ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 262 ยามเมื่อดอกบัวทองเบ่งบานเต็มที่
ราคาประมูลของหินหยกดิบก้อนนี้คือสองแสน แต่มันคือสกุลยูโรเลยไม่นับว่าแพงเกินไป แต่ก็ไม่ได้ถูก ซีเหมินจินเหลียนนึกตรึกตรองดู ในขณะนั้นก็เรียกจ่านป๋ายมาถามว่าควรเขียนลงไปในใบเสนอราคาประมูลเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม
จ่านป๋ายมองหินหยกดิบก้อนหลักก้อนนั้น เห็นได้ชัดซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ชอบก้อนหลักนั่นเลย พิสูจน์แล้วว่าหินหยกหลักก้อนนี้ลักษณะไม่ได้ดีเท่าไหร่…แต่ในงานประมูลหยก บางครั้งก็มีเรื่องที่บอกแน่นอนไม่ได้ หากราคาต่ำเกินไปคงประมูลไม่ได้ หากราคาสูงเกินไปเจ้าของคงคิดว่าเป็นของล้ำค่าแล้วเก็บไว้เสียเอง เมื่อถึงเวลาหยุดเสนอราคาอยากจะซื้ออีกก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
แม้กระทั่งมีเจ้าของสินค้าที่เป็นพวกประสาทพวกหนึ่ง หลังจากที่หยุดเสนอราคาแล้วก็นำหินหยกดิบมาผ่าและขายเนื้อหยกออกไป นั่นก็ไม่มีความจำเป็นแล้ว
“หนึ่งล้านแล้วกันครับ” จ่านป๋ายคิดๆ ดูแล้วพูด
“ราคาดูสูงเกินไปหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม หนึ่งล้านยูโรนะ อีกอย่างหินหยกดิบหลักก้อนนี้ก็แค่ชนิดเนื้อน้ำแข็งมีสีเขียวอ่อนตะแต้มอยู่เล็กน้อย ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
“ถูกเกินไปก็กลัวว่าจะไม่ได้มันมาน่ะสิครับ” จ่านป๋ายยิ้มฝืน ที่นี่คือพม่าเป็นแหล่งรวมตัวของนักค้าหยกหลากหลายประเทศ เทียบกับเจียหยางไม่ได้เลย
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ หยกถือว่าเป็นอัญมณีที่ชาวจีนนิยมชมชอบมาก ดังนั้นถึงจะเป็นนักค้าหยกที่พม่าแต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนจีน แน่นอนว่ามีคนญี่ปุ่นหรือเกาหลีด้วย จนกระทั่งนักค้าหยกชาวมาเลเซีย รวมถึงคนอเมริกาที่จ่านป๋ายเคยพูดถึงในครั้งนั้น…
“สภาวการณ์ความเป็นไปของตลาดหยกในสองปีนี้เป็นดั่งน้ำขึ้นเรือลอย ทำให้หินหยกดิบพากันแห่ขึ้นราคา ชาวพม่าร่ำรวยกันใหญ่” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“คนที่ร่ำรวยมีแค่ส่วนน้อย” จ่านป๋ายคล้องมือเธอและถอนหายใจเบาๆ “ชาวพม่าส่วนใหญ่ยังคงยากจนข้นแค้นมาก คนที่มีเงินพวกนั้นยกตัวอย่างเช่น…พ่อของคุณ….”
“ถ้าไม่มีอะไรคุณก็อย่าพูดถึงเขาเลยได้ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเขาเอ่ยถึงหูชีเยี่ยน ได้แต่ขมวดคิ้วย่น แต่เธอก็ยอมรับว่าหูชีเยี่ยนร่ำรวยเงินทองจริงๆ
เป็นดั่งที่เขาว่าไว้หินสวยงามพวกนั้นทำให้คนบ้าคลั่ง! ในขณะเดียวกันก็สามารถนำความมั่งคั่งมาให้เขามหาศาล แต่ซีเหมินจินเหลียนสงสัยเหลือเกิน สำนักใต้มีทักษะลับในการพนันหินอะไรกัน หรือจะมีตาทิพย์?
