ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 340 สีรุ้งสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนกลุ้มอกกลุ้มใจก็คือเปลือกสีที่เข้ากันไม่ได้ขนาดนี้กลับถูกเลือกออกมาร่วมงานพนันหรูหราในค่ำคืนนี้ กวาดสายตาไปที่ราคาห้าล้านดอลลาร์ ราคาเริ่มประมูลก็ไม่ถูกแล้ว แต่จากที่ดูมาทั้งทาง ราคาประมูลขั้นต่ำของหินหยกดิบก้อนนี้น่าจะถูกที่สุดแล้ว โดยทั่วไปราคาน่าจะอยู่ที่ห้าล้านถึงสิบล้าน ราคาประมูลของสิบสองราศีในวันสุดท้ายของชิงซื่อ จิวเวลรี่เป็นราคาที่สูงมาก จัดอยู่ในประเภทที่มองได้ แต่ไม่แน่ว่าจะซื้อได้
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าสีของผิวหินหยกดิบก้อนนี้ต่างพิถีพิถันเรื่องปรองดองกันอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างน้อยก็ทำให้คนที่ดูรู้สึกสุขตาสุขใจไม่น้อย หรือที่เรียกว่าความรู้สึกแรกพบ หินหยกดิบที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนจริงๆ หินหยกดิบก้อนนี้มีจุดหยกเยอะมาก เพียงแต่กระจายตัวน้อยกว่าปกติ…
ยื่นมือไปแตะ สัมผัสมือเหมือนปกติทั่วไป แต่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชนิดเหลาเคิงอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าจะเป็นเพราะนี่คือชนิดเหล่าเคิงถึงได้ถูกคัดสรรไว้ในสิบสองราศีงั้นเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนี้หินหยกดิบก้อนนี้ถึงไม่สิบก็มีแปดมีเก้าที่อยู่ในหินหยกดิบที่ถูกปล้นขโมยไปในตอนนั้น
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปสัมผัสด้านบน ไม่นานเปลือกสีเทาน้ำตาลประหลาดพลันเลือนหายเข้าไปในดวงตาลุ่มลึก แสงแดงระเรื่ออ่อนๆ สะท้อนเข้าไปในม่านตาอย่างเงียบๆ
“หยกแดงงั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนกลับรู้สึกแปลกใจ แต่ในชั่วเวลานี้เธอพลิกข้อสรุปของเธอทันที นี่ไม่ใช่หยกแดง ในชั่วพริบตาเดียวโลกแห่งสีสันตระการตาปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ…
สีสันหลากสีหลากสไตล์ ผลัดหมุนเวียนกันเป็นแสงสีสดใสของโลกอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่…นี่ไม่ใช่แสงห้าสี แต่เป็นแสงสีรุ้งอย่างแท้จริง
แสงเรืองรองของสีรุ้งแถบหนึ่งพันล้อมด้านนอกของพื้นสีขาวดั่งหยกไขมันแพะอยู่เงียบๆ แสงสีรุ้งที่สดใสเต็มพิกัด แดงส้มเหลืองเขียวครามน้ำเงินม่วง แถบแสงแต่ละเส้นมีความหนาประมาณแค่นิ้วมือ แต่กระจัดกระจายตัวกันอย่างสม่ำเสมอ แถมแสงอาทิตย์สีรุ้งนี้ไม่ถือว่ายาวมาก มีความยาวปรากฏเป็นเส้นโค้งแค่ยี่สิบกว่าเซนติเมตรเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ซีเหมินจินเหลียนเจอหยกสีรุ้ง อีกอย่างหยกแสงอาทิตย์สีรุ้งน่าจะมีแหล่งกำเนิดแสงเย็นเล็กน้อย ทว่าตอนนี้แหล่งกำเนิดแสงเย็นไม่เหมือนดั่งเส้นโค้งที่ปรากฏ หากเพียงแต่กระจายแสงสีสลัวชนิดหนึ่งปะปนอยู่ด้วยกัน เป็นคำพูดที่เบิกบานใจจนไม่รู้จะปริปากอย่างไรดี
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเบาๆ เปลือกผิวไม่กลมกลืนแบบนี้ แต่ข้างในหยกกลับมีสีรุ้งในตำนาน อีกทั้งยังสวยกระจ่างใสแวววาวอีก
แต่ไหนแต่ไรไม่ใช่ว่าไม่เคยมีสีรุ้ง เพียงแต่สีรุ้งส่วนใหญ่ในความเป็นจริงพวกมันทั้งหมดมีสีขาวเป็นพื้นหลังหรือไม่ก็สีสดใสไม่สม่ำเสมอ โดยทั่วไปแค่รุ้งห้าสีที่ปรากฏถือว่าพบเจอได้ยากแล้ว สีรุ้งเจ็ดสีจริงๆ ยังไม่มีใครเคยเห็น มีเพียงแต่ในทฤษฎีเท่านั้น
ชนิดเหล่าเคิง ความอิ่มน้ำไม่มีอะไรต้องพูดถึง ผลึกเนียนละเอียด ดูจากหลายๆ ด้านแล้วหยกสีรุ้งก้อนนี้ไม่มีที่ติเลยสักนิด
ไร้ที่ติอย่างสมบูรณ์แบบ!
