ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 141 หยกกับยาชะลอความแก่
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขมขื่น สวี่อี้หรานคอยตามติดเพื่อที่อยากจะจับชีพจรเธอ เธอยังไม่กล้าจะให้เขาตรวจ แม้ว่ายาชะลอความแก่ของเขาอาจจะไม่มีการพูดยืนยัน แต่คนคนนี้น่าจะมีที่มาที่ไป จากสายตาที่คุณลุงจินมองเขามันดูต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่เข้าใจก็คือ ถ้าหากเป็นศิษย์ของเพื่อนคุณลุงจริง ทำไม จินอ้ายหัวถึงไม่รู้จัก?
ส่วนตอนนี้เธอกลับสงสัยยิ่งกว่าเดิม จ่านมู่ฮวากลับรู้จักเขาด้วย? พอมีปัจจัยเพิ่มเข้ามาแล้ว เธอก็ยิ่งไม่กล้าให้เขาจับชีพจร แพทย์แผนจีนซับซ้อนผิดแปลกกว่าใคร ใครจะไปรู้ว่าเขาจะตรวจเจออะไรเข้า? ตนเองมีความสามารถมองทะลุผ่านเกรงว่าคงต้องมีอะไรผิดไปกว่าคนปกติใช่หรือเปล่า?
“เขาออกตรวจครั้งหนึ่งค่ารักษาเท่าไหร่แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่ได้ป่วย ถึงจะป่วยฉันก็ไม่ไปหาหมอมองโกลหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น
“ผมไม่ใช่สัตวแพทย์นะ” สวี่อี้หลานรีบพูดแจกแจง “ผมตรวจสัตว์ไม่เป็น”
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็อยากจะหัวเราะออกมา หมอมองโกลแปลกๆ คนนี้ ทำไมถึงพูดจาจริงจังขึ้นมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอหยอกเล่น แต่เขากลับอธิบายแจกแจงอย่างเป็นทางการ หรือว่าเขาเข้าใจในการรักษาสัตว์ เขาก็เป็นสัตวแพทย์?
“คุณจะดูถูกสัตวแพทย์ไม่ได้นะ” จินอ้ายหัวถูกดอกโบตั๋นสีฟ้าดึงดูด ดอกโบตั๋นสดก็หาที่ไหนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสีที่หายากเช่นนี้ด้วย “ฉันนี่แหละเป็นสัตวแพทย์ แล้วจะทำไม?”
จินอ้ายหัวไม่เพียงแต่เป็นสัตวแพทย์ แถมเธอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำหมันให้สัตว์อีก เพราะฉะนั้นถ้าเรื่องมาถึงหัวเธอ ทำให้ขาดสติโกรธจัดพูดประโยคนี้ขึ้น แต่คนที่คุ้นเคยสนิทสนมต่างอดไม่ได้ที่หัวเราะ ซุนหมิงหมิงก็อยู่ข้างกายของซีเหมินจินเหลียน เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
พูดความจริง ตอนที่เพื่อนของเขารู้ว่าภรรยาที่เขาจะแต่งงานด้วยเป็นสัตวแพทย์หญิง เขาก็ถูกหัวเราะเยาะอย่างหนัก แต่พอทุกคนรู้ว่าสัตวแพทย์สามารถทำหมันได้ ซุนหมิงหมิงก็ไม่มีสิทธิในการพูดแล้ว ตอนนั้นแม้ว่าจะเป็นการดูตัวที่ทางบ้านนัดหมาย อีกทั้งเขายังไม่ยินดีชอบพอ แต่พอเห็นจินอ้ายหัวเขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ตนชอบพอ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างไม่ต้องสงสัย
“เอ่อ ผมไม่ได้จะดูถูกสัตวแพทย์นะ!” สวี่อี้หรานพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“คุณสวี่ ดอกไม้ของคุณคือดอกอะไรเหรอ” จินอ้ายหัวถาม
“อ่อ เป็นดอกโบตั๋นสีฟ้า” สวี่อี้หรานพูดจบก็รีบหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมิน นี่เป็นดอกไม้ที่ผมทำการทาบกิ่งสำเร็จ คุณลองดูสิ สวยมากใช่ไหม?”