ตัวเองถูกรถชนเลยได้รับพลังพิเศษมองทะลุผ่านสิ่งของอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่สำนักใต้ทุกคนก็ไม่มีทางจะมีพลังพิเศษนี้กันหมด อย่างน้อยคนที่มีฉายาว่าตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ใครอย่างอวิ๋นอวิ้นก็ไม่มีพลังพิเศษนี้
ตำรายาผีบอกบางตัวสามารถเพิ่มปฏิกิริยาไวต่อสัมผัสของตัวเองได้ อวิ๋นเจียน่าจะใช้วิธีนี้พนันหิน แต่นี่ก็แค่ดื่มเหล้าพิษดับกระหายเท่านั้น
ซีเหมินจินเหลียนคิดเพียงเท่านี้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หินสวยงามพวกนี้ทำให้คนบ้าคลั่งได้ขนาดนั้นเชียวหรือ? แม้ว่าตนจะคิดว่าหนึ่งล้านยูโรแพงไปหน่อย แต่ก็ยังทำตามตัวเลขที่จ่านป๋ายบอก เขียนราคานี้ลงไปในใบเสนอราคาประมูลและเดินรอบงานประมูลอีกสองครั้งก็ไม่เห็นมีอะไรดูดีเป็นพิเศษ แต่ก็ยังเจอสีม่วงดอกไลแอคก้อนหนึ่งสีบริสุทธิ์เหลือเกิน ชนะขาดเนื้อน้ำแข็งไปหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นเนื้อแก้ว ขนาดใหญ่พอสมควร หนักราวๆ สามสิบกิโลกรัมพอดิบพอดี
มองราคาขั้นต่ำแค่หนึ่งแสน ซีเหมินจินเหลียนจึงเสนอราคาไปที่สามแสน หากซื้อมาได้ก็สามารถทำกำไรได้กลับมาบ้าง
นอกจากนี้ยังมีเนื้อแก้วสีเขียวอ่อนก้อนหนึ่ง สีใสบริสุทธิ์ของเขียวแอปเปิล สีสดใสที่หญิงสาวชอบอีกเฉดสี แน่นอนว่าเธอไม่ลังเลที่จะเสนอราคาประมูลลงไปสักนิด
ตอนบ่ายเวลาไม่ถึงห้าโมงเย็น ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายกลับมาถึงโรงแรม คิดถึงการมาพม่าของหลินเสวียนหลานครั้งนี้ถือว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดชัดๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่ากลับไปถึงเซี่ยงไฮ้หรือยัง ตอนนั้นจึงรีบโทรไปหาหลินเสวียนหลานก่อน
ผลสุดท้ายหลินเสวียนหลานไม่ได้รับสายเธอ ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกเป็นกังวล หูชีเยี่ยนบอกเองว่าเขาบริสุทธิ์ใจพาหลินเสวียนหลานมาระบายอารมณ์ ไม่รู้ว่าเขาก็สร้างความลำบากใจอะไรให้หลินเสวียนหลานหรือเปล่า?
คำถามนี้เธอไม่สะดวกที่จะถามหลินเสวียนหลาน และไม่สามารถถามหูชีเยี่ยนได้ ทำได้แค่เก็บงำเอาไว้
จ่านป๋ายพูดปลอบใจเธอว่า “บางทีเขาอาจจะยังไม่ลงเครื่อง รออีกเดี๋ยวแล้วค่อยโทรไปอีกรอบก็ได้ครับ”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพร้อมยิ้มฝืนๆ จ่านป๋ายถามขึ้นว่า “พรุ่งนี้จะประกาศราคาประมูลแล้ว พวกเราจะเตรียมกลับไปจีน หรือว่าไปดูที่มัณฑะเลย์ต่อ”
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดดูและถาม “คุณคิดว่ายังไง”
จ่านป๋ายคิดๆ ดูแล้ว ไปเลือกสินค้าที่มัณฑะเลย์บางครั้งอาจจะเลือกเจอของดีก็ได้ แต่ช่วงนี้สภาพจิตใจของซีเหมินจินเหลียนย่ำแย่ สู้กลับไปเซี่ยงไฮ้ก่อนดีกว่า รอให้เวลาผ่านไปสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน อีกอย่างการเดินทางสมัยนี้ก็สะดวกสบาย อยากจะมาพม่าเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก รอให้เธอจัดการกับสภาพจิตใจตัวเองให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาก็ไม่สาย
“กลับไปก่อนเถอะครับ” จ่านป๋ายยิ้ม “ช่วงนี้เราก็ซื้อไม่น้อยเลย”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วพยักหน้ายิ้ม “ถ้าอย่างนั้นคุณจัดการจองตั๋วเครื่องบินรอบพรุ่งนี้หน่อยแล้วกัน”