ราศีธนู…ซีเหมินจินเหลียนแอบบ่นพึมพำอยู่ในใจหนึ่งประโยค ต่อจากนั้นหินหยกดิบที่เหลือเธอดูแล้วไร้รสชาติ มีสีรุ้งที่เพอร์เฟคแบบนั้น บวกกับหยกแสงอาทิตย์สีเหลือง แล้วยังมีหยกอะไรอีกที่ชนะใจเธอได้?
“จินเหลียน ดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?” จ่านป๋ายเห็นเธอหาเก้าอี้มานั่งเลยถือแก้วน้ำส้มคั้นมาหนึ่งแก้วส่งให้เธอพร้อมถาม
ซีเหมินจินเหลียนรับน้ำส้มคั้นมาและจิบเบาๆ พร้อมพูด “ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ตั้งใจเลือกออกมา ลักษณะภายนอกไม่เลว อีกเดี๋ยวต้องดูว่าจะมีโชคชะตาได้ประมูลไหม”
“คุณสนใจกี่ก้อนเหรอ?” จ่านป๋ายถาม
“ไม่บอกคุณหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเบาๆ ในขณะที่พูดหยิบโทรศัพท์ต่อสายโทรหาหลินเสวียนหลาน
“จินเหลียน มีธุระอะไรเหรอ?” เมื่อต่อสายติดพลันมีเสียงอบอุ่นน่าฟังของหลินเสวียนหลานส่งผ่านมา
“ในบัญชีของฉันมีเงินเท่าไหร่เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินเสวียนหลานถามด้วยความไม่เข้าใจ รีบรายงานตัวเลขให้เธอทันที “มีเพียงพอให้คุณใช้ได้สบาย วางใจเถอะครับ! นี่เป็นแค่รายการที่บันทึกไว้ในบัญชีเปิดเผยของบริษัท นอกจากนี้บัญชีส่วนตัวของคุณมีเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ เมื่อวานกับวันนี้คุณชนะพนันยาเป่าไปไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ?”
หลังจากได้ยินหลินเสวียนหลานรายงานตัวเลขนั้นออกมา ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนถึงได้ผ่อนลมหายใจลง ราคาเริ่มประมูลของสิบสองราศีสูงจนเกินกว่าความเป็นจริง ถ้าพบว่ามีคนเจตนาไม่ดีชิงราคาไป ถึงเธออยากจะครอบครองหินหยกดิบพวกนั้นก็ดูจะยากเสียแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องถามว่าในมือของตัวเองมีเงินสดที่สามารถจัดหาได้เท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถวางใจได้
ซีเหมินจินเหลียนตรึกตรองอยู่พักใหญ่ จ่านมู่ฮวามีเงินของเธออยู่ส่วนหนึ่ง ถ้าหากรวมส่วนนี้ไปแล้วยังไม่พอ ไปยืมหูหวังสักหน่อย เพราะยังไงเขาก็อยู่ลาสเวกัสเหมือนกัน
แต่ซีเหมินจินเหลียนประเมิณว่าราคาไม่น่าสูงถึงขนาดที่เธอซื้อไม่ได้ นอกเสียจากมีคนบ้าจริงๆ
“จินเหลียน ทางผมก็มีเงินอยู่บ้าง!” จ่านป๋ายยิ้ม “ถ้าไม่พอ คุณเอาไปใช้ก่อนก็ได้”
“หากเป็นสถานการณ์ปกติ ฉันคงไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องพวกนี้หรอก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืดเฝื่อนพูด “เพราะเป็นราคาเปิดเผย ดังนั้นฉันเลยกังวัลว่าอีกเดี๋ยวจะมีคนเจตนาไม่ดีชวดชิงราคาไป ถ้าเป็นแบบนั้นราคาเกินกว่าจริงต่างปรากฏขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ถ้าอยู่ในประเทศจีนการพนันหินเหมือนกันทั้งนั้น ฉันไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่ที่นี่คือลาสเวกัส แหล่งรวบรวมลูกล้างผลาญเงินที่ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนทั่วโลกไว้หมด ใครจะไปรู้ได้…”
จ่านป๋ายได้ยินเธอพูดอย่างนั้น ในใจพลันกระตุกวาบ หรือว่าในบรรดาสิบสองราศีจะมีหินหยกดิบที่เธอพยายามทุกวิธีทางที่จะซื้อมัน? พนันหินหนอพนันหิน ความจริงก็คือคำว่าพนันคำเดียวอยู่ในนั้น หากราคาสูงเกินไป แม้ผ่าหยกออกมาจะเป็นหยกคุณภาพเยี่ยมยอด แต่มันก็ไม่มีพื้นที่เหลือให้กำไร แล้วจะพนันไปทำไมอีก?
