูด ความจริงเขารู้ว่าซีเหมินจินเหลียนสนใจหมายเลขสิบห้า เขาก็ไม่เลือกอย่างอื่นแล้ว เขาเชื่อมั่นในความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียน
“คุณอยากจะพูดอะไรกับฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“จินเหลียน คุณเดิมพันหยก แน่นอนว่าต้องมีหินหยกที่แพ้เดิมพันหรือว่าเศษหยกบ้างใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาถาม
“ใช่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ไม่ว่าใครที่เดิมพันหินก็ต่างมีของแบบนี้ หินหยกที่เดิมพันแพ้พวกนั้น เมื่อเปิดออกมาข้างในคงเป็นหินสีขาว แต่นี่เป็นหินหยกจริงๆ ที่ไม่มีความเหมือนกับหินก่อสร้าง หรืออาจจะแกะสลักเป็นสินค้าหรือเครื่องประดับชั้นต่ำ ในตลาดกลางคืนหรือว่าตั้งขายข้างทาง ก็อาจจะได้สิบหยวนไปจนถึงกี่ร้อยหยวน ถ้าหากฝีมือดีสามารถขายถึงหลักพันหยวนได้
“เรื่องนี้ แม้ว่าคุณนายซูจะไม่ได้พูด แต่ผมก็รู้ เกรงว่าน่าจะเป็นเศษหยกไร้ค่าที่เก็บสะสมมาในช่วงนี้เอามาทำให้คนตื่นตาตื่นใจ ในเมื่อพวกเขาทำแบบนี้ คุณเองก็เอาเศษหินหยกที่ไร้ค่าออกมาจัดการได้ครั้งเดียวจบไม่ใช่เหรอ?” จ่านมู่ฮวาแนะนำ
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้า เธอมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน ถ้าในการเดิมพันหินขี้โกงแบบนี้ แม้ว่าจะได้ผลประโยชน์กลับมาก็จริง แต่ทำเช่นนี้ไม่ได้ ถ้าหากมีคนที่ใช้หินหยกที่เป็นเศษเหลือนั่นจริงๆ ก็ถือว่าไร้จิตสำนึกและคุณธรรมในตัวมาก อนาคตคงต้องทุกข์ทนทรมาน
“ไม่ดีกว่า เศษหยกของฉันถูกคนตัดเป็นก้อนเต้าหู้เล็กหมดแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เธอปฏิเสธอย่างอ้อมๆ เธอรู้ว่าจ่านมู่ฮวากำลังช่วยเธอคิดหาทาง ในเมื่อบริษัทจิวเวอรี่เจ้าอื่นทำเช่นนี้ เธอก็น่าจะลองดูบ้าง ไม่มีอะไรที่เสียหาย
“ใครกันที่ว่างขนาดนั้น” จ่านมู่ฮวาพูด
“คุณคิดว่าไงล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามย้อนกลับ
“คิดว่านอกจากน้องชายผมแล้ว คงไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้หรอก” จ่านมู่ฮวาพูด
“รอผ่านไปสักหน่อย ฉันจะทำไพ่หยกนกกระจอก คุณก็มาเล่นด้วยกันสิ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เมื่อคิดถึงหินหยกที่ไร้ค่าพวกนั้น หากปล่อยไปก็เสียดายของ ถ้าว่างก็สู้จัดการฝังหยกเนื้อแก้วสีเขียวสดแท้ไว้ด้านหลัง ฝั่งสีขาวแกะสลักเป็นตัวอักษรทำเป็นไพ่นกกระจอก ก็น่าไม่เลวเลย ไพ่นกกระจอกพวกนี้สามารถเป็นของให้ความบันเทิงแก่เธอได้ด้วย
“ถ้าคุณอยากจะทำมันออกมาจริงๆ ผมก็จะไปเล่นไพ่นกกระจอกที่บ้านคุณ แม้ว่าจะแพ้คุณก็ตาม” จ่านมู่ฮวาพูด การเดิมพันใหญ่ข้างหลังถึงเวลาแล้ว พวกเราไปดูกันไหม?”