ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 69 หายตัว
ซีเหมินจินเหลียนนวดขมับที่กำลังปวดตุบๆ ผลลัพธ์ของการใช้ความสามารถในการทะลุมองผ่าน ทำให้เธอเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก พอได้ฟังสักพัก เธอจึงอึ้งนิ่งอยู่นานถึงถามออกไป “คุณว่าอะไรนะ ใครตาย?”
“หลินเสวียเหวินครับ” จ่านป๋ายยิ้มขมขื่น
“คุณปู่หลินตายแล้ว?” ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็ได้สติกลับมา นี่เป็นไปไม่ได้? ทำไมเรื่องถึงได้เกิดขึ้นเร็วขนาดนี้กัน ครั้งก่อนที่คุณปู่หลินอยากจะเจอเธอ แม้ว่าร่างกายไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ แต่สติก็ยังครบถ้วน ไม่น่าจะต้องมาตายอย่างกะทันหันขนาดนี้ แม้ว่าแก่แล้วอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสักวัน แต่ร่างกายอย่างคุณปู่หลิน ก็น่าจะยังมีชีวิตต่อไปได้อีก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะเคยคิดมาก่อนว่าถ้าหากได้รับการรักษาอย่างดี เขาคงฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงอย่างไม่มีปัญหา แต่ทำไมพอพูดว่าตายก็จะมาตายง่ายๆ แบบนี้ล่ะ
“คุณปู่หลินโดนวางยาครับ” จ่านป๋ายเห็นถึงความสงสัยของเธอแล้วจึงพูดอธิบายขึ้น
“โดนวางยา?” ซีเหมินจินเหลียนยิ่งแปลกใจมากเข้าไปอีก อยู่ดีๆ ทำไมเขาถึงได้โดนวางยาได้กัน
“เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อยน่ะ” จ่านป๋ายเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี “ตอนนี้หลินเจิ้งยืนยันว่าหลินเสวียนหลานเป็นคนวางยาหลินเสวียเหวินจนตาย ตระกูลหลินทั้งบ้านกำลังยุ่งวุ่นวายไปหมด”
“แล้วหลินเสวียนหลานเป็นอะไรไหม” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น
“เรื่องนี้ตระกูลหลินไม่ได้แจ้งความ” จ่านป๋ายพูด “หลินเสวียนหลานจึงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่เรื่องที่เป็นปัญหาก็คือสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดทายาทของตระกูลหลิน จนถึงตอนนี้ก็ยังวุ่นวายอยู่เลย”
ซีเหมินจินเหลียนคิดแล้วขมวดคิ้ว “ราชาหยกก้อนนั้น…”
“จินเหลียน ผมสงสัยในการตายของชายชราหลิน ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชาหยกนั่น” จ่านป๋านพูด “หลินเสวียนหลานคงโดนกลั่นแกล้ง แต่ต้องมีคนวางพิษแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกัน”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เธอสามารถซื้อหุ้นของบริษัทตระกูลหลินได้ แต่ไม่สามารถไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องที่บ้านของเขา ราชาหยกก้อนนี้เป็นหยกอะไรกันแน่?
