ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 188 เคียงคู่เหินนภา
เด็กสาวมองไปยังซีเหมินจินเหลียนที่อยู่บนโซฟา เธอดูตกตะลึงไปในตอนแรก หลังจากนั้นถึงได้เผยยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “คุณผู้ชายก็ช่างรุนแรงจริงๆ ครั้งหนึ่งถึงกับเรียกมาตั้งสองคนเลยเหรอคะ?”
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้น ก็รีบหันไปมองซีเหมินจินเหลียน แต่ซีเหมินจินเหลียนแกล้งทำเป็นไม่ได
สาวน้อยคนนั้นเพิ่มความกล้าหาญเดินไปตรงหน้าซีเหมินจินเหลียน ก่อนจะเริ่มกวาดสายตาไล่มองหน้าตาของเธอพร้อมชื่นชมว่า “พี่สาวก็ไม่เสียดายเหรอคะ สวมชุดนอนไหมแท้ขนาดนี้?”
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ก็น่ารักดี จึงยิ้มกลับไป “เชิญนั่งสิ”
ความจริงไม่ต้องให้เธอพูด สาวน้อยคนนี้ก็หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาแล้ว เธอเข้าใกล้ซีเหมินจินเหลียนและลดเสียงถามขึ้นเบาๆ ว่า “พี่สาว เสื้อของพี่ต้องแพงมากเลยใช่ไหม?”
“ก็คงแพงอยู่” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าเหมือนจะราวๆ พันกว่าหยวนมั้ง…
“แพงอยู่?” สาวน้อยยิ้มเหยียดหยาม “พี่อย่าทำเรื่องเกินตัวบ่อยๆ นักสิ ไหมแท้แบบนี้ ถึงจะถูกแต่ก็ตั้งพันกว่าหยวน เฮ้อ! พี่ไม่กลัวว่าเขาจะเป็นพวกป่าเถื่อน ที่จะฉีกพี่เป็นชิ้นๆ เหรอไง?”
“ผมไม่ใช่พวกป่าเถื่อนนะ…” จ่านป๋ายรีบพูดแทรกขึ้นอย่างไม่ยอม
“คุณหุบปากเลยค่ะ พวกผู้หญิงกำลังคุยกันอยู่ ผู้ชายอย่างคุณมีสิทธิ์อะไรจะมาพูดแทรกคะ?” สาวน้อยถลึงตาใส่จ่านป๋าย ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “สายตาของคุณผู้ชายไม่เลวเลย พี่ก็สวยมาก สำหรับพี่สาวที่แสนสวยแล้ว ฉันก็ชอบด้วยเหมือนกัน คุณผู้ชายอยากจะเล่นอย่างไรคะ? ทรีซัมเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง เพราะครั้งที่แล้วจ่านมู่ฮวาพูดถึงเรื่องซาดิสม์และมาโซคิสม์ เธอจึงต้องยอมจำใจเข้าไปในเว็บไซต์ของผู้ใหญ่ดาวน์โหลดหนังรักสำหรับผู้ใหญ่มาดู ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของคำว่าทรีซัมไปด้วย
หลังกระแอมไอออกมาน้อยๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ปรับสีหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “น้องสาวเป็นคนในพื้นที่ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ หรือว่าพี่ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่คะ?” สาวน้อยถามอย่างแปลกใจ “โรงแรมแห่งนี้ให้แค่เด็กสาวในพื้นที่มาทำงานเท่านั้นนะ…”
ซีเหมินจินเหลียนลำบากใจ ความจริงเธอก็พอจะเดาออกได้ตั้งแต่แรกแล้ว โรงแรมแบบนี้ย่อมมีการบริการอย่างลับๆ และจำเป็นต้องเป็นคนในพื้นที่ เธอไม่รอให้เรื่องราวบานปลายไปใหญ่ ก็หยิบใบแดงในกระเป๋าห้าใบยื่นไปให้
“นี่ พี่จะทำอะไรเหรอ?” เด็กสาวเบิกตากว้างมองไปที่เธอด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันไม่ใช่คนที่จะไล่ไปง่ายๆ นะ”
“ฉันไม่ได้จะไล่เธอ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าฉันจะไล่ ฉันก็คงไม่เรียกเธอมาหรอก…คืออย่างนี้ พวกเรามาที่เจียหยางก็เพื่อจะมาซื้อหินหยก แต่ไม่รู้ลู่ทางเลย ในเมื่อเธอเป็นคนในพื้นที่ เลยคิดว่าน่าจะคุ้นเคยกับสถานที่แถวนี้อยู่แล้ว หากรู้ว่าร้านไหนเป็นร้านเก่าแก่ขายมานาน พวกเราก็ยินดีที่จะซื้อ” เธออธิบายความตั้งใจในการมาครั้งนี้
