ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 280 ไม่ใช่คน
หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “พ่อจะตบให้ไม่เหลือเลย!”
“คุณแม่งเป็นพ่อของใครงั้นเหรอ?” จ่านมู่ฮวาโกรธจนเดือดจัด
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเฝื่อน หูชีเยี่ยนกับคนแซ่จ่านต่อปากต่อกรไม่มีใครยอมใคร จำได้ว่าที่พม่าเขาก็ตบจ่านป๋ายไปหนึ่งฉาด ตอนนี้พบเจอจ่านมู่ฮวาครั้งแรกเขาก็โดนตบไปอีกหนึ่งฉาด แต่จ่านมู่ฮวากวนบาทา โดนตบไปก็สมควรแล้ว ในเมื่อหูชีเยี่ยนไม่ให้เธอพูดอะไร เธอก็ยินดีที่จะไม่พูดและนั่งดูอยู่บนโซฟา ถึงอย่างไรเธอก็เชื่อว่าหูชีเยี่ยนไม่มีทางเสียเปรียบอยู่แล้ว
จ่านป๋ายเคยบอกว่าคนคนนี้น่ากลัว…แต่จะน่ากลัวขนาดไหน วันนี้ก็คงได้รู้กัน
แต่ในเวลานี้โทรศัพท์ของซีเหมินจินเหลียนก็ดังขึ้นเสียก่อน ซีเหมินจินเหลียนหยิบขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสวี่อี้หราน จึงได้แต่ขมวดคิ้วและเหลือบมองหูชีเยี่ยน จากนั้นถือโทรศัพท์ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูแล้วตรงไปยังสวนดอกไม้
สำหรับเรื่องที่หูชีเยี่ยนจะสั่งสอนจ่านมู่ฮวาอย่างไร เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
เดินถึงในสวน ซีเหมินจินเหลียนถึงได้กดปุ่มรับสาย “มีธุระอะไรเหรอคะ”
“จินเหลียน วันนี้คุณว่างหรือเปล่า” สวี่อี้หรานน้ำเสียงเศร้าสลด ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ดูเปิดเผยและจริงจัง
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ตอนบ่ายเธอต้องไปดูจินอ้ายหัว สำหรับปัญหาที่จินอ้ายกั๋วพูดถึงนั้นเธอเลือกที่จะมองข้าม เพราะอย่างไรขอแค่เสี่ยวป๋ายไม่เป็นไรก็ดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องอื่นไม่สำคัญ
อยู่กันดีๆ แถมเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานทำไมถึงได้อยากหย่าร้างกันซะได้?
“ผมเลี้ยงมื้อเย็นเอง ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกกับคุณ” สวี่อี้หรานพูดต่อ
“เรื่องอะไร” ซีเหมินจินเหลียนถาม “ถ้าไม่สำคัญก็คุยกันทางโทรศัพท์เถอะ”
“เรื่องเกี่ยวกับหูชีเยี่ยน” สวี่อี้หรานพูดต่อ “ที่คุณตั้งใจเรียกผมมาตอนนั้นก็เพราะว่าสงสัยในตัวเขาไม่ใช่เหรอ? อยากจะให้ผมช่วยจับชีพจรให้ใช่ไหม คืนนี้คุณมาหาผม ผมจะให้คำตอบกับคุณเอง”