จ่านป๋ายยิ้ม เรื่องยุ่มย่ามพวกนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่จำเป็นต้องเดือดเนื้อร้อนใจ เช้าตรู่วันถัดมาที่ท้องฟ้าดูมืดมน คิดไว้ว่าฝนน่าจะตก แต่ผลสุดท้ายท้องฟ้ากลับโปร่งใส เก้าโมงเช้าซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายมาที่หอประชุมจัดงานประมูลหยกอีกครั้ง
เพราะว่าหมายเลขที่พวกเขาประมูลอยู่ท้ายๆ ช่วงเช้าเลยได้แต่มองคนอื่นดีใจหรือไม่ก็กลัดกลุ้ม ใครที่ประมูลได้แน่นอนว่าต้องดีอกดีใจเป็นพิเศษ ส่วนใครที่ประมูลไม่ได้ก็ผิดหวังคอตกกันไป
บ่ายสามโมงตรง หยกสีม่วงดอกไลแอคกับชนิดเนื้อแก้วสีเขียวอ่อนสองก้อนของซีเหมินจินเหลียนชนะประมูลตามที่หวังไว้ ถือว่าไม่ได้วางเงินประมูลเสียเปล่า แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือสีเขียวจักรพรรดิที่เธอสนใจก้อนนั้น ราคาขั้นต่ำก็คือแปดล้าน เธอเขียนราคาประมูลครั้งเดียวลงไปสามสิบล้าน ผลสุดท้ายตัวเลขที่ขึ้นแสดงบนหน้าจอถูกคนอื่นแย่งตัดหน้าไปด้วยราคาสามสิบห้าล้าน
ซีเหมินจินเหลียนอยากจะกระอักเลือดออกมา…หยกจักรพรรดิสีเขียวชั้นดีถูกคนตัดหน้าไปต่อหน้าต่อตา รู้ตั้งแต่แรกน่าจะประมูลไปสี่สิบล้าน
แต่เธอก็รู้สึกสงสัยจริงๆ แต่เดิมคิดว่าราคาที่ตัวเองให้สูงมากพอแล้ว ไม่รู้เป็นใครกัน? ใจปล้ำกว่าเธอเสียอีก? คนคนนี้ไม่กลัวแพ้พนันหรือไง เฉียดสี่ร้อยล้านหยวนจีนแล้วนะ! คิดๆ ดูเธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจ…
ถ้าไม่รู้ว่ามันเป็นสีเขียวจักรพรรดิชั้นดี เธอก็ไม่มีทางปล่อยราคาสูงขนาดนั้น บ้าจริง! ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำในใจ ยุคนี้ไม่มีบ้าคลั่งที่สุด มีแต่บ้าคลั่งยิ่งกว่า
หูชีเยี่ยนพูดไม่ผิด หินสวยงามแบบนั้นทำให้คนบ้าคลั่งได้จริงๆ!
แต่การโจมตีนี้ยังไม่พอ ถัดมาเป็นสีส้มแสงอาทิตย์ที่มีคนให้ราคาไว้หนึ่งล้านห้าแสนและชิงตัดหน้าไป ซีเหมินจินเหลียนเสียดายจนแทบอยากจะฆ่าคน
ไม่ทันไรเธอก็กำหมัดแน่นในมือด้วยความโกรธและทุบไปยังจ่านป๋ายหลายครั้งเพื่อระบายอารมณ์ในใจ
จ่านป๋ายก็ทุกข์ใจ ราคาประมูลนั่นเขาเป็นคนประเมินไว้เอง เดิมทีคิดว่าเพิ่มราคาเป็นห้าเท่าก็น่าจะโอเคแล้ว ผลสุดท้ายมาเจอเรื่องบ้าบอแบบนี้ ในใจของเขาจึงเสียใจยิ่งกว่าซีเหมินจินเหลียนด้วยซ้ำ
“เบาๆ ครับ…เบาๆ…” จ่านป๋ายกุมกำปั้นน้อยๆ ของซีเหมินจินเหลียน ใบหน้าที่ขมขื่นแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวป๋าย ฉันอยากร้องไห้!” ซีเหมินจินเหลียนซบไหล่เขา มีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง สีเขียวจักรพรรดิยังไม่เท่าไหร่ แต่สีส้มแสงอาทิตย์นั่น ลุงงูบอกว่าอยากจะตามหาหินซ่อมฟ้าต้องรวบรวมแสงอาทิตย์เจ็ดสี ตอนนี้เธอทำให้สีส้มแสงอาทิตย์ที่เคยมองทะลุผ่านหายไปต่อหน้าต่อตา…เธอจะให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเองได้อย่างไร
“ไม่เป็นไร ครั้งหน้าต้องมีของดีสิครับ” จ่านป๋ายปลอบใจเธอ
“ไม่มีแล้ว…” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าติดๆ กัน เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นสีส้มแสงอาทิตย์ บางทีทุ่มเทพลังทั้งชีวิตเธอก็ไม่อาจค้นพบก้อนอื่นอีกแล้ว
บางทีเธออาจได้เจอแสงอาทิตย์เจ็ดสีอื่นๆ แต่…สีส้มนี่ ไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้ว พลาดโอกาสก็คือพลาดไปทั้งชีวิต
จ่านป๋ายเห็นในดวงตากลมโตของเธอมีน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมา ในใจก็รู้สึกทนไม่ไหว รีบพูดปลอบโยน “ไม่มีทาง ในอนาคตพวกเราต้องได้เจอที่ดีกว่านี้!”