“คุณก็ทำการทาบกิ่งเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนเริ่มสนใจขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งแต่เล็กเธอก็ชอบดอกไม้ใบหญ้า เมื่อสักครู่ที่เห็นดอกโบตั๋นสีฟ้า เธอก็รู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่สะดวกที่จะรับไว้ อย่างไรเสียถ้าหากเธอรับดอกไม้ของเขามา นั่นก็เท่ากับว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเขาแล้ว!
“ผมว่าดอกโบตั๋นสีฟ้าสวยดี สวยกว่าดอกไม้ชนิดอื่นที่ร้านดอกไม้ขายด้วยซ้ำ คุณว่าไหม?” สวี่อี้หรานพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม “อีกอย่างภายใต้โลกหล้าฟ้าขาวนี่ ดอกโบตั๋นสีฟ้ามีแค่ผมที่มี! แม้ว่าไม่ใช่ของที่มีค่ามีราคาอะไร แต่อย่างน้อยก็บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ใจของผม”
“เก็บความบริสุทธิ์ใจของนายไว้เถอะ!” จ่านมู่ฮวาพูดพลางหันไปพูดคุยทักทายซีเหมินจินเหลียน “จินเลียน พวกเราไปกันเถอะ คนตระกูลสวี่สมองก็ไม่ปกติกันทั้งนั้น”
ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่สวี่อี้หรานและยิ้มอย่างรู้สึกผิด ชายหนุ่มที่จริงจังคนนี้ ความจริงเขาก็น่ารักมาก จากนั้นเธอก็บอกลากับจินอ้ายหัวอีกครั้งจึงหมุนตัวจากไป
“คุณซีเหมิน…คุณซีเหมิน…” สวี่อี้หรานรีบเดินตามมาและพูดเอาใจ “ถึงคุณจะไม่ให้ผมจับชีพจร แต่คุณก็ช่วยรับดอกไม้ช่อนี้ไว้เถอะครับ! ถือเสียว่าเป็นคำขอโทษของผมในวันนี้ ผมรับรองว่าภายหลังจะไม่มาตามรังควานคุณอีกแล้ว!”
จ่านมู่ฮวาเห็นท่าทางเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่เขม่นคิ้ว ในใจรู้สึกแปลกพิกล
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน เดิมทีท่าทีของสวี่อี้หรานทำให้เธอปวดหัวไม่หยุด แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมเอ่ยปากเองว่าจะไม่มาตามรังควานเธอ ตอนนั้นเลยไม่กล้าปฏิเสธรอบสอง ยิ้มและคว้ามือไปรับดอกโบตั๋นสีฟ้าแสนสวยนั่นพร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณค่ะ!” เมื่อเห็นใบหน้าของจินอ้ายหัวฉายแววอิจฉาออกมาเล็กน้อย เธอจึงรับมาและส่งไปให้เธอ “อ้ายหัว ฉันให้เธอ วันนี้เป็นวันดีของเธอ ถือว่าฉันส่งดอกไม้เป็นคำอวยพรแล้วกันนะ”
การกระทำของซีเหมินจินเหลียนก็เพื่อทำให้สวี่อี้หรานยอมแพ้และไม่มารังควานเธออีก แต่เธอก็ยังแอบมีความกังวลว่าฝีมือแพทย์ของคนๆ นี้ดีจริงเหรอ? จะดีขนาดไหนกันเชียว?
จินอ้ายหัวรับดอกไม้ที่เธอให้มาด้วยสีหน้ายิ้มเบิกบาน กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สวี่อี้หรานเห็นซีเหมินจินเหลียนจากไปพร้อมกับจ่านมู่ฮวา เช่นนั้นถึงขมวดหัวคิ้วและหมุนตัวเดินจากไป ไม่มีแม้แต่กล่าวทักทายบอกลากับจินอ้ายหัวสักคำ…
“อ้ายหัว ลูกไม่ควรรับดอกไม้ของจินเหลียนมานะ” แม้ว่าคุณลุงจินจะเห็นสถานการณ์ทั้งหมด แต่เขาก็รอให้สวี่อี้หรานกับซีเหมินจินเหลียนเดินไปก่อนถึงค่อยพูดขึ้น
“คุณพ่อ คุณสวี่คนนั้นเป็นใครกันแน่คะ” จินอ้ายหัวถามอย่างแปลกใจ พูดไปแล้ว…ทำไมตนถึงไม่รู้จัก?