ซีเหมินจินเหลียนออกแรงกำหมัดแน่น หูชีเยี่ยนมีความแปลกประหลาดในตัวเองทุกๆ ด้าน แม้ว่าเขาเองจะหาเหตุผลมาอธิบาย แต่คำอธิบายเช่นนี้มันหลอกได้แค่เด็กสามขวบเท่านั้น คนที่มีความรู้ด้านการรักษาต่างเข้าใจกันหมด เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ แขนขาขาดแล้วกลับมาปะติดปะต่อได้ใหม่ ดวงตาที่บอดสนิทกลับมาฟื้นชีวิตได้อีกครั้ง จนกระทั่งกลับมาฟื้นคืนชีพ? นี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ผมไม่กล้าพูดจาเหลวไหลหรอกว่าบนโลกนี้ไม่มีใครที่ฝีมือแพทย์ดีกว่าผมแล้ว แต่อยากจะฟื้นคืนชีพนั่นไม่มีทางเป็นไปได้” สวี่อี้หรานพูดต่อ “ถึงจะมีใครปรุงยาอายุวัฒนะได้จริง ก็คงไม่มีใครปรุงยาช่วยฟื้นคืนชีพได้หรอก…”
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” ซีเหมินจินเหลียนกระตุกยิ้มเย็น
“อาจารย์อาอยู่กับผมที่นี่ ผมจะให้เขาพูดกับคุณแล้วกัน” สวี่อี้หรานพูด
“อาจารย์อาของคุณเป็นใคร ทำไมฉันต้องเชื่อเขาด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนดึงดัน ใครก็ไม่มีสิทธิ์พูดว่าหูชีเยี่ยนไม่ใช่คน เธอสงสัยนั่นเป็นเรื่องของเธอ แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์
“จินเหลียน ลุงเอง!” เสียงของลุงงูส่งผ่านเข้ามาทางโทรศัพท์
“ลุงงู?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน
“ใช่ ลุงก็คืออาจารย์อาของเจ้าทึ่มแซ่สวี่นี่!” ลุงงูยิ้มขมขื่น
เจ้าทึ่มแซ่สวี่? ถ้าหากเธอไม่ได้ดำลังกังวลเรื่องหูชีเยี่ยน อีกทั้งในใจยังเคียดแค้นอาจารย์ของสวี่อี้หราน แต่ทำอย่างไรดี ซีเหมินจินเหลียนกลัวว่าตัวเองจะหัวเราะออกมาในตอนนั้น
“จินเหลียน หนูฟังที่ลุงพูด…” ลุงงูสูดลมหายใจลึก “เรื่องในตอนนั้น รายละเอียดยิบย่อยลุงไม่รู้ แต่เมื่อลุงรู้เรื่องก็รีบกลับไปทันที เหมืองทั้งหมดถูกทำลายล้างจนเรียบเสมอพื้นดิน ชนวนระเบิดของซีเหมินน่งเย่ว์ไอ้โง่เง่าเต่าตุ่นนั่นทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก หนูน่าจะรู้ว่าแถวพม่าใกล้ๆ ยูนนาน เดิมทีก็เป็นแถบเกิดแผ่นดินไหวเป็นประจำ…แม้แต่ลุงอยากจะนำศพพ่อของหนูออกมาแล้วนำกลับไปทำพิธีฝังศพยังไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นลุงคงไม่ให้เม่ยอิงนำผงอัฐิของคนอื่นกลับไปแจ้งข่าวการตายหรอก…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเสียงสวี่อี้หรานพึมพำอยู่ข้างๆ ว่า “นั่นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน!”
ลุงงูตะคอกขึ้น “หุบปาก!”
ซีเหมินจินเหลียนกุมโทรศัพท์ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี หากว่าตามที่พวกเขาพูด นอกเสียจากคนที่อยู่ใต้เหมืองหยกในตอนนั้นไม่ใช่หูชีเยี่ยน ไม่อย่างนั้นเขาเขาคงไม่โชคดีรอดพ้นมาได้ แต่ซีเหมินน่งเย่ว์กำลังแก้แค้นอยู่ อย่างน้อยก็คงไม่ได้เลอะเลือนขนาดนั้นไหม? แม้แต่คนที่อยากแก้แค้นยังไม่รู้ตัวแน่แท้แล้วลงมือ?