“ฉันไม่ได้ต้องการก้อนที่ดีกว่านี้ ฉันต้องการก้อนนี้!” ซีเหมินจินเหลียนคล้องแขนเขา
“เฮ้อ…” จ่านป๋ายครุ่นคิดดู “คุณนั่งลงก่อน ผมจะไปลองถามดูว่าใครเป็นคนประมูลหมายเลขนั้นไป ตกลงไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ความหมายของจ่านป๋ายเธอเข้าใจดี แต่ในเมื่อเขาซื้อไปด้วยราคาสูงกว่าก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมือขายออกมาแน่ อยากจะซื้อต่อมันง่ายนักหรือ? และเมื่อคนคนนั้นเปิดเปลือกหินออกมา นอกเสียจากเงินจะไม่พอให้ใช้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางปล่อยสีส้มแสงอาทิตย์ไปได้หรอก
เม่ยอิ่งหลบซ่อนอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง ทุกการเคลื่อนไหวของซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไม่มีทางคลาดไปจากสายตาของเขา ตอนนั้นเขาถอยหลังออกมาอย่างไร้ตัวตนและเดินเข้าไปในสำนักงานของหอประชุม เอื้อมมือไปเคาะประตู
ภายในห้องมีเสียงหนึ่งเปล่งออกมา “เข้ามาเถอะ”
เม่ยอิ่งผลักประตูเดินเข้าไป หูชีเยี่ยนสวมใสชุดฉางเผ่าสีดำสองมือไขว้หลังอยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนูร้องไห้ใหญ่เลยครับ” เม่ยอิ่งฝืนยิ้ม ในใจไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ของหูชีเยี่ยน อยากจะให้สิ่งนี้กับเธอ แต่ทำไมต้องใช้วิธีนี้ด้วย?
“พรุ่งนี้เธอจะไปจากพม่า ไม่ไปมัณฑะเลย์แล้วรึ?” หูชีเยี่ยนถาม
“ครับ พวกเขาจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว บินจากฮ่องกงไปเซี่ยงไฮ้” เม่ยอิงตอบกลับด้วยความเคารพ “นายท่าน ท่านอยากเจอเธอหรือเปล่าครับ?”
“เจอกันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทะเลาะกัน สู้ไม่เจอเสียจะดีกว่า” หูชีเยี่ยนส่ายศีรษะ “ปีศาจงูทางนั้นว่าอย่างไรบ้าง”
“เขาไปเซี่ยงไฮ้ครับ” เม่ยอิ่งพูด “เหมือนว่าเขาจะติดต่อกับตระกูลสวี่แล้ว เกรงว่าเจอเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย”
“เขาจะไปติดต่อกับใครก็ไม่มีประโยชน์!” หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “จองตั๋วเครื่องบินให้ฉัน ฉันจะไปเซี่ยงไฮ้!”
“ครับ!” เม่ยอิ่งไม่กล้าถามอะไรมาก ตบปากรับคำและหมุนตัวเดินออกไปจัดการธุระ
ซีเหมินจินเหลียนพิงตัวไปบนจ่านป๋าย จิตใจล่องลอยอย่างไร้จุดหมายปลายทาง สีส้มแสงอาทิตย์…คิดไม่ถึงเลยเพียงแค่พริบตาเดียว มันก็ตกไปเป็นของคนอื่นแล้ว จ่านป๋ายยังคงไปสืบหาข่าวคราว แต่ผู้จัดงานประมูลหยกที่พม่าอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ไม่อาจเปิดเผยได้ จ่านป๋ายจึงจนปัญญา
เมื่อกลับถึงโรงแรม ซีเหมินจินเหลียนเริ่มเก็บกระเป๋าอย่างหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา ตรงกันข้ามกับเธอก็คือเจียหยวนฮวาที่ดีใจจนแทบอยากจะโผบิน ได้ยินมาว่าเขาได้รับสินค้ามาไม่น้อยเลย
พูดถึงหลินเสวียนหลาน หลังจากกลับไปเรื่องแรกที่เขาทำก็คือซื้อตั๋วรถไปวัดหลิงอิ่นที่หางโจว คนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดาอย่างเขามีข้อสงสัยอยู่ในใจ เขาอยากจะไปเจอพระรูปนั้นอีกครั้งและถามให้ชัดเจนเกี่ยวกับประโยคในใบเซียมซีนั่น…ยามเมื่อดอกบัวทองเบ่งบานเต็มที่ มันหมายความว่าอะไรกันแน่?