“ไม่ได้ ฉันอยากจะโทรไปถามผู้อาวุโสหูว่าราชาหยกนี่เป็นอะไรกันแน่” ซีเหมินจินเหลียนรีบลุกขึ้นเข้าไปในห้องน้ำ แล้วหวีผมล้างหน้าอย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์โทรไปหาผู้อาวุโสหู
ในโทรศัพท์มีเสียงอัตโนมัติดังขึ้นมาว่า [เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…]
“ผู้อาวุโสหูปิดเครื่อง” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว
“ผมลองโทรไปแล้วครับ” จ่านป๋ายส่ายหน้า “มือถือก็ปิดตลอด ผมว่า…ผมจะไปดูสักหน่อย”
“คุณรอฉันสักครู่นะ ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วพวกเราไปด้วยกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ตกลงครับ” จ่านป๋ายพยักหน้า ก่อนจะออกมาจากห้องนอนของซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนเลือกเสื้อยืดธรรมดาตัวหนึ่ง และกางเกงยีนส์หลวมสบาย แล้วมัดผมขึ้นไปลวกๆ
ทั้งคู่ออกนอกประตู จ่านป๋ายคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี อีกทั้งเขายังรู้ว่าผู้อาวุโสหูพักอยู่ในย่านหลานกุ้ยใกล้ๆ กัน เขาซื้อบ้านสไตล์เก่าแก่พักอยู่หลังหนึ่ง
แต่เมื่อทั้งคู่มาถึงหน้าประตูบ้าน กลับเห็นว่าประตูใหญ่ถูกล็อคเอาไว้ ผู้อาวุโสหูไม่ได้อยู่บ้าน
จ่านป๋ายหยิบกุญแจไปเสียบไว้ที่แม่กุญแจ ก่อนจะมีเสียงก๊อกแก็กดังขึ้น เพียงไม่นานแม่กุญแจก็เปิดออกโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ซีเหมินจินเหลียนที่กำลังมองอยู่ตาก็เบิกกว้างขึ้น
“พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน เธอถึงค้นพบว่าทำไมจ่านป๋ายถึงพูดว่า ทั้งหมดในนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปธรรมดาจะเล่นได้ เป็นจริงอย่างที่ว่า ของเล่นโบราณจริงๆ เช่นนี้ ไม่ใช่แค่คนรวยมีเงินธรรมดาก็จะสามารถเล่นได้
เครื่องลายครามก็ถูกจัดวางไว้ตามทางอย่างไม่คิดอะไร ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ก็สื่อถึงความหรูหราในตัวของเจ้าของ ผู้อาวุโสหูไม่ใช่คนมีเงินธรรมดาจริงๆ
จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนเดินดูรอบบ้านหนึ่งรอบ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ราวกับเข้าบ้านของตัวเอง ไม่ว่าซีเหมินจินเหลียนจะคิดอย่างไรก็เหมือนว่าตัวเองเป็นโจรขึ้นบ้าน แต่เหนือความคาดหมายของพวกเขาทั้งคู่คือภายในบ้าน ไม่ว่าอะไรก็มีทั้งหมด แต่ยกเว้นหยก อย่าพูดถึงหินหยกเลย ขนาดของประดับตกแต่งจากหยกหรือเครื่องประดับจากหยกยังไม่มีเลยสักชิ้น…
“ผู้อาวุโสคนนี้ดูแล้วคงไม่ชอบหยก” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด
“สิ่งที่เขาต้องการหา มีแค่หินที่หลงเหลือจากการปิดฟ้าเท่านั้น” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆ ผู้อาวุโสคนนี้ก็ช่างประหลาดเสียจริง
“ผู้อาวุโสหูคงจะรีบไปมาก” จ่านป๋ายเดินไปรอบบ้าน จากนั้นก็สรุปผลออกมา
ซีเหมินจินเหลียนพูด “เสี่ยวป๋าย พวกเราก็รีบหน่อยดีกว่า ฉันก็คิดตลอดเลยว่าพวกเราก็ดูเหมือนโจร”
จ่านป๋ายได้แค่ยิ้มและส่ายหน้า “ถ้าเป็นโจรก็ต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ สิครับ จะเหมือนพวกเราที่เข้าบ้านทางประตูแบบเปิดเผยอย่างนี้ได้ยังไงกัน”
เมื่อออกจากบ้านของผู้อาวุโสหูแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็คิดแล้วคิดอีก ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาผู้อาวุโสเจีย ในมือถือมีเสียงของเจียหยวนฮวาดังสดใสขึ้นมา “สวัสดีครับคุณซีเหมิน อาจารย์ของผมเป็นอย่างไรบ้าง”
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ เธอโทรไปหาเจียหยวนฮวาก็เพื่อที่อยากจะถามเจียหยวนฮวาว่าผู้อาวุโสหูไปไหน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดปาก เจียหยวนฮวาก็พูดออกมาเช่นนี้
