ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 77 หยกสีแดงกุหลาบ
ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่ลักษณะผิวภายนอกของหินหยกและคาดเดาว่าน่าจะเป็นหยกชนิดผิวบาง จัดอยู่ในรูปแบบเโบราณคลาสสิค มีโอกาสเผยให้เห็นสีเขียวสูง แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นสีเขียวอันตรายได้เหมือนกัน หลอกว่าด้านนอกมีสีเขียวเยอะ แต่พอข้างในอาจจะไม่มีเลยก็ได้ อีกทั้งลักษณะของหินหยกแบบนี้เท่ากับเป็นการเดิมพันครึ่งหนึ่ง เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนโง่ ราคาต้องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ
แน่นอนว่าเป้าหมายของซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ใช่แค่หินหยกก้อนนี้ นอกจากนี้พอสินค้าของเถ้าแก่โจวมาถึงรอบนี้ เขาก็บอกกับเธอเป็นคนแรก ถ้าหากจะพูดให้ดีหน่อยก็คงเป็นเพราะเขาเห็นว่าสายตาของเธอเฉียบคม แต่ถ้าพูดแย่สักหน่อยก็คือ ความจริงแล้วเขาก็แค่อยากจะใช้สายตาของเธอในการแสกนสินค้าก่อนก็เท่านั้น
ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ถ้าเธอเจอสินค้าที่ถูกใจเมื่อไหร่ เถ้าแก่โจวคงขึ้นราคาสูงแน่ หยกชิ้นนี้กลับกลายเป็นของในการอำพรางชั้นดี เมื่อคิดถึงเท่านี้ซีเหมินจินเหลียนก็ยิ้มออกมา รับหินหยกก้อนนั้นมาจากมือของจ่านป๋าย ก่อนจะมองดูอย่างละเอียด บนหินหยกมีลายเส้นหยกที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ จุดสีเขียวก็มีน้อย อีกทั้งยังไม่ได้รวมตัวกันอย่างแน่นหนา แต่ลักษณะแบบนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
มือขวาสัมผัสไปที่หินหยกสีเหลืองแกมน้ำตาลก้อนนั้น ความร้อนแทรกซึมผ่านเข้าไป หลายวันที่ผ่านมาเธอใช้ความสามารถของตัวเองจนค่อนข้างชำนาญ เพียงไม่นานผิวของหยกสีเหลืองแกมน้ำตาลก็ได้จางหายไปในดวงตาของเธอ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตากลับเป็นสีเขียวเข้ม แต่สีเขียวนี่มองอย่างไรก็ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ
ซีเหมินจินเหลียนแอบอุทานอยู่ในใจ หินหยกก้อนนี้ไม่ใช่สีเขียวอันตราย ความจริงแล้วเป็นสีเขียวสดที่หายากด้วยซ้ำ แต่เสียดายที่ความโปร่งแสงไม่ดีเท่าไหร่นัก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหยกขี้หมา คุณภาพเลวร้ายที่สุด หินหยกทั้งก้อนดูแล้วไม่มีส่วนประกอบของน้ำเลยแม้แต่น้อย ถ้าพูดให้น่าฟังหน่อยก็คือมีความเหมือนภาพในสมัยก่อนที่เธอเคยเห็น ดูคล้ายกับขี้หมาตากแห้งท่ามกลางทุ่งหญ้าในชนบท…
แต่ลักษณะหินหยกภายนอกดูอย่างไรมันก็หลอกลวงเกินไป เนื้อหยกเปลือยข้างนอก นึกไม่ถึงว่าเป็นคริสตัลโปร่งแสง แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นเนื้อแก้ว แต่ก็เป็นระหว่างเนื้อแก้วและเนื้อน้ำแข็ง ความโปร่งแสงยิ่งไม่ต้องพูดถึง สว่างสดใสชุ่มฉ่ำ ราวกับต้นหญ้าอ่อนในฤดูใบไม้ผลิ ที่เพิ่งได้รับความชุ่มชื้นจากฝนฤดูใบไม้ผลิ
“วางไว้ข้างๆ ก่อนเถอะ รอเถ้าแก่โจวเปิดราคาไม่สูงเกินจริงแล้วพวกเราค่อยซื้อ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“โอเคครับ” จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ตนเองก็สนใจเห็นหินหยกก้อนนี้เพราะลักษณะพื้นผิวดูดี เกรงว่าลักษณะน่าจะไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นถึงแม้จะแพงขนาดไหน เธอก็คงไม่ลังเลที่จะซื้อ อุตส่าห์หาโอกาสเสนอความคิดเห็นแล้วเชียว คิดไม่ถึงว่าจะล้มเหลวเสียได้ จ่านป๋ายเดินตรงไปที่ระเบียงของประตูอย่างว่าง่ายก่อนจะนั่งลง ให้ซีเหมินจินเหลียนเลือกหินหยกอย่างสบายใจ ไม่ไปรบกวนเธออีก
