ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 154 ราชาในหยก
อวิ๋นเฮ่อเหมยมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน เธอไม่ได้มีท่าที่ที่ดูถูกดูแคลน คนที่สามารถมาเข้าร่วมงานเช่นนี้ได้ พื้นเพสถานะทางบ้านคงต้องมั่งคั่งพอสมควร ตระกูลสวี่เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีชื่อเลื่องลือมานาน อีกทั้งเด็กสาวสมัยนี้ยังชอบประกายเพชรที่เจิดจรัส ไม่ค่อยจะชอบหยกเท่าไหร่
และไม่รู้ว่าราชาของหยกคือหยกแข็ง มีสีสันที่หลากหลาย เนื้อผิวลื่นไหล เพชรพลอยอื่นๆ คงเทียบไม่ได้
ครั้งนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา แถมยังเพ่งความสนใจมองไปที่สวี่อี้หราน ดูสิว่าหมอมองโกลคนนั้นจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
“คุณเห็นผมโง่หรือยังไงกัน?” สวี่อี้หรานแค่นเหอะเสียงใส่ “หยกมีความแข็งแรงไม่ใช่เหรอ? ทำไมชนแค่นิดหน่อยถึงหักแล้วล่ะครับ ถึงคุณคิดจะหลอกผม แต่ก็ควรจะมีความรู้พื้นฐานที่ควรจะรู้หน่อยไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนเองก็แปลกใจอยู่ตลอด หยกมีความแข็งแกร่ง โดนกระแทกนิดหน่อยไม่น่าจะแตกหักได้ ไม่อย่างนั้นยังจะเอามาทำเครื่องประดับไว้ใช้ได้อีกเหรอ เมื่อสักครู่เธอมองกำไลของอวิ๋นเฮ่อเหมยแวบเดียว หยกนั่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทำไมถึงหักได้ล่ะ?
นอกจากว่าเดิมทีกำไลหยกนั้นมีรอยแตกอยู่แล้ว!
“คุณป้า!” สวี่อี้หรานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อของชั้นดียังแตกหักได้ คุณก็น่าจะเก็บไว้แต่ในบ้านสิ ไม่ควรเอาออกมาใส่โชว์ข้างนอก…”
ซีเหมินจินเหลียนเริ่มยิ้มมุมปาก คนคนนี้ก็จะตลกเกินไปแล้ว
“อะไรที่เรียกว่าของชั้นดีแตกหักง่าย?” อวิ๋นเฮ่อเหมยพูด “หยกมีคุณสมบัติแข็งแกร่ง ทำไมถึงแตกหักได้ง่ายล่ะ ก็ต้องเป็นเพราะว่าคุณตั้งใจจะทำมันไง”
“ผมกับคุณไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน อีกทั้งคุณก็ไม่ใช่คนไข้สวยๆ ด้วย ทำไมผมต้องมีเจตนามาทำกำไลคุณให้พังด้วยล่ะ?” สวี่อี้หรานมีท่าทีคับแค้นเสียยิ่งเธออีก “กำไลของคุณวงนี้มันคงพังมาก่อนแล้วสินะ คิดจะหลอกผมหรือ? เหอะ!” พูดจบเขาก็จงใจชูคอขึ้น
“คุณกล้าบอกว่ากำไลของฉันพังมาก่อนแล้วอย่างนั้นเหรอ?” อวิ๋นเฮ่อเหมยโกรธจนทนไม่ไหว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ที่จู่ๆ เครื่องประดับของตัวเองต้องมาหักออกเป็นสองอย่างฉับพลัน จิตใจคงไม่สู้ดีนัก ตอนนั้นจึงพูดดุดันขึ้น “คุณรู้ไหมว่าคุณป้าของฉันคือใคร?”
“ผมรู้อยู่แล้ว!” สวี่อี้หรานค่อยๆ พูดขึ้นทีละคำ “คุณป้าของคุณคงเป็นคนที่แก่กว่าคุณสินะ แต่ผมก็ไม่สนใจเลยสักนิด!”