“ผู้อาวุโสเจีย” ซีเหมินจินเหลียนท่าทางลังเลคิดอยู่ว่าจะบอกเขาดีหรือไม่ว่าผู้อาวุโสหูหายตัวไป
“มีอะไรหรือครับ” เจียหยวนฮวาถามขึ้นอย่างสงสัย “หรือว่าผู้มีพระคุณมาทำให้คุณลำบากใจ? คุณซีเหมิน อาจารย์ของผมนิสัยอาจจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่ก็ขอให้คุณเปิดใจเยอะๆ ใจเย็นๆ สักหน่อยนะ” สัญชาตญาณของเขาบอกว่า ผู้อาวุโสหูคงไปทำอะไรให้ซีเหมินจินเหลียนไม่พอใจ ซีเหมินจินเหลียนจึงโทรหาเขา…
ยิ่งไปกว่านั้นเจียหยวนฮวาก็เข้าใจตัวเองดี ภายในวงการนักเดิมหยกเขาก็ถือว่ามีชื่อเสียง หากซีเหมินจินเหลียนอยากจะอยู่สายนี้ต่อไป เธอก็คงไม่อยากจะไปขัดใจผู้อาวุโสหู
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เรื่องเป็นอย่างนี้…” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี ไม่แน่ผู้อาวุโสหูอาจมีเรื่องให้ทำให้ออกนอกบ้านไป แล้วบังเอิญโทรศัพท์แบตหมดพอดี ถ้าหากตนตกใจกระวนกระวายไปก่อน เกรงว่าคงเป็นเรื่องตลกแน่ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับผู้อาวุโสหูนิดหน่อยน่ะค่ะ แต่มือถือของเขาก็ปิดเครื่องตลอดเวลา ฉันก็เลยมาหาเขาที่บ้าน แต่ก็ไม่เจอ เดิมทีก็คิดจะถามคุณว่าคุณรู้ไหมว่าเขาไปไหน…”
เจียหยวนฮวาที่อยู่ปลายสายยังคงงงงันแล้วพูดต่อไปว่า “คุณซีเหมิน ตอนที่ผู้มีพระคุณไปจากที่นี่ เขาก็ไปเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อหาคุณ”
“ฉันรู้ค่ะ เขามาหาฉันแล้ว ฉันเลยแค่อยากจะถามคุณว่าตอนที่เขาอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้ เขามีเพื่อนสนิทที่ไหนบ้างหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนถาม ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเธอจึงรู้สึกไม่สงบสุข
“ไม่มีครับ เท่าที่ผมเคยรู้ตอนที่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ผู้มีพระคุณก็ไม่มีเพื่อนหรือญาติสนิทที่ไหน” เจียหยวนฮวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “ผู้มีพระคุณทั้งชีวิตตัวคนเดียวตลอด ไม่ได้แต่งงาน ถึงแม้จะมีเพื่อนสนิทเก่าแก่ แต่ก็เกรงว่าคงตายจากไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้คงจะมีคนมาหาเขาบ้าง”
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราค่อยคุยกันนะคะ” ในใจของซีเหมินจินเหลียนไม่สบายใจทวีคูณเพิ่มขึ้น พูดพลางเตรียมตัวกดวางสาย
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ปลายสายมีเสียงของเจียหยวนฮวาส่งมา
“คะ…” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น “ผู้อาวุโสเจียยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ”
“ถ้าหากได้ข่าวของผู้มีพระคุณเพิ่มเติม รบกวนคุณซีเหมินช่วยโทรมาหาผมด้วยนะครับ” เจียหยวนฮวาพูด “คุณก็รู้ว่านิสัยของชายชราท่านนี้แปลกๆ ผมไม่อยากโทรไปรบกวนเขา…”
“ตกลงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรับปากและวางสายไป
“ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ” จ่านป๋ายขมวดคิ้ว “ผู้อาวุโสหูหายไปไหนกันแน่?”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ความรู้สึกของผู้หญิงช่างแม่นยำ ทำให้เธอรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้อง
“พวกเรากลับกันก่อนเถอะครับ ตอนกลางคืนผมนัดหลินเสวียนหลานออกมาเพื่อถามเรื่องตระกูลหลิน คุณว่าการที่อยู่ๆ ชายชราหลินก็มาตายจากไปแบบนี้ อีกทั้งยังเป็นการตายแบบไม่คาดคิด ส่วนผู้อาวุโสหูก็มาเพราะราชาหยก แล้วอยู่ๆ ก็หายตัวไป นี่มันก็จะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่า” จ่านป๋ายพูด
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราไปแจ้งความดีไหม” ซีเหมินจินเหลียนพูดแนะนำ
