ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 233 เรื่องน่าอึดอัดใจ
จ่านป๋ายยิ้ม “โอเคครับ ผมคิดไปเองก็ได้ แต่ยังไงหลังจากกลับไปผมก็เป็นคนเจียรหิน ข้างในเป็นสีอะไรชนิดไหน ผมเจียรหินดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนพูด “สีเดียวกันกับคุณนั่นล่ะ!”
จ่านป๋ายสับสนอยู่นานถึงเรียกสติคืนกลับมาได้ “จินเหลียน คุณหมายความว่ายังไงกัน? ผมฟังไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“สีเสี่ยวป๋าย[1]ไง” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มคิกคัก
“คุณล้อผมเล่นแล้ว!” จ่านป๋ายฝืนยิ้มออกมา “จริงเหรอ? สีขาวแบบนี้ไม่ใช่ว่าไร้สีเหรอครับ? ไร้สีถ้าไม่ใช่เนื้อแก้วจะสวยได้อย่างไร”
เพราะยังไม่ได้เจียรหินออกมา ซีเหมินจินเหลียนเลยไม่สะดวกในการอธิบายอะไรกับเขา เธอเลยเดินไปที่ห่างไกลผู้คนกับเขาและพูดว่า “คุณรู้ว่านักเดิมพันหินส่วนมากอาศัยร่องรอยบนผิวหิน อย่างเช่นจุดหยกเส้นลายหยก แม้กระทั่งสีผิวของหิน จากนั้นใช้ไฟฉายและแว่นขยายเป็นอุปกรณ์ช่วย เพื่อดูสีข้างใน ไม่อย่างนั้นในเดิมพันหินคงไม่มีเดิมพันสี เดิมพันชนิดหรอก ถูกไหม?”
“อืม!” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ผมรู้สึกแปลกใจ ทำไมพวกคุณถึงรู้ไปยังสีและชนิดของเนื้อหยก แต่ผมดูยังไงก็ดูไม่ออก?”
“คุณเองก็เก่งมากเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “อาศัยความรู้สึกที่ปลายนิ้วจนสัมผัสได้ว่าเป็นเนื้อแก้ว เรื่องนี้ถ้าคุณเดิมพันหินก็ไม่มีทางแพ้เดิมพันมากหรอก…”
“แต่ว่าถ้าหากเดิมพันหินเพื่อหาเลี้ยงชีพ เกรงว่าคงได้สูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดไปไม่ช้า!” จ่านป๋ายรู้ดีแก่ใจ “ถ้าคุณไม่ถือสา ถ้าอย่างนั้นบอกกับผมได้ไหมว่าคุณดูได้อย่างไรว่ามันไม่มีสี?” พูดจบเขาก็ยื่นหินหยกสีหิมะที่อยู่ในมือไปให้ดู
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดเล็กน้อยและไม่อยากจะปิดบังเขา “หินหยกก้อนนี้ ผิวด้านนอกไม่ได้โดดเด่น เลยทำให้คุณหลี่จอมเขี้ยวนั่นยอมขายไปด้วยราคาห้าหมื่น ถ้าเป็นคนอื่นฉันว่าเขาคงขายแค่หนึ่งหมื่นหยวน แต่หินหยกก้อนนี้มีเม็ดทรายที่ลื่นละเอียด คุณลองสัมผัสดูสิ มันมีเม็ดหินสม่ำเสมอกัน…”
“ร่องรอยบนหินกับลักษณะข้างในของหยกมันสัมพันธ์กันยังไงครับ?” จ่านป๋ายขมวดคิ้วถาม
“เกี่ยวกันนิดหน่อย” สายตาของซีเหมินจินเหลียนตกไปอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง เมื่อสักครู่เธอรู้สึกมาตลอดว่าเหมือนมีใครแอบมองเธออยู่ เพียงแต่คนคนนี้ความเร็วว่องไว และพยายามซ่อนตัวจากการจับผิดของเธอ “แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เครื่องยืนยันที่แน่นอน ดังนั้นต้องตัดสินใจด้วยตัวเองด้วย”
จ่านป๋ายเห็นแววตาของซีเหมินจินเหลียนก็ยิ้มออกมา คนคนนี้น่าจะเป็นลูกน้องที่ร้านเหล่าหลี่ เมื่อสักครู่เขาเอาแต่คอยมองแต่ซีเหมินจินเหลียน ตอนนี้ก็ยิ่งกระทำตัวโจ่งแจ้งเข้าไปใหญ่
แต่เพราะเขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิดปกติ เขาเลยไม่ได้สนใจมาก
“ผมดูไม่ออก ทำไมถึงไม่มีสีล่ะ?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด
“ถ้าพูดออกไปแบบนี้ คุณก็รู้ก่อนสิ ถ้าอย่างนั้นเดิมพันหินไปจะมีประโยชน์อะไร” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน
“คุณพูดถูก ผมก็เหลวไหลจริงๆ!” จ่านป๋ายพูด “จินเหลียน ผมว่าพวกเขาคงต้องอยู่ต่ออีกนานแน่ ถ้าอย่างนั้นผมส่งคุณกลับไปพักที่โรงแรมก่อน จากนั้นค่อยมารับเจียหยวนฮวา ผู้ชายไม่นอนตอนกลางคืนได้ แต่ผู้หญิงไม่ได้นะครับ ดึกดื่นแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณเลย!” เขาพูดพลางมองไปที่กลุ่มคนที่กระจายตัวอยู่ในโกดัง…นี่เป็นอาชีพที่ทำให้คนบ้าคลั่งเลยก็ได้
เกมการเดิมพันอื่นๆ เมื่อเทียบกันแล้วไม่มีคุณค่าแก่การพูดถึง เพราะอัตราการแพ้ชนะมีสูงมากเหลือเกิน ความเสี่ยงไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
เมื่อก่อนตอนที่ว่างไม่มีอะไรทำ เขาก็ชอบเดิมพันเหมือนกัน แต่หลังจากที่เห็นซีเหมินจินเหลียนเดิมพันหินแล้ว เขาก็ไม่มีความสนใจในการเดิมพันอื่นๆ ยังจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่าการเดิมพันหินล่ะ?
ซีเหมินจินเหลียนคิดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ดีเหมือนกัน” เธออยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ อีกอย่างอยู่ที่นี่เธอก็ห้ามใจไม่ไหวที่จะไปดูหินหยก พูดไปหัวก็ร้อนระอุ อยากจะไปซื้ออีกครั้ง แต่วันนี้เธอซื้อพอแล้ว ถ้าซื้ออีกคงต้องหมดตัวแน่!
“ถ้างั้นผมจะไปบอกเจียหยวนฮวาก่อน แล้วค่อยส่งคุณกลับไป!” จ่านป๋ายพูดจบก็วางหินหยกก้อนนั้นลงและหมุนตัวเดินไปทางเจียหยวนฮวา
ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่หินหยกก้อนนั้น อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปแตะอีกครั้ง มันมีความรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ในนั้นจริงๆ และสัมผัสนี้ก็เย็นกว่าหินหยกก้อนอื่นๆ ด้วย แต่เพราะไม่ได้เย็นจนทำร้ายมือมันเลยดูไม่ชัดเจน
ลูกน้องที่ช่วยขนย้ายหินหยกพวกนี้ใส่ถุงมือกันหมดคงไม่รู้สึก ถึงรู้สึกก็คงไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะคุณสมบัติพิเศษในหินก็คือเย็นยะเยือกอยู่แล้ว
หรือจะเป็นหยกเย็นในตำนาน?
“คุณ…ซีเหมิน…” ขณะที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ซีเหมินจินเหลียนหันกลับไปดูก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่แอบมองเธออยู่ตลอด และที่นึกไม่ถึงก็คือเขายังมีท่าทีกระอักกระอ่วนยามมองมาที่เธอ รวมถึงท่าทางที่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“คุณซีเหมิน…” เด็กหนุ่มคนนั้นท่าทางดูไม่เป็นธรรมชาติ แม้แต่มือไม้ยังไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน “ผม…ผมอยาก…”
“จินเหลียน พวกเราไปก่อนเถอะ!” จ่านป๋ายเดินเข้ามาและย้ายหินหยกก้อนนั้นขึ้น เหล่ไปมองชายหนุ่มคนนั้นและพูดกับซีเหมินจินเหลียนว่า “คุณเจียบอกว่าไม่ต้องมารับเขา คนที่มาวันนี้นอนพักที่โรงแรมเดียวกันทั้งนั้น แถมเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันหมด”
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็กลับกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดและหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มน้อยๆ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับจ่านป๋าย
“คุณซีเหมิน…” ชายหนุ่มคนนั้นรีบจ้ำอ้าวเข้ามา ใบหน้าแดงระเรื่อแต่ไม่พูดจาอะไร
“คุณมีธุระอะไรเหรอ” จ่านป๋ายขมวดคิ้ว
“คุณซีเหมิน ผมอยากขอ…ขอ…ร้องคุณให้รับผมเป็นศิษย์ได้หรือเปล่าครับ ช่วยสอนผมเดิมพันหินที…” ใบหน้าของเด็กหนุ่มยิ่งแดงเหมือนมะเขือเทศสด แม้แต่มองหน้าซีเหมินจินเหลียนยังไม่กล้า
“เอ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนอึ้งไปอยู่พักหนึ่งและไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ เธอเดิมพันหินก็อาศัยแค่ความสามารถในการมองทะลุผ่านเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากอาศัยแค่ตาเปล่าของเธอแล้ว แม้แต่เหมืองหยกเธอยังไม่รู้เลย จะให้สอนคนอื่นหรือ? นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเธอไร้ความสามารถแต่ยังไปถ่วงชีวิตเขาอีกหรืออย่างไร? อยากจะเดิมพันหินกับเธอทรัพย์สินมากมายเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
“คุณซีเหมิน ผมจะตั้งใจเรียนให้เต็มที่ คุณรับผมได้ไหมครับ!” ชายหนุ่มพูดและคุกเข่าตรงหน้าเธอ จากนั้นวิงวอนก้มกราบลงบนพื้นสามครั้งอย่างจริงใจ
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกอับอาย เพราะอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คน เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เธอรับลูกศิษย์ไม่ได้ นี่มัน…
“คุณ ผมว่าคุณรีบลุกขึ้นมาเถอะ?” จ่านป๋ายมีสีหน้าลำบากใจ “คุณซีเหมินไม่รับคุณเป็นศิษย์หรอกครับ! ที่นี่มีอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงเดิมพันหินตั้งมากมาย อย่างคุณเจียที่มีฉายาเป็นถึงราชานักเดิมพันหยก คุณน่าจะไปขอร้องให้เขารับคุณเป็นศิษย์มากกว่า!”
เมื่อถูกชายหนุ่มเล่นไม้นี้ สายตาของผู้คนก็โฟกัสมาที่พวกเขาเป็นจุดเดียว ซีเหมินจินเหลียนรีบพูดว่า “ฉันไม่รับลูกศิษย์ค่ะ…”
[1] ป๋าย (白) ในภาษาจีนแปลว่าสีขาว