ซีเหมินจินเหลียนอดทนมานาน เวลานี้เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้แล้ว แต่พอหันกลับมาทางอวิ๋นเฮ่อเหมยก็เห็นว่าเธอกลอกตาขาว ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องรักษาหน้าตัวเองในงาน เกรงว่าเธอคงต้องจัดการสู้กับเธอสักฉากแล้ว
“คุณชายสวี่ คุณป้าของผมเก่งกาจเรื่องการเดิมพันหินและหยกมาก คุณพูดแบบนี้มันก็ดูไม่ค่อยให้เกียรติกันสักเท่าไหร่นะครับ!” อวิ๋นเฮ่อซินรีบกู้หน้าช่วยพูด “อัญมณีอื่นผมจะไม่พูดถึง แต่ถ้าเป็นหยก เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคุณป้าของผมแน่”
“จริงเหรอ?” สวี่อี้หรานพูดจบ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดขึ้นว่า “ฟังคุณพูดอย่างนี้แล้วเรื่องนี้จะทำอย่างไรต่อดีล่ะ”
แม้ว่าเขาจะไม่เก่งเรื่องการสะสาง แต่อย่างน้อยคุณธรรมขั้นพื้นฐานเขาก็พอจะรู้ เมื่อทำของของคนอื่นพังก็ต้องชดใช้ ความจริงตอนที่ซีเหมินจินเหลียนบอกมูลค่าราคาว่าสามสิบล้าน เขาก็เตรียมจะชดใช้แล้ว ยังไงก็แค่เงินเล็กๆ น้อยๆ คิดดูแล้วพ่อก็คงหามาได้
“ผมว่า…เรื่องนี้คุณต้องมีความรับผิดชอบกับน้องสาวของผมสักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็รับผิดชอบคนละครึ่ง คุณว่าอย่างไร?” อวิ๋นเฮ่อซินพูด
จ่านมู่ฮวานิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรมานาน เพราะนี่เป็นเรื่องของตระกูลอวิ๋นและตระกูลสวี่ มันเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว อีกอย่างเขาสังเกตดูแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็อยากจะตีตัวออกห่างจากเรื่องนี้เช่นกัน แน่นอนเลยไม่อยากจะพูดอะไรให้มาก แค่มองดูเรื่องสนุกๆ ก็พอ!
“ต้องชดใช้เท่าไหร่” สวี่อี้หรานพูด “ผมต้องบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น!” น้ำเสียงที่พูดมีความรู้สึกว่าคุณหยุดหลอกผมสักที
“ความนิยมของหยกในตอนนี้สูงขึ้นระลิ่ว หยกสีฟ้าจัดอยู่ในสีหยกที่หายาก กำไลของน้องสาวผม อย่างน้อยถ้าขายในตลาดคงราคาเท่านี้!” อวิ๋นเฮ่อซินทำมือบอกเป็นนัยๆ
สวี่อี้หรานดูไม่รู้เรื่อง แต่ซีเหมินจินเหลียนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทำธุรกิจหยกมา เธอย่อมที่จะมองออก ไม่นานก็พยายามควบคุมจิตใจให้สงบลง หกสิบล้าน? นี่เขาก็เพิ่มราคาหยกสีฟ้าเป็นเท่าตัว
เห็นสวี่อี้หรานส่งสายตาร้องขอความช่วยเหลือ ซีเหมินจินเหลียนจึงถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณอวิ๋นคงหมายถึง…หกสิบล้าน!”
“หรือจะบอกว่า ผมก็ต้องชดใช้สามสิบล้าน?” สวี่อี้หรานบ่นพึมพำ “กับดักนี่นา”
อวิ๋นเฮ่อซินรีบพูดขึ้นว่า “คุณชายสวี่ คุณก็รู้ว่ากำไลหยกสีฟ้าตอนนี้ ยิ่งเป็นหยกสีฟ้าชั้นดี ถึงจะถือเงินมาเป็นกอบเป็นกำก็หาซื้อไม่ได้ สามสิบล้านไม่ได้เยอะมาก ถ้าหากไม่ใช่ของสิ่งนี้ ตระกูลอวิ๋นเราคงไม่กล้าเอ่ยปากให้คุณชายอวิ๋นชดใช้หรอกครับ” พูดจบใบหน้าของเขาก็แสดงความขอโทษบวกเกรงอกเกรงใจ
“ช่างเถอะ สามสิบล้านก็สามสิบล้าน!” สวี่อี้หรานถอนหายใจออกมา ยอมรับความซวยของตัวเอง ในใจสาบานกับตัวเองว่า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่มาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้อีก เขาจะไม่มาร่วมแน่ๆ นี่ก็อันตรายเกินไป ถ้าเข้าร่วมไปอีกหลายๆ ครั้ง ทรัพย์สมบัติของพ่อเขาคงจะต้องล้มละลายไม่เป็นท่าแน่
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้น
“หรือคุณผู้หญิงท่านนี้” อวิ๋นเฮ่อซินถามต่อ “มีความเห็นต่าง?”