“เฮ้อ!” สาวน้อยเอื้อมมือไปรับเงินห้าร้อยหยวนยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าตัวเองและส่ายหน้าพูดขึ้นว่า “ฉันก็ว่าแล้ว ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าใส่ชุดนอนผ้าไหมแท้ออกมาทำเรื่องแบบนี้กัน”
“แล้วตกลงเธอมีช่องทางหรือเปล่า?” จ่านป๋ายถามอยู่ข้างๆ
“ถ้าไม่มีช่องทาง ฉันจะกล้ารับเงินเหรอ?” ไม่พูดให้มากความ สาวน้อยก็กลอกตาใส่จ่านป๋ายและพูดต่อว่า “อาของฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับหินหยก บ้านของเขามีสินค้าเก่าแก่หลายปี ถ้าไม่มีคนรู้จักแนะนำให้ เขาก็จะไม่ยอมให้ดู แต่ฉันแนะนำคุณไว้ก่อนเลย หากจะซื้อมาแค่เล่นสนุก ไปเลือกหาตามถนนหยกโบราณสักสองก้อนก็ได้แล้ว เพราะสินค้าของอาฉันราคาสองสามแสนนั่นก็ถือว่าถูกมากแล้ว”
“แน่นอนว่าพวกเราต้องการหาของที่ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่หาวิธีให้คนมาแนะนำหรอก” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงคิดวิธีหาคนมาแนะนำได้?” สาวน้อยไม่เข้าใจ
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มให้ “โรงแรมแห่งนี้มีมาตรฐานพอสมควร คนที่เข้ามาหาแขกในนี้ได้ก็น่าจะต้องเป็นหญิงสาวในพื้นที่ใช่ไหมล่ะ?” หากเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ แม้แต่ประตูโรงแรมเกรงว่าก็คงเข้ามาไม่ได้ แล้วจะเรียกแขกได้อย่างไรกัน ความจริงทุกที่ก็เป็นเหมือนกันหมด คนในพื้นที่ย่อมปฏิเสธคนต่างถิ่นจนถึงที่สุด รวมถึงคนเซี่ยงไฮ้ด้วย ดังนั้นเมื่อเธอครุ่นคิดดูดีๆ จึงเข้าใจขึ้นมาได้
เด็กสาวในพื้นที่ถึงแม้จะไม่ได้รู้เรื่องหินหยก แต่ก็น่าจะต้องรู้ว่าที่ไหนขายหินหยกบ้าง ให้เธอนำทางแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น…หากเป็นเด็กสาวที่อยู่ไม่เป็นคงไม่ได้ติดต่ออยู่กับเจ้าของสินค้าหรอก เห็นผู้ซื้อเป็นแกะอ่อน ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของพวกนั้นมักจะทำอยู่แล้ว เชื่อถือไม่ได้
“ฉันชื่อหนิงชุ่ยฉิน นี่คือเบอร์ของฉัน” เด็กสาวหน้าตาสดใสหยิบกระดาษปากกาออกมาจากกระเป๋าและเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้พวกเขา
ซีเหมินจินเหลียนเองก็แลกเบอร์ของเธอส่งไปให้เหมือนกัน หนิงชุ่ยฉินพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็คิดว่า…คุณชายท่านนี้คงไม่ได้สนใจฉันสินะ พรุ่งนี้ฉันจะลองไปติดต่อคุณอาดู และพาพวกคุณไปดูหินหยก คุณลุงของฉันเองก็ทำธุรกิจ ขอแค่พวกคุณมีเงินไม่ต้องกลัวที่จะไม่ได้ของดี โอเค ฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ฉันยังต้องไปเคาะประตูห้องข้างๆ อีก”
ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง จ่านป๋ายเดินมาส่งเธอข้างนอกและพลันหมุนตัวเข้ามา เห็นซีเหมินจินเหลียนยิ้มมุมปาก เลยถามด้วยความสงสัย “คุณยิ้ม?”
“จากที่ฉันเห็นหนิงชุ่ยฉินแล้ว ดูเหมือนที่บ้านเธอไม่น่าจะมีปัญหาอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนปัดมือพูด “อาของเธอและลุงของเธอต่างทำธุรกิจเกี่ยวกับหินหยก เกรงว่าฐานะที่บ้านของเธอก็ไม่น่าจะย่ำแย่ แต่ทำไมถึงต้องมาทำอาชีพแบบนี้?”