“ไม่ได้นะครับ” จ่านป๋ายส่ายหน้า “พวกเราจะไปแจ้งความกันยังไง เรื่องของตระกูลหลิน ตระกูลหลินคงรีบปิดเรื่องแทบไม่ทัน ตัวพวกเขาเองคงไม่ไปแจ้งความหรอก ส่วนผู้อาวุโสหู ตัวเขาก็แปลกอยู่แล้ว คุณว่าถ้าเราแจ้งความไปซี้ซั่ว ถ้าหากมีเรื่องเกิดขึ้นจริงก็แล้วไป แต่ถ้าเขาไม่เป็นไร เขาแค่ออกไปเที่ยวข้างนอก อย่างนั้นเท่ากับว่าพวกเราแจ้งความเท็จ รบกวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นะครับ”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ความจริงพวกเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจผู้อาวุโสหูเท่าไหร่นัก ส่วนเจียหยวนฮวาก็พอเข้าใจว่า ถ้าหากเขามีเพื่อนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แต่ก็น่าจะตายจากไปนานหมดแล้ว พวกเขาไปแจ้งความแบบนี้คงจะถูกคนหัวเราะเยาะจนฟันร่วงก็คงไม่แปลก
“ตอนกลางคืนฉันจะไปบ้านตระกูลหลินกับคุณด้วย” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“อย่าดีกว่าครับ” จ่านป๋ายขับรถอย่างช้าๆ
“ทำไมล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ตอนกลางคืนผมจะไปดูห้องที่ชายชราหลินเคยอยู่ ให้หลินเสวียนหลานนำทาง คุณไม่ต้องไปหรอก ผมคิดว่าการตายของชายชราหลินไม่ใช่แค่เรื่องการแย่งชิงมรดกง่ายๆ แบบนั้นแน่” จ่านป๋ายอธิบาย “ถ้าคุณไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก อีกอย่างหลินเจิ้งก็ไม่ใช่คนที่ปล่อยเรื่องผ่านง่ายๆ คงไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่”
“คุณว่าใครเป็นคนวางยาคุณปู่หลินกัน” ซีเหมินจินเหลียนถาม
จ่านป๋ายครุ่นคิดชั่วครู่ก็พูดออกมา “เรื่องนี้ก็พูดยากครับ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็เป็นไปได้ทั้งนั้น รวมถึงหลินเสวียนหลานด้วย”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอได้แต่ถอนหายใจ จ่านป๋ายคิดแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหากผู้อาวุโสหูไม่ได้มาเพราะเรื่องราชาหยก เรื่องนี้ก็คงจะง่ายขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าหากมาเพราะราชาหยกจริงๆ ก็ยุ่งยากแล้ว!”
“คุณว่ายังไงนะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยพบเจอเรื่องราวที่ซับซ้อนขนาดนี้
“คุณลองคิดดูสิครับ ถ้าหากผู้อาวุโสหูไม่ได้มาเพราะราชาหยก แต่มาเพียงเพราะแค่หยกราชางูนั่น ถ้าอย่างนั้นการที่เขามาเมืองเซี่ยงไฮ้ก็แค่บังเอิญเจอหลินเสวียนหลานเท่านั้น แล้วเลยพูดเรื่องทวงหนี้ แต่ก็แค่ไม่คิดอะไร แต่ถ้าหากมาเพราะราชาหยก อย่างนั้นทำไมหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่อยากได้ราชาหยกเลย แต่ตอนนี้อยู่ๆ ก็มาอยากได้กันล่ะ” จ่านป๋ายวิเคราะห์
“เพราะว่า ราชางู?” ซีเหมินจินเหลียนพูดด้วยเสียงตกใจ
“ใช่!” จ่านป๋ายพยักหน้า “ถ้าหากเมื่อก่อนเขาไม่ได้ตามเรื่องราชาหยก แต่ตอนนี้อยู่ๆ กลับมาอยากได้ แถมไม่ได้อยากได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นราชาหยกก้อนนั้นคงมีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างเกี่ยวข้องกับหยกราชางู”
ซีเหมินจินเหลียนคิดแล้วคิดอีก ถึงพูดขึ้นว่า “ฉินเฮ่าก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่านั่นก็เป็นแค่หินหยกก้อนหนึ่ง? หินหยกที่ยังไม่ได้เปิดออก แล้วทำไมถึงถูกเรียกว่าเป็นราชาหยกได้? ใครกล้ารับรองว่าลักษณะข้างในของมันจะดี แล้วเป็นหยกแน่ๆ หรือว่าเป็นหยกชั้นดี? มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหินก้อนนี้มีคุณค่าเป็นเช่นไร”
“คำถามนี้ เกรงว่านอกจากผู้อาวุโสหู ก็คงมีเพียงแค่หลินเสวียเหวินที่ได้ตายไปแล้วเท่านั้นถึงจะรู้” จ่านป๋ายพูดอย่างปลงใจ