“เขาเป็นคนแปลกๆ น่ะ” คุณลุงจินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “เขาเป็นลูกศิษย์ของคุณลุงจาง แต่ฝีมือทางการแพทย์ของเขามีทักษะชั้นสูงที่สืบทอดมา ที่เขาบอกพวกลูกเรื่องยาชะลอความแก่นั่น บางทีอาจจะมีจริง ไม่ได้กลั่นแกล้งพวกลูกหรอก เพียงแต่นิสัยของเขาก็แปลกพิกล พ่อได้ยินคุณลุงจางบอกว่า บ้านของเขามีเงิน แต่ไม่ให้เขาออกไปตรวจรักษาคนอื่นข้างนอก เพราะฉะนั้นเลยเป็นงานอดิเรกรายวันของเขา นี่เป็นเรื่องแปลกพิลึก”
“ดอกโบตั๋นของหนูก็เป็นดอกไม้แปลกใหม่ที่หายาก เด็ดออกมาน่าเสียดายเหลือเกิน” จินอ้ายหัวพูด
…
บนรถของจ่านมู่ฮวา ซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้นว่า “เขาเป็นใคร”
“ก็แค่คนแปลกๆ คนหนึ่ง” จ่านมู่ฮวาพูด “ได้ยินมาว่าคนคนนี้ไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้สนใจคุณ การที่ให้เขามาให้ดอกไม้ผู้หญิงแบบนี้ก็ยากกว่าการจูงวัวไปไถนาอีกนะ แล้วนี่ยังเป็นดอกไม้ที่เขาปลูกเองกับมือด้วย”
“ไม่เข้าใกล้ผู้หญิง? หรือว่าเขาจะชอบผู้ชายจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ผมไม่ได้รู้จักเขามากนักหรอก ครั้งที่แล้วเหมือนจะเจอเขาที่งานเลี้ยงของตระกูลไหนสักตระกูล จากนั้นก็ได้ยินคนบอกว่าฝีมือทางการแพทย์ของเขาเลิศล้ำ จนกระทั่งได้ยินมาว่าเขาจับชีพจรครั้งหนึ่งต้องใช้ทองถึงสามพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้ากรัม?” จ่านมู่ฮวาอธิบาย
ซีเหมินจินเหลียนตะลึงงัน นี่ล้อเล่นอะไรกัน! จับชีพจรครั้งหนึ่งต้องใช้ทองคำถึงสามพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้ากรัมเชียงเหรอ เขาเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองได้หรือไงกัน? เมื่อคิดถึงเรื่องเปลี่ยนหินให้เป็นทอง เธอก็นิ่งอึ้งพร้อมส่ายหน้า
“แต่ว่าถึงอย่างนั้นก็เถอะ คนที่จะให้เขาจับชีพจรให้ก็ต้องดูก่อนว่าเขายินยอมหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นถึงเงินจะสูงกว่านี้ก็อย่าฝันที่จะให้เขาจับชีพจรให้เลย” จ่านมู่ฮวาพูดอธิบายอีกครั้ง
“คนคนนี้ก็แปลกอย่างว่าจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอไม่ได้ลืมว่าวันนี้เขาขอร้องจะจับชีพจรของเธอ ส่วนเธอปฏิเสธเขาท่าเดียว
จ่านมู่ฮวายิ้มและเบี่ยงประเด็นถาม “เขาบอกจะไม่มารังควานคุณ เขาก็จะไม่มารังควานคุณจริงๆ คุณวางใจได้ คนคนนี้เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น คุณเฉาจากหยางโจว มีความเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อไหร่คุณจะไปที่หยางโจว”
“มีข่าวอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติถามขึ้น
“คุณเฉาคนนั้นกับเถ้าแก่โจวที่อยู่ถนนโบราณเมืองเซี่ยงไฮ้ ไหนจะหลินเสวียเหวินในช่วงที่ผ่านมามีการติดต่อกันตลอด นอกจากนี้ข้อมูลที่ผมรวบรวมมา ทำให้ผมตกใจมาก หลายปีมานี้การขนย้ายหินหยกจากพม่าเข้ามาหนึ่งในสามส่วนส่งมาให้ที่ร้านของเถ้าแก่โจว ส่วนที่เหลือส่งไปที่หยางโจว” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “หลินเสวียเหวินลักลอบเงินก้อนโตจากบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่และสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยของคุณเฉาอย่างไม่มีเงื่อนไข!”