ดังนั้นจ่านป๋ายกลับนิ่งเฉย โดยเนื้อแท้แล้วอยากจะให้ซีเหมินจินเหลียนนำทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านพนันไปให้หมด แม้ว่าเธออยากซื้อหินหยกดิบทั้งสิบสองราศี ก็ใช้ไม่เยอะขนาดนั้น เธอตีตนไปก่อนไข้ทั้งนั้น
อีกอย่างบางคนแม้จะมีเงินทอง ก็ไม่อาจจะเอาไปพนันไว้ในนั้น สุดท้ายแล้วคนส่วนใหญ่สนใจในพนันยาเป่ากับเกมผ่าหยกต่างหาก
ถึงอย่างไรสามารถเป็นสักขีพยานผ่าหยกที่สวยงามตัดออกจากหินแข็งด้วยตาตัวเองก็ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว ยิ่งสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องพนันหินด้วยแล้ว แก่นแท้ของวัฒนธรรมตะวันออกเช่นนี้ยิ่งมาพร้อมกับสีสันลึกลับในตัวมัน คนบางส่วนที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ต่างไม่สนใจที่จะเล่นพนันสักตาหรอก
ซีเหมินจินเหลียนฟังที่จ่านป๋ายอธิบาย ทันใดนั้นก็โล่งใจไม่น้อย ตนเองวิตกกังวลมากเกินไป อย่างไรเสียเมื่อก่อนที่พนันหิน แม้ว่าจะพลาดพลั้งก็แค่ปล่อยผ่านไปเท่านั้น วันนี้หากพลาดพลั้งเสียท่าขึ้นมา หลังจากนี้อาจมีโอกาสหาสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่หยกแสงอาทิตย์สีเหลืองหรือหยกสีรุ้ง ถ้าพลาดทำมันหลุดมือไป เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีวาสนาได้เจอกันอีกแล้ว
เพราะฉะนั้นที่เธอประหม่าเกินเหตุมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
เมื่อรอถึงเวลาประมูล ทุกสิ่งทุกอย่างผิดคาดไปหมด ในงานประมูลไม่ได้คึกคักแบบที่เธอจินตนาการไว้เลย เมื่อเทียบกับงานประมูลหินก่อนๆ พวกนั้นแล้ว ผลสรุปที่ได้ก็คือเงียบเชียบ
แต่ในที่สุดก็ไม่ได้งานกร่อยเสียทีเดียว หินหยกดิบในราศีเมษกับราศีพฤษภถูกประมูลออกไปในราคาสูงลิ่ว
มาถึงตาของราศีกุมภ์ เมื่อบริษัทจัดการประมูลประกาศราคาเริ่มต้นแปดล้านขึ้น กลับไม่มีใครแก่งแย่งราคา ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็ซื้อมาด้วยราคาแปดล้านสองแสนดอลลาร์
เมื่อเป็นเช่นนั้นจ่านป๋ายจึงพูดเชิงหยอกล้อไปว่า “ผมบอกแล้ว คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้น!”
“ฉันก็ยังกังวลอยู่บ้าง!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน “ฉันชอบคิดถึงการแย่งราคาที่พม่าครั้งนั้น ฉันเลยกลัว!”
“คุณหูกลับพม่าไปแล้ว!” จ่านป๋ายได้ยินแล้วหัวเราะเสียงเบา ยิ่งไปกว่านั้นจะไปหาหูชีเยี่ยนบนโลกอีกครั้งได้ที่ไหน?
ความสามารถที่หูชีเยี่ยนแสดงมาทั้งหมดคงไม่ได้มีแค่เวลาพนันหินหรอก จ่านป๋ายคิดๆ ดู ถ้าเขาอยากจะทำธุรกิจ ไม่สนว่าทำธุรกิจอะไรก็สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ทั้งนั้น
คนคนนี้ลึกลับมาก ความสามารถก็ล้นมาก!