ซีเหมินจินเหลียนมองจ่านป๋ายที่เดินออกไปแล้วและมองไปรอบด้าน ตอนที่เถ้าแก่โจววางกองหินหยกลงนั้น ถึงแม้จะไม่ได้แยกประเภทหินไว้ให้ แต่หินหยกก้อนใหญ่ก็ถูกวางกองไว้ที่ตรงกลาง
ก้อนใหญ่ที่สุดตรงกลางก้อนนั้น ดูแล้วน่าจะสักประมาณหนึ่งตันครึ่ง ผิวหินชั้นนอกมีสีขาวอมเทาที่หายาก ซีเหมินจินเหลียนจะมองแค่ผิวหินอย่างเดียวก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าหินหยกก้อนนี้เป็นอย่างไร แหล่งผลิตมาจากที่ไหน แต่เธอก็พอประเมินได้อยู่ กลัวว่าหยกก้อนนี้ก็ยังเป็นหยกชนิดผิวบาง จัดอยู่ในสไตล์เก่าแก่โบราณคลาสสิก
ของในร้านเถ้าแก่โจว สินค้าชนิดผิวเบาบางก็มีมากเหมือนกัน
นอกจากนี้ก็มีแค่หินหยกชนิดผิวบาง น้ำหนักไม่เท่ากัน เริ่มจากไม่กี่กิโลไปจนถึงหลายร้อยกิโล จนกระทั่งไปถึงตันก็มี
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ลักษณะของหินหยกก้อนนี้ไม่เลวเลย ผิวเปลือกเป็นสีเทาอมขาว ตรงกลางมีจุดหยกที่หนาแน่น แต่กลับไม่มีลายเส้นหยก
เธอหยิบไฟฉายออกมาจากกระเป๋าแล้วส่องเข้าไปดู ผิวนั้นไม่ได้หนา จนสามารถพูดได้ว่ามันบางมาก! เมื่อมองผ่านแสงของไฟฉาย เธอก็สามารถเห็นสีเขียวที่ซ่อนอยู่ข้างใน
เมื่อใช้มือสัมผัสเข้าไป ผิวสัมผัสก็นุ่มลื่น ถ้าหากมีสีเขียวปรากฏลักษณะน่าจะไม่เลว ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจ แม้ว่าเธออยากที่จะหาพวกที่สีสันและลักษณะหลากหลาย หยกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโรแมนติก แต่เมื่อคิดว่าต้องมีของในบริษัทจิวเวอรี่เป็นของตัวเอง หินหยกระดับชั้นกลางไปจนถึงชั้นสูง เธอก็ต้องมีสำรองไว้ให้มาก
ของดี แน่นอนว่ายิ่งมีเยอะก็ยิ่งดี ไม่มีใครรังเกียจที่ตัวเองจะมีหยกมากเกินไป
มือขวาสัมผัสลงไปด้านบน ความร้อนแผ่เข้าไปในหินหยก เปลือกที่เดิมทีคลุมหินหยกไว้อีกชั้นก็เหมือนกับเสื้อคลุมอาบน้ำของหญิงสาว ที่ค่อยๆ หลุดออกไป เผยให้เห็นเนื้อน้ำแข็งสีเขียว และความมันวาวของหยกสีเขียวทั้งแผ่น
แต่น่าเสียดาย มีสีมรกตที่อยู่ใกล้ๆ จุดสีเขียวสวยสง่าอยู่ที่เดียว ที่เหลือก็เป็นหินสีขาวล้วน มันก็ดูแย่มาก
“สีเขียวติดเปลือกที่ชอบหลวงหลอกคน” ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าไม่หยุดอยู่ในใจ การเดิมพันสายนี้ สิ่งที่น่ากลัวก็คือสีเขียวติดเปลือก ลักษณะผิวภายนอกดูดีเกินไป แต่ที่จริงมีสีเขียวติดเปลือกอยู่ในนั้น ผลลของมันทำให้นักเดิมพันยัดเงินลงไป แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้เดิมพันจนไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
ซีเหมินจินเหลียนเคยได้ยินมาว่าผู้เชี่ยวชาญนักเดิมพันหินส่วนมาก มักเคยมีประสบการณ์ผิดพลาดกับสีเขียวติดเปลือกมาทั้งนั้น เพราะว่าหินหยกหนึ่งก้อน ถ้าหากลักษณะผิวไม่ได้ดีมาก เจ้าของสินค้าก็คงไม่ถึงกับเพิ่มราคา แม้ว่าเจ้าของคิดว่าเก็บไว้ก่อน รอให้ราคาดีแล้วค่อยขายออกไป แต่ผู้ซื้อก็ไม่ได้เห็นแค่การหลอกหลวงผิวเผินแล้วจะซื้อ
แต่สีเขียวติดเปลือกนี่ก็จริงๆ ในเวลาเดียวกันมันทำให้เจ้าของสินค้าส่วนมากขึ้นราคา ส่วนผู้ซื้อก็ทุ่มทุนไม่ยอมแพ้
ซีเหมินจินเหลียนสัมผัสไปที่หินหยกก้อนใหญ่ก้อนนั้น ในใจครุ่นคิดว่าจะซื้อดีหรือไม่ จากนั้นค่อยขายให้กับคนที่มาซื้อต่อ เผื่อจะทำกำไรได้สักหน่อย? แต่เมื่อย้อนคิดดูอีกทีแล้ว ถ้าทำอย่างนี้มันก็ดูจิตใจโหดร้ายเกินไป ตอนนั้นที่เธอหลอกลวงหลินเจิ้ง ก็เป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวก่อน อีกอย่างตอนนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร ตอนที่เห็นหวังเซียงฉินก็รู้สึกเกลียดแบบบอกไม่ถูก หรือจะเป็นเพราะว่าเธอแซ่หวัง?