“ถ้าหากคุณสวี่ต้องชดใช้กำไลด้วยเงินสามสิบล้าน เช่นนั้นก็ขอให้คุณนายอวิ๋นนำกำไลที่หักแล้วมอบแก่คุณสวี่เถอะ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะเสียเปรียบเกินไป” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น กำไลนั่นเพียงแค่หักสองท่อน กลับไปเจียระไนให้สวี่อี้หรานทำเป็นสร้อยลูกประคำหยกเล่นก็ได้ ตอนนี้สร้อยข้อมือหยกก็มีมูลค่าราคาเทียบเท่ากัน
อวิ๋นเฮ่อซินมองไปที่น้องสาวของเธอ เหมือนทั้งคู่จะรู้ใจกันดี ราคานี้สามารถซื้อหยกสีฟ้าได้หนึ่งชิ้นเลย ดังนั้นการต่อรองต้องการกำไลหักของซีเหมินจินเหลียนพอที่จะเข้าใจได้
อวิ๋นเฮ่อเหมยเปิดกระเป๋าแล้วนำกำไลที่หักออกมาส่งไปให้สวี่อี้หราน
สวี่อี้หรานมองเหมือนไม่มอง ความจริงเขาก็ไม่เข้าใจว่าซีเหมินจินเหลียนจะเอากำไลหักๆ ไปทำอะไร? แต่ในเมื่อเธอต้องการ เขาก็จะมอบมันให้เธอ
ซีเหมินจินเหลียนรับกำไลมาจากมือ ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนไปพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “เดี๋ยวก่อนค่ะ…”
“คุณยังจะเอาอะไรอีก?” อวิ๋นเฮ่อเหมยเองเริ่มปั่นป่วนด้วยความไม่สบายใจ
“คุณนายอวิ๋นที่พกกำไลแก้วมาชิ้นหนึ่ง แต่ทำกับดักให้คนมาชดใช้ตั้งสามสิบล้าน มันก็เกินไปหน่อยหรือเปล่าคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น เมื่อกำไลนั้นอยู่ในมือเธอ เธอก็รู้ได้ถึงปัญหา เธอสัมผัสกำไลชั้นดีมาหลายต่อหลายชิ้น จากความรู้สึกในการสัมผัสหยกไม่ต้องดูก็รับรู้ได้ เมื่อกำไลนี้อยู่ในมือ ความรู้สึกเหมือนกับพนักงานต้อนรับในโรงแรมที่ปลอมตัวเป็นคุณหนูผู้สูงส่ง ไม่ใช่ของดีนี่นา
“เด็กนี่พูดจาไร้สาระอะไรกัน?” อวิ๋นเฮ่อเหมยเริ่มโกรธขึ้นมา “เธอก็กล้าบอกว่ากำไลนี้เป็นแก้วเหรอ?”
“มันเป็นอย่างนั้นค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ความรู้สึกในการสัมผัสหยกมันต้องนุ่มนวลและลื่นไหลมากกว่านี้ แต่กำไลของคุณทำมาจากแก้ว ขายตามตลาดนัดกลางคืนทั่วไปก็แค่วงละห้าหยวนเท่านั้น”
“นี่คุณจะเกินไปแล้วนะ!” อวิ๋นเฮ่อซินสีหน้ากลัดกลุ้มพูด “ถ้าหากคุณไม่อยากจะชดใช้ ก็ไม่ต้องมาพูดจาเลอะเทอะแบบนี้!” ในงานเลี้ยงแบบนี้ ใส่กำไลแก้วที่วางขายตามแผงลอยตลาด มันก็เป็นเรื่องที่น่าอับอาย เมื่อเห็นผู้คนเริ่มมารุมล้อมมากขึ้น เธอก็กล้ำกลืนความรู้สึกนี้ไม่ไหว
“คุณผู้หญิง สามสิบล้านน่ะเป็นเรื่องเล็ก แต่คุณจะมาพูดจาเหลวไหลแบบนี้ไม่ได้!” อวิ๋นเฮ่อซินรีบมาห้ามปรามกลางวง “ถึงจะไม่อยากชดใช้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาบอกว่ากำไลของน้องสาวผมเป็นแค่กำไลแก้ว? อีกอย่างคุณก็เพิ่งจะอายุเท่าไหร่เชียว ดูแล้วไม่น่าจะรู้เรื่องหยกหรอก”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา ถือกำไลหยกสีฟ้าที่แตกออกเป็นสองท่อนนี้พร้อมส่ายหน้า “คุณอวิ๋น วันนี้คุณป้าของคุณอยู่หรือเปล่าคะ”
“อยู่ครับ!” อวิ๋นเฮ่อซินพูด “เพียงแต่คุณป้ากำลังพักผ่อน ตอนเจียระไนหินเธอถึงจะออกมา คุณอย่าเอาเรื่องเล็กแค่นี้มาทำให้เธอเสียอารมณ์เลยดีกว่า ความจริงน้องสาวของผมก็ไม่มีทางใส่กำไลแก้วหรอก”
“ช่างเถอะ เด็กคนนี้คงไม่เข้าใจอะไร พูดจาไร้สาระ ฉันก็ไม่อยากเอาเรื่องเธอด้วยเรื่องแค่นี้!” อวิ๋นทำท่าทางหยิ่งผยอง
ในใจของซีเหมินจินเหลียนแปลกใจไม่หาย ความจริงฐานะอย่างอวิ๋นเฮ่อเหมยถึงจะไม่สวมใส่หยกชั้นดี แต่ไม่น่าจะใส่กำไลแก้วนี่นา? แต่กำไลนี้ก็เป็นกำไลแก้วจริงๆ ไม่ใช่หยก! เธอคงไม่ถึงกับขนาดแยกระหว่างแก้วกับหยกไม่ออก
“เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าฉันพูดไปก็คงไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ สู้คุณเชิญคุณป้ามาดูดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็เชิญภรรยาของคุณมาดูก็ได้?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็เห็นซูหงอยู่ในวงพร้อมยิ้มขึ้น “ขอแค่พวกเธอบอกว่ามันเป็นกำไลหยกสีฟ้าเนื้อแก้วชนิดโบราณ ฉันก็จะชดใช้ให้คุณหกสิบล้านเลยเป็นไง?”
