ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 10 ลุ่มหลง
เหลียนเฟิงคาดไม่ถึงเลย ว่าหูชีเยี่ยนจะมีชีวิตที่หรูหราอู้ฟู่ถึงเพียงนี้ ช่วงที่ผ่านมาเธอได้ตามซีเหมินน่งเยว่ไปเปิดหูเปิดตามาบ้างแล้ว ไม่ได้เป็นเด็กสาวบ้านนอกเหมือนตอนเพิ่งลงจากเขา แต่ความมั่งมีของหูชีเยี่ยนก็ยังคงทำให้เธอตะลึงมาก
“ต่อไปทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของเธอ” หูชีเยี่ยนบีบเอวบางของเธอแล้วพูดยิ้มๆ
“ฉันต้องการแค่พี่” เหลียนเฟิงพลิกมือไปกอดเขา ดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของยาจากตัวเขา แล้วยิ้มอย่างพอใจ
ฤดูหนาวของปีนี้ หูชีเยี่ยนได้จัดงานวันเกิดเล็กๆ ที่ฮ่องกง เขาให้สถานะทางกฎหมายกับเหลียนเฟิงไม่ได้ แต่ก็อยากให้เธอมีหน้ามีตาในสังคม
แขกที่มาร่วมงานวันเกิด ก็ล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการจิวเวลรี่ สำหรับประวัติการพนันหินของหูชีเยี่ยน โลกภายนอกลือกันไปต่างๆ นานา ลึกลับอย่างที่สุด แต่คนที่เคยเจอตัวจริงของเขากลับไม่มาก
เพราะฉะนั้น เมื่อได้เห็นเขาในชุดกี่เพ้ายาวสีเข้ม แล้วโอบเอวเหลียนเฟิงในชุดกระโปรงสีไพลินปรากฏตัว ทุกคนก็ต่างตื่นตาตื่นใจ…ชายที่หล่อเหลาจนสามารถเป็นนักแสดงภาพยนตร์ได้คนนี้ เป็นเจ้าแห่งหยกในตำนานงั้นเหรอ? ที่เหลือเชื่อกว่านั้นคือ เขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น
ค่ำคืนนี้ สปอตไลต์จำนวนนับไม่ถ้วนสาดส่องอยู่บนใบหน้าของเขา หูชีเยี่ยนยิ้มอย่างอ่อนโยน ประคองเหลียนเฟิงอยู่แล้วเดินชนแก้วกับแขกในงานอย่างสุภาพอ่อนโยน สูงส่งงามสง่าราวกับเกิดมาในตระกูลชั้นผู้ดี
ท่ามกลางความมืด มีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอย่างไม่คาดสายตา หลังจากหูชีเยี่ยนหมุนตัวหลายครั้ง ก็จับสายตาที่จงใจหลีกเลี่ยงนั้นได้
เขาปล่อยมือออกจากเหลียนเฟิง ชูแก้วให้กับความมืดนั่นอย่างสง่า แล้วดื่มจนหมดแล้วในรวดเดียว ก่อนจะยิ้มเยาะตรงมุมปาก…สักวันเขาจะให้โอกาสเขา และโอกาสตัวเองได้พลิกชะตาชีวิต
ความมั่งคั่งทั้งหมดนี้ ก็เพียงเพื่อการพลิกชะตาชีวิตในอนาคตของเขา
นี่เป็นงานเลี้ยงที่สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งฮ่องกงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากจบงานเลี้ยงในคืนนั้น หูชีเยี่ยนกลับพาเหลียนเฟิงและซีเหมินเวิ่นเสว่ไปที่ชายแดนพม่า เหมืองหยกที่นั่นของเขาได้ผลิตหยกดิบออกมาแล้ว
สายลมในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้พัดเอาความเขียวขจีกลับมาอีกครั้ง หูชีเยี่ยนเอามือไพล่หลัง ยืนดูดอกไห่ถังที่ร่วงหล่นลงมา และถอนหายใจเบาๆ…ฤดูใบไม้ผลิได้หวนกลับมา แต่เขาจะหยุดความตายได้อย่างไร จะเอาตำราวิชาคืนสู่สวรรค์ได้จากที่ใด?
ทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้น ก็เป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?