สำหรับหินหยกสีเขียวติดเปลือกก้อนนี้ เธอจะปล่อยมันไปก็แล้วกัน แต่ถ้าราคาของเถ้าแก่โจวเปิดมาไม่สูงเกินจริง เธอก็อาจจะยอมเป็นคนเสียเปรียบซื้อไป แบบนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ข้างๆ กันนั้นยังมีหินหยกอีกห้าหกก้อน น้ำหนักราวๆ สามสี่ร้อยกิโลกรัม ขนาดถือว่าใหญ่ใช้ได้ ส่วนลักษณะที่เผยให้เห็นก็ดูไม่เลวเลย ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกเลื่อมใสในตัวเถ้าแก่โจวอยู่บ้าง หินหยกที่ดูลักษณะดีพวกนี้ เขาไปหามาจากที่ไหนกันนะ?
แต่ผลที่ได้จากการใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้
เธอปล่อยวางกับการค้นหาหินหยกขนาดใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ความจริงเธอชอบหินหยกขนาดใหญ่เสียมากกว่า นักแกะสลักหยกส่วนมากมักจะอิงตามหินหยกที่ถูกเปิดออกมา แล้วถึงค่อยเจียระไนแกะสลักเป็นเครื่องประดับหรือของประดับตกแต่งต่างๆ แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับชอบที่ตัวเองอยากจะแกะสลักอะไร แล้วมีหินหยกขนาดใหญ่รอให้เธอเลือกใช้มากกว่า
เพราะอย่างนั้นทุกครั้งเวลาดูสินค้า เธอก็ชอบพุ่งตรงไปที่หินหยกขนาดใหญ่ก่อนเสมอ
แต่เมื่อซีเหมินจินเหลียนอยู่ที่โกดังข้างในของร้านเถ้าแก่โจว ทั่วบริเวณทั้งหมดก็ไม่เห็นมีอะไร คิดไม่ถึงเลยว่าจะเลือกหินหยกที่พึงพอใจไม่ได้ เธอได้แต่ถอนหายใจออกมาไม่หยุด หยกชั้นดีจำเป็นต้องรอคอยจริงๆ ถึงแม้จะมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน แต่เธอก็แค่มีข้อได้เปรียบมากกว่าคนอื่นแค่นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าอยากจะหาหยกชั้นดีมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยจริงๆ
แสงแดดยามเช้าอ่อนๆ สะท้อนผ่านเข้ามาทางหน้าต่างแล้วตกกระทบไปอยู่ที่หินหยก ซีเหมินจินเหลียนดับไฟฉายในมือก่อนจะหาวออกมา ในระหว่างที่กำลังจะล้มเลิกนั้น เธอก็หยิบหินหยกไม่กี่ชิ้นขึ้นมาอย่างสุ่มๆ เพื่อจะเอาไปขายทำกำไรต่อ จากนั้นก็กลับไปนอน แต่เวลานี้สายตาของเธอก็บังเอิญเห็นพื้นผิวที่หยกว่ามีแสง…
มีแสงอย่างนั้นเหรอ?
ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง เมื่อใดที่มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น แสดงว่าจะมีหยกชั้นดีเผยให้เห็น อย่างเช่นหยกสีเลือดในตำนาน เธอไม่เพียงแต่สั่นสะเทือนทางจิตใจ แต่รีบเดินเข้าไปดูหินหยกก้อนนั้น ผิวสีแดงแกมเหลือง สีไม่ได้สะดุดตา หากวางไว้ท่ามกลางหินหยกอื่นๆ จะต้องถูกมองข้ามอย่างแน่นอน
ซีเหมินจินเหลียนคาดคะเนในน้ำหนัก คิดว่าน่าจะประมาณสามสี่สิบกิโลกรัมได้ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่
เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว จุดหยกและเส้นลายหยกไม่มีทั้งสิ้น ถ้าวางไว้ต่อหน้าคนส่วนมาก คงจะเป็นแค่หินไร้ค่า แต่เมื่อมีประสบการณ์จากการมองหมอกในครั้งนั้น เธอก็ดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เป็นอย่างที่คิดไว้ ผิวด้านบนซ่อนแผ่นหมอกสีแดงไว้จางๆ เมื่อยื่นมือไปสัมผัสผิวก็นุ่มลื่นกว่าปกติ ในใจได้แต่ด่าตัวเองที่สะเพร่า ผิวที่ละเอียดอ่อนและชุ่มชื้นเช่นนี้ เธอก็เกือบจะพลาดโอกาสไปแล้ว
หรือว่านี่จะเป็นหยกสีแดง? หรือไม่ก็หยกม่วงดอกไลแอคเหมือนครั้งนั้น?
โดยปกติแล้วถ้ามีหมอกสีแดงคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากสองสิ่งนี้ เธอไม่สนใจมันแล้ว ตอนนี้ฟ้าใกล้จะสว่าง เธอต้องรีบดูให้เสร็จแล้วกลับไปนอน ซีเหมินจินเหลียนคิดแล้วก่อนจะใช้มือขวาสัมผัสลงไปตรงๆ
ผิวสีแดงแกมเหลืองก็ได้หายไปจากสายตาของเธอ ข้างในมีหินสีขาวหนาแน่นมาคั่นไว้ น่าจะลึกประมาณสามเซนติเมตร
ซีเหมินจินเหลียนอึ้งนิ่งอยู่นาน ในใจมีแต่ความสงสัย แหล่งกำเนิดแสง แน่นอนว่าเป็นแสงในตัวของหยกเอง กั้นด้วยผิวที่หนา แสงของหยกไม่น่าจะสะท้อนออกมาได้ ตอนนั้นผิวของหยกสีเลือดก็ไม่ได้หนา ไม่สิ ผิวของหยกสีเลือดหนาบางไม่สม่ำเสมอกัน เพราะอย่างนั้นทำให้แหล่งกำเนิดแสงทะลุผ่านมาได้
ตามที่ผู้อาวุโสเคยพูดไว้ ตอนนี้คนที่เข้าใจในแสงของหยกดูมีน้อยมาก น้อยมากจริงๆ คนส่วนมากใช้แต่อุปกรณ์สมัยนี้ ไฟฉายและแว่นขยาย แต่ละเลยในดวงตาที่ดีของตนเอง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าแสงยามเช้าที่จะเข้ามา ซีเหมินจินเหลียนก็คงไม่ได้ใส่ใจในหินหยกก้อนนี้ แต่สีของหยกกลับทำให้เธอคาดไม่ถึง
เป็นหยกสีแดง แต่ไม่ใช่หยกสีแดงสดธรรมดา และไม่ใช่หยกสีแดงไฟ อีกทั้งไม่ใช่หยกสีเลือดที่ทำให้ผู้พบเห็นตกใจ และไม่ใช่ม่วงดอกไลแอค…
แต่เป็นสีแดงดอกกุหลาบที่ให้กลิ่นอายถึงความโรแมนติกของยุโรป แต่ว่าเป็นสีตรงกลางระหว่างสีแดงสว่างและสีม่วงดอกไลแอค สดใสกระจ่างตา ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความรัก ราวกับคนรักที่สวยงาม ผิวของหยกนุ่มลื่นมาก ลักษณะข้างในแน่นอนว่าไม่มีอะไรที่ไม่ดี ความโปร่งแสงสูง ความมันวาวเต็มเปี่ยม แม้ว่าจะเทียบกับคริสตัลใสบริสุทธิ์อย่างราชางูไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นหยกเนื้อแก้วระดับดี
ซีเหมินจินเหลียนมองแค่แวบเดียวก็หลงรักเข้าแล้ว อีกทั้งเมื่อวิเคราะห์ดูจากลักษณะของผิวภายนอก นี่น่าจะเป็นโรงงานต่ามู่ข่าน ได้ยินว่าโรงงานต่ามู่ข่านอุดมไปด้วยหยกสีแดง ชื่อเสียงเป็นไปตามที่คิดไว้