“หากผมพูดออกไปแล้ว คุณก็ห้ามด่าผมนะ” จ่านป๋ายพูด
“อืม คุณว่ามาเถอะ”
“คนที่ออกมาขายตัวส่วนมากล้วนมีปัญหาทางครอบครัวจนไม่มีทางเลือกทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? อย่าพูดถึงผู้หญิงสมัยนี้ไม่มีคุณธรรมเลย แม้แต่ในสมัยก่อนก็มีชีวิตที่น่าเศร้ารันทด ต้องเร่ไปขายตัวตามหอนางโลม ผู้หญิงจำนวนมากความจริงก็ยินยอมด้วยตนเองทั้งนั้น แต่การเลือกในสมัยโบราณเคร่งครัดกว่าตอนนี้มาก บางที่คล้ายกับการเลือกสาวงาม…ไม่เหมือนผู้หญิงสมัยนี้ อยากจะทำก็ออกมาทำ” จ่านป๋ายอธิบาย
เมื่อก่อนซีเหมินจินเหลียนเคยอ่านข้อมูลมาบ้าง ในอดีตมีการบันทึกเกี่ยวกับการเลือกเกอิชาในหอนางโลมจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไม่รู้
“ผมเดาว่าที่บ้านของเด็กคนนั้นก็น่าจะทำธุรกิจหยก และเธอคงแค่มาเล่นสนุกๆ เท่านั้น ส่วนลูกค้าแบบพวกเราเธอไม่กล้าพาไปที่บ้านหรอก ได้แต่พาไปบ้านญาติ” จ่านป๋ายยิ้ม
“ทำไมถึงสนุก มาขายตัวเนี่ยนะ?” ซีเหมนจินเหลียนไม่เข้าใจ รู้สึกว่าตัวเองตามโลกสมัยนี้ไม่ทันเสียแล้ว
“เอาเถอะ นี่ยังแค่ในประเทศนะครับ” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “ตอนที่ผมอยู่อเมริกา ผมก็เคยเจอพวกคุณหญิงคุณนายรวยๆ มาเพื่อสนองความสุขส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อหาเงิน…”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอได้รับหลักคำสอนของลัทธิขงจื้อ แม้ว่าจะรับได้ แต่ตนเองก็ยังปล่อยวางไม่ลง
“โลกใบนี้ยังมีอะไรที่แปลกๆ อีกตั้งเยอะ” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “ผมเคยไปแอฟริกาใต้มาก่อน คุณคงไม่รู้หรอกว่าประเทศนั้นมีประเพณีบางอย่าง”
ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความแปลกใจ “ประเพณีอะไรเหรอ?”
“หญิงสาวในประเทศแถบนั้น เมื่ออายุครบสิบแปดปีแล้วต้องไปพักอยู่ข้างนอก และจะต้องรอให้ท้องก่อน ถึงจะมีผู้ชายมาขอแต่งงานเองถึงหน้าบ้าน” จ่านป่ายพูด
“ห๊ะ?” ซีเหมินจินเเหลียนฟังไม่เข้าใจ รีบถาม “หมายถึง? ถ้าผู้หญิงไม่ตั้งท้องก็ไม่มีผู้ชายมาขออย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ถ้าหากผู้หญิงไม่ตั้งครรภ์ นั่นก็เท่ากับพิสูจน์แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความสามารถในการตั้งครรภ์ และไม่มีผู้ชายที่ไหนต้องการ และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือ…หากผู้หญิงคนนี้หน้าตาดี คนที่จะมาสู่ขอก็ไม่ได้มีเพียงแต่พ่อของเด็ก ยังมีคนอื่นๆ มาสู่ขอด้วย”
“นี่มันก็บ้าไปแล้ว!” ซีเหมินจินเเหลียนส่ายหน้าพูด แต่บนโลกใบนี้แม้แต่หยกราชางูยังมีการปรากฏตัวขึ้น แล้วมันยังมีอะไรที่น่าแปลกกว่านี้อีก?
“คุณรีบนอนพักเถอะ พรุ่งนี้เราค่อยไปดูสินค้ากัน” จ่านป๋ายพูด
วันถัดมาหนิงชุ่ยฉินคนนี้ด็ถือว่าเชื่อถือได้ หลังจากที่ตอนเที่ยงเธอโทรเข้ามาถามว่าซีเหมินจินเหลียนว่างหรือเปล่า เธอก็ได้ติดต่อกับคุณอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนรีบตอบตกลง ขอแค่มีหินหยกให้ดู เธอก็ต้องว่างอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าหนิงชุ่ยฉินเช่ารถตู้สภาพเก่ามาจากที่ไหน ปากของเธอก็เคี้ยวหมากฝรั่ง พลางฮัมเพลงและเรียกให้ซีเหมินจินเหลียนขึ้นรถ ในเวลาเดียวกันนั้นก็ยิ้มให้จ่านป๋าย “คุณผู้ชาย เมือคืนจัดไปกี่ยกล่ะ?”