ส่วนหินหยกดิบราศีธนูก้อนนั้น แม้ว่าจะมีคนชวดชิงราคา แต่เพราะความมุ่งมั่นของซีเหมินจินเหลียน โต้ตอบเพียงไม่กี่รอบเธอก็ซื้อมาไว้ในครอบครองได้อย่างราบรื่นแล้ว
จนกระทั่งเวลานี้ ซีเหมินจินเหลียนถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดิมทีงานประมูลกำหนดเวลาสิ้นสุดไว้ที่หนึ่งชั่วโมง แต่กลับใช้เวลาแค่ห้าสิบนาที
ถัดมาก็คือยาเป่า นี่คือความคึกคักที่ไม่เคยเกิดขึ้นในก่อนหน้า ดูแล้วจากที่จ่านป๋ายพูดไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด การพนันเป็นรากฐานของความอ่อนแอในมนุษย์ มีน้อยคนที่ซื้อหินหยกดิบแล้วพากลับไป คนส่วนใหญ่ยอมพนันสักตาเสียมากกว่า
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูแล้วพลันมองออดซ์ที่เปิดมา หินหยกดิบสองก้อนที่เธอซื้อไว้ ก้อนของราศีกุมภ์ได้ออดซ์สามต่อหนึ่ง ส่วนก้อนราศีธนูเปิดราคาออดซ์ที่ห้าต่อหนึ่ง ไม่รู้ว่าเปิดออดซ์กันอย่างไรแล้วใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์
คิดๆ ดูแล้ว หินหยกดิบทั้งสองก้อนของเธอ พนันแยกไปอย่างละสองร้อยล้าน ถ้าเป็นเช่นนี้ในตอนท้ายบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่ไม่กลัวว่าจะไม่มีเงินชดใช้เหรอ
“จินเหลียน คุณลงพนันไปเท่าไหร่เหรอ?” จ่านป๋ายไล่ถามตามเธออยู่ด้านหลัง
“ไม่บอกคุณหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“จินเหลียน…จินเหลียน…” จ่านมู่ฮวาไม่รู้พรวดพราดออกมาจากทางไหน เมื่อหาซีเหมินจินเหลียนเจอก็จูงมือเธอยิ้มเริงร่า “ผมพนันคุณไป!”
“ฉันไม่ใช่หินหยกสักหน่อย คุณจะพนันฉันไปทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวยกใหญ่พร้อมถาม
จ่านป๋ายขนลุกชันในใจถามไปว่า “นายลงพนันไปเท่าไหร่?”
“ฉันหาเงินสดเฉพาะหน้าไม่ได้มากนักหรอก แค่ตัวเลขนี้เท่านั้น!” จ่านมู่ฮวาพูดลำพองใจ
จ่านป๋ายทอดถอนใจด้วยความเศร้าโศก บริษัทชิงซื่อที่น่าสงสาร สมิธช่างน่าสงสาร ครั้งนี้ถือว่าเตะถูกแผ่นเหล็ก เกรงว่าสุดท้ายแล้วเขาคงต้องชดใช้จนตาแดงก่ำแน่
ไม่ได้ เขาก็มีหุ้นอยู่ในนั้น จะโชคร้ายตามไปไม่ได้ คิดถึงเท่านี้จ่านป๋ายดีดตัวยืนขึ้น…
“คุณจะไปไหนเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“อย่างน้อยผมก็ต้องเอาเงินที่ได้กลับมา!” จ่านป๋ายรีบพูด
จ่านมู่ฮวาเห็นสถานการณ์แล้วส่งเสียงหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ รอให้จ่านป๋ายเดินไปไกลเขาถึงพูดเสียงต่ำพร้อมยิ้ม “สวี่อี้หรานก็พนันไปร้อยล้าน! คุณพนันไปเท่าไหร่เหรอ?”
“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวใส่เขา จู่ๆ รู้สึกว่าเธอพนันเยอะไปหรือเปล่า? ว่ากันว่าเงินทองป่าวประกาศไม่ได้ แล้วตอนนี้เธอกำลังจะเปิดโปงตัวเองอยู่ไม่ใช่เหรอ?
อีกอย่างบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่ที่สมควรตายนั่น น่าจะพนันยาเป่าก่อนแล้วประมูลทีหลัง บางทีอาจจะไม่มีการกระทำทุจริตก็ได้? แต่ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูแล้ว ถ้าอยากพนันยาเป่าแล้วค่อยประมูล ขอแค่มีคนบางส่วนตรวจสอบว่าเธอพนันก้อนไหน ถึงเวลานั้นก็สามารถตามลมได้เหมือนกัน สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือเจตนาร้ายชวดชิงราคา…อย่างน้อยก็ปิดปังจ่านมู่ฮวากับสวี่อี้หรานสองคนนี้ไม่ได้หรอก