“จินเหลียน ตอนนั้นลุงอยู่ที่เหมืองหยกข้างๆ อยู่สามปีเต็มๆ ในระหว่างสามปีนั้นสถานที่แห่งนั้นเกิดแผ่นดินไหวอ่อนกำลังนับครั้งไม่ถ้วน แม้ว่าระดับริกเตอร์จะไม่สูง แต่ก็พอที่จะฝังทุกอย่างด้านล่างได้หมด…” เสียงของลุงงูส่งผ่านมาในโทรศัพท์อีกครั้ง
“พอเถอะค่ะ อย่าพูดถึงอีกเลย!” ซีเหมินจินเหลียนอึดอัดใจ
“จินเหลียน ถึงหนูจะไม่อยากฟัง แต่นี่ก็เป็นความจริง ถ้าหนูไม่เชื่อ หนูก็ไปดูสถานที่นั่นได้ แม้ว่าช่วงนี้สถานที่นั้นจะเริ่มจัดให้เป็นระเบียบและขุดอีกครั้ง…แต่ก็ยังขุดไม่ถึงสถานที่ที่แผ่นดินถล่มตอนนั้น เขา…ไม่มีทางมีชีวิตรอดมาได้!” ลุงงูพูดต่อ
“ลุงงู ลุงอยากจะพูดอะไรกันแน่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“อย่างแรกหูชีเยี่ยนในตอนนี้ไม่ใช่พ่อของหนูแล้ว แต่นี่ก็เป็นไปไม่ได้ เขารู้เรื่องราวในอดีตของพวกเราทั้งหมด นอกจากเขาก็ไม่มีใครแล้ว อย่างที่สอง…” เสียงของลุงงูเริ่มเคร่งขรึมขึ้น “เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นบนร่างกายของเขา เรื่องที่พวกเราไม่รู้”
“หนูไม่มีทางจำพ่อตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
แม้ว่าหูชีเยี่ยนจะจากไปเร็ว แต่ซีเหมินจินเหลียนคงไม่ถึงขั้นจำพ่อของตัวเองไม่ได้ แม้จะเป็นคนหน้าตาละหม้ายคล้ายกัน แต่ไม่มีทางที่จะรู้เรื่องส่วนตัวในวัยเด็กของพวกเขาทั้งหมด….
“ลุงรู้ ลุงก็ไม่มีทางจำคนผิด” เสียงของลุงงูส่งผ่านมาอีกครั้ง “ลุงไม่มีทางจำคนผิด”
“ลุงอยากจะพูดอะไรกันแน่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เขาไม่ใช่คน!” เสียงของลุงงูวนเวียนอีกครั้ง
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วโกรธจัด ไม่ใช่คน? แล้วจะเป็นผีหรือไง “ลุงงู ถ้าหากลุงพูดอีก หนูจะโกรธจริงๆ นะคะ”
“ตอนเย็นหนูเข้ามาหน่อยแล้วกัน” ลุงงูพูดอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูแล้วก็ตอบตกลงกลับไป “ก็ดีเหมือนกันค่ะ!” มีเรื่องบางอย่างที่เธอต้องพูดกับลุงงูให้เข้าใจ อีกอย่างเธออยากให้ลุงงูรีบไปจากเซี่ยงไฮ้โดยเร็ว อย่าไปพัวพันอยู่กับซีเหมินน่งเย่ว์คนนั้น หูชีเยี่ยนเกลียดซีเหมินน่งเย่ว์เข้ากระดูกดำ พ่อไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่
อีกอย่างหูชีเยี่ยนเป็นคนบอกเองว่าเขามาเพื่อคิดบัญชีกับซีเหมินน่งเย่ว์…ในเมื่อเป็นแบบนี้สิ่งที่ทำให้เขาสะสมความขุ่นเคืองถึงเช่นนี้ได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นใต้เหมืองหยกปีนั้นคงเป็นเรื่องจริง…
การที่เขามีชีวิตรอดมันก็ดูปาฏิหาริย์เกินจริง!
ซีเหมินจินเหลียนวางสายและเดินเข้าไปในห้อง ในระหว่างที่เงยหน้าเห็นจ่านมู่ฮวาถูกแขวนไว้บนราวบันได…เหมือนกับที่เธอเคยแขวนเขาไว้ในครั้งนั้นไม่มีผิด
แต่ครั้งนี้จ่านมู่ฮวาไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย ใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราด แต่น่าเสียดายที่ปากของเขาถูกเน็กไทยัดปากไว้ แม้แต่สักประโยคเดียวเขายังพูดไม่ออก เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนจึงพยายามต่อสู้ดิ้นรนให้หลุดพ้น
“จินเหลียน หนูชอบเล่น sm หรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนนั่งพิงโซฟา และถามอย่างเกียจคร้าน “คุณชายท่านนี้หน้าตาใช้ได้เลยนะ เหมาะแก่การเล่น sm มาก”
“คุณ…เขา…” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะยิ้มหรือร้องให้ดี “คุณทำได้ยังไงคะเนี่ย?”