จ่านป๋ายตกใจหันไปมองซีเหมินจินเหลียน โชคดีที่เธอไม่ได้ทำสีหน้าโกรธแค้น ทำให้เขาวางใจขึ้นมาได้
และการกระทำเล็กๆ ของเขาต่างตกอยู่ในสายตาของหนิงชุ่ยฉิน พอเธอยิ่งพูดก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ “คุณผู้ชาย นึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนขี้กลัวด้วย?”
“คุณหนิง คุณอย่าล้อเล่นเลยครับ” จ่านป๋ายพูดพลางแค่นยิ้ม “ผมเพียงแค่เป็นบอดี้การ์ดให้คุณซีเหมินเท่านั้น”
“จริงเหรอ?” ไม่ต้องพูดให้มากความ หนิงชุ่ยฉินก็ยิ้มกว้างออกมา ขับรถไปพลางบ่นพึมพำว่า “คุณดูสิ เส้นสายฉันก็ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ? วันนี้จริงๆ แล้วคุณอาก็นัดให้คนอื่นมาดูสินค้า แต่ฉันลัดคิวให้พวกคุณมาดูก่อนเลยนะ”
“วันนี้อาของเธอยังมีลูกค้าคนอื่นด้วยเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ
“อืม!” หนิงชุ่ยฉินพูด “พูดไปก็บังเอิญ เมื่อวานซืนคุณอาของฉันมีสินค้าจากทางพม่าเข้ามาพอดี เลยโทรศัพท์หาให้ลูกค้าเก่าเข้ามาดู วันนี้ตอนที่ฉันไปหาอา เขาก็บอกว่าให้ลูกค้าเก่าดูก่อนแล้วค่อยกว่ากัน ฉันยังไม่ได้รับปากก็เลยรีบพาพวกคุณมาก่อน”
“ขอบคุณค่ะคุณหนิง” ซีเหมินจินเหลียนขอบคุณด้วยใจจริง หินหยกพวกนี้ ไม่ว่าจะดูก่อนดูหลัง ก็ต้องมีลำดับขั้นตอน หากบังเอิญเจอกับอวิ๋นอวิ้นกำลังดูสินค้าเข้า หลังจากรอให้เธอดูเสร็จแล้ว เธอคงดื่มซุปที่เหลือต่อไม่ได้ ของเหลือที่คนเขาไม่เลือก ถึงจะเป็นของตกหล่นแต่ก็ไม่ยินดีแล้ว
“คุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันก็แค่เห็นว่าบอดี้การ์ดของคุณหล่อดี แล้วเงินที่คุณให้มันก็น่าพอใจมาก” หนิงชุ่ยฉินยิ้มร่าเริง
ซีเหมินจินเหลียนเหลือบมองไปทางจ่านป๋ายและยกมุมปากขึ้น
จ่านป๋ายยิ้มฝืนยิ้มพูดขึ้นว่า “ผมหล่อเหรอ? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“หากไม่นำคุณไปเปรียบเทียบกับจ่านมู่ฮวา แน่นอนว่าคุณต้องหล่ออยู่แล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“จ่านมู่ฮวาคือใคร เขาหล่อไหม?” ไม่ทันไรเมื่อหนิงชุ่ยฉินได้ยินเข้าก็สนอกสนใจถามขึ้นมา “พอจะแนะนำให้ฉันรู้จักได้ไหม”
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็มีความคิดชั่วร้ายแวบเข้ามาในหัวพร้อมพยักหน้าลง “หากเธอมีโอกาสได้ไปเซี่ยงไฮ้ ฉันจะแนะนำเขาให้เธอรู้จัก!”
“ฉันชอบผู้ชายหน้าตาดีซะด้วยสิ” หนิงชุ่ยฉินพูด “หากคุณแนะนำผู้ชายหน้าตาดีให้ฉัน ฉันก็จะแนะนำร้านขายหินหยกอีกหลายที่ให้ เป็นไง?”
“ดีล!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม จ่านป๋ายจึงพูดภาษาอังกฤษบ่นด่าพึมพำออกมา