ซีเหมินจินเหลียนพูดถึงขนาดนี้ เพื่อปกป้องหน้าตาของสวี่อี้หราน อวิ๋นเฮ่อซินก็พยักหน้าเชิญให้ซูหงเข้ามา ซูหงมีใบหน้ากลัดกลุ้มใจ แกล้งทำเป็นไม่รู้จักซีเหมินจินเหลียนและรีบรับกำไลที่หักเป็นสองท่อนมาจากมือเธอมองดูอย่างละเอียด
สายตาของทุกคนในงานอดไม่ได้ที่จะเพ่งเล็งไปที่ซูหง แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่มาดูความคึกคักก็ถือว่าไม่เลว แถมในเวลานี้ค่าชดใช้เพิ่มสูงไปถึงหกสิบล้าน
“พี่สะใภ้ พี่ดูให้ละเอียดเลยนะ เพื่อลบข้อกังขาที่เด็กคนนี้บอกว่าฉันใส่กำไลแก้วของปลอม!” อวิ๋นเฮ่อเหมยพูด
ซูหงพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและขมวดคิ้ว “นี่เป็นกำไลแก้วจริงๆ”
“เหลวไหล!” อวิ๋นเฮ่อเหมยพูดขึ้นท่ามกลางแขกเหรื่อในงาน เป็นไปไม่ได้ พี่สาวมอบกำไลนี้ให้เธอ ทำไมถึงเป็นกำไลแก้วไปได้?
ซูหงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น พร้อมมองไปที่อวิ๋นเฮ่อซิน “ฉันทำธุรกิจอัญมณีมาตั้งหลายปี โดยเฉพาะเครื่องประดับหยกชั้นดี คิดว่าสายตาคู่นี้ยังดีอยู่ นี่เป็นกำไลแก้วจริงๆ ไม่ใช่หยก!”
อวิ๋นเฮ่อเหมยสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป มองไปที่ซูหงด้วยแววตาอาฆาตพร้อมยิ้ม “ใช่ เธอทำธุรกิจหยกมาตั้งหลายปีเลยทำให้หุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่หายไป เหอะ! สายตาตัวเองไม่ดีก็อย่ามาพูดจาเหลวไหล จะว่าไปเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดที่นี่”
“เหม่ยเอ๋อร์ อย่าพูดอะไรเหลวไหล!” อวิ๋นเฮ่อซินรีบพูดกระวนกระวาย
“พี่ใหญ่ ฉันพูดผิดตรงไหนเหรอ?” อวิ๋นเฮ่อเหมยพูดอย่างใจเย็น “คุณหนูซูของพี่ถ้าหากมีสายตาดีจริงๆ คงไม่แพ้ไม่เป็นท่าในงานนิทรรศการจัดแสดงโชว์อัญมณีหรอกจริงไหมล่ะ? สายตาอย่างเธอจะเอาอะไรมาชี้ว่ากำไลของฉันเป็นของปลอม? หรือว่าพี่ไม่เชื่อคุณป้า แต่ไปเชื่อเธออย่างนั้นเหรอ?”
ซูหงพูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นแค่คนทำธุรกิจเครื่องประดับหยก คนที่เดิมพันแพ้ราบคาบเป็นป้าของเธอ ไม่ใช่ฉัน…คนที่บอกว่าเป็นตำนานที่ไม่เคยพ่ายแพ้ใคร” พูดถึงเท่านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยัง ซีเหมินจินเหลียน แม้ว่านัดเดิมพันเธอจะเป็นคนเสนอ แต่คนที่เดิมพันจริงกับเป็นอวิ๋นอวิ้น ไม่ใช่เธอ