“ค้นคว้าวิจัย?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเข้าก็มึนงง ถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “วิจัยว่าจะเดิมพันหินอย่างไรเหรอ?”
“ไม่ใช่” จ่านมู่ฮวาส่ายศีรษะพูด “ถ้าหากพวกเขาวิจัยว่าจะเดิมพันหินอย่างไร นั่นมันก็ไม่แปลกหรอก แต่หัวข้อที่พวกเขาศึกษาทำให้ผมแปลกใจเป็นที่สุด”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นในใจก็แอบคาดเดา เกรงว่าหัวข้อวิจัยของคุณเฉาจะต้องแปลกประหลาดแน่ๆ
“อะไรเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ การสวมใส่หยกสามารถรักษาโรคได้ มีประโยชน์ช่วยในเรื่องของสุขภาพ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่พิสูจน์ว่าในหยกมีแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยร่างกายของคน แต่ละบริษัทอัญมณีต่างพากันขายอย่างดุเดือดจนมีชื่อเสียงลือเลื่อง” จ่านมู่ฮวาพูด
“อืม เรื่องนี้ฉันก็รู้บ้าง” ซีเหมินจินเหลียนพูด แต่เธอไม่เคยเชื่อว่าเป็นฝีมือของบริษัทอัญมณีพวกนี้ เธอชอบเพราะหยกดึงดูดล่อตาใจคน ไม่ได้เชื่อในเรื่องของตำนาน
จ่านมู่ฮวาถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “ได้ยินมาว่าเมื่อสองพันปีก่อน หินหยกใช้ในการรักษาทางการแพทย์มีการบันทึกไว้ที่ตำราแพทย์เสินหนงเปิ่นเฉ่าจิงเสินและเปิ่นเฉ่ากังมู่ แม้แต่ในตำนานก็มีการกินหยก เพราะสามารถขจัดธาตุร้อนเย็นภายในกาย ไม่หิว ไม่แก่เหมือนเทพ…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินประโยคนี้ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงยาชะลอความแก่ของสวี่อี้หราน เหมือนเขาจะบอกว่าตอนนั้นเสินหนงทดลองกินยาสมุนไพรก็เพื่อทำยาชะลอความแก่ อุทิศตัวให้เทพธิดา หรือว่าจะมียาชะลอความแก่จริง
“คุณเฉาท่านนี้ก็บ้าไปแล้ว! คิดไม่ถึงว่าจะวิจัยเรื่องหยกอย่างจริงจัง คิดจะตามหายาชะลอความแก่” จ่านมู่ฮวาพูด “หัวข้อวิจัยของพวกเขาก็คือเรื่องนี้ล่ะ!”
ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจลึกๆ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือฮ่องเต้ที่เป็นที่นับถือ ผู้คนมากมายต่างอยากจะหายาชะลอความแก่ แต่คุณเฉาท่านนี้บ้าอย่างเห็นได้ชัด
“หลังจากที่หลินเสวียเหวินลักลอบเงินสดของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ไปแล้วก็เอาไปทุ่มทุนลงที่การวิจัยนี้!” จ่านมู่ฮวาพูด “ส่วนอีกเรื่องก็บังเอิญมาก”
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนถาม “เรื่องบังเอิญอะไร?”
“ตอนที่พวกเขาเริ่มวิจัยเรื่องนี้…น่าจะเริ่มจากราชาหยกก้อนนั้น” จ่านมู่ฮวาพูด “นี่เป็นเวลาที่ผมคาดการณ์เอาไว้”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านมู่ฮวาขับรถไปพลางพูดต่อว่า “วิจัยหยกว่าจะทำอย่างไรให้คนไม่ตายเหมือนเทพ เพราะฉะนั้นต้องผลาญเงินจำนวนมาก คุณลองคิดดูก็น่าจะรู้ เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่แต่ก็รับไว้ไม่ไหว จากนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เถ้าแก่โจวสมคบด้วย แถมความสัมพันธ์ของเถ้าแก่โจวกับทางพม่าทำให้ผมปวดหัวมาก ใครๆ ก็รู้ว่าตอนนี้ทหารทางพม่าเฝ้าระวังการลักลอบขนหินหยกอย่างเข้มงวดมาก แต่เขาสามารถลักลอบหินหยกจำนวนมากขนาดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!”