“พี่สือโท่ว คิดอะไรอยู่?” เหลียนเฟิงวิ่งออกมาจากในบ้าน แล้วถามพร้อมใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะดึงหูชีเยี่ยนพร้อมพูด “ฉันเรียกพี่ตั้งสองครั้งแล้ว แต่พี่ก็ไม่ได้ยิน”
“โตขนาดจะเป็นแม่คนแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้” หูชีเยี่ยนยื่นมือไปบีบจมูกของเธอ แล้วยิ้มถาม “ทำไมดูมีความสุขขนาดนี้? ระวังลูกในท้องด้วยสิ” เขาพูดพลางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบท้องที่นูนขึ้นมาของเธอ
“มีคนมองอยู่” เธอเขินอายจึงรีบปัดมือเขาออก
แต่หูชีเยี่ยนกลับพลิกมือไปกอดเธอไว้ พลางยิ้มพูด “จะไปกลัวอะไร พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรมั่วซั่วหรอก” ที่นี่เป็นที่ของเขา เขากอดผู้หญิงของเขา ใครหน้าไหนจะกล้าว่า?
“พี่ว่าลูกของเราจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?” เหลียนเฟิงหมุนตัวกลับมาถามด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“ผู้หญิง” หูชีเยี่ยนตอบเสียงต่ำ เสียงเบามาก แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“หึ พี่รู้ได้ยังไง?” เหลียนเฟิงส่ายหัว “ฉันอยากให้ลูกเป็นผู้ชาย เหมือนพี่ไง ดีจะตาย”
“หินกับหยกพี่ยังแยกได้ตั้งแต่แวบหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับลูกในท้อง? อีกอย่าง เหมือนพี่มันดีตรงไหน?” เขาพูดพลางส่ายหัวเบาๆ ใช่ การมีชีวิตแบบเขามันดีตรงไหน? คลอดลูกผู้หญิงเถอะ แล้วตั้งชื่อเป็นจินเหลียน…ใช้นามสกุลของเธอ”
“ทำไมล่ะ?” เหลียนเฟิงอึ้ง ให้ลูกใช้นามสกุลแม่ เขาคิดจะทำอะไร? ถ้าถูกเผยแพร่ออกไป น้าอวิ๋นรู้เข้าล่ะก็…
“ตระกูลหูตัดขาดกับพี่ไปแล้ว” หูชีเยี่ยนส่ายหัว ไม่ได้มีเหตุผลอะไร เขาก็แค่ไม่ต้องการให้ลูกที่จะเกิดมาเป็นเหมือนเขา
การพนันหิน ก็เป็นเพียงเพราะเขาใช้พรสวรรค์พิเศษของเขามาช่วย ทำเป็นงานรองเล็กๆ น้อยๆ…ทำไมผู้สืบทอดทุกยุคในตระกูลของเขา จะต้องมีคนได้รับการสืบทอดความสามารถน่ากลัวๆ แบบนี้?
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ทาบมือลงบนหน้าท้องของเหลียนเฟิง แสงสีทองอ่อนพลันกระจายเข้าไปในท้องเธอ
“ไอหยา” ทันใดนั้น เหลียนเฟิงก็ตะเบ็งเสียงขึ้นว่า ”มัวแต่คุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับพี่ จนลืมเรื่องสำคัญไปเลย ฉันเคี้ยวยาของพี่เสร็จแล้ว พี่ใหญ่กำชับมาว่าจะต้องให้พี่กินอย่างตรงเวลา” เธอพูดพลางเดินไปทางห้องครัว
เหลียนเฟิงสงสัยมาตลอด ตั้งแต่ที่ซีเหมินเวิ่นเสว่ไปรับเธอกลับมาจากหุยชุนถัง เธอก็ค้นพบว่า หูชีเยี่ยนต้องทานยาอยู่ตลอด และทุกครั้งที่เขาไม่ยอมกิน พี่ใหญ่ก็จะโมโหมาก บางครั้งถึงกับต้องใช้กำลังกรอกยาเข้าปากเขา
หูชีเยี่ยนเคยถามเขาหลายครั้ง หูชีเยี่ยนมักจะบอกว่า เขาไม่ได้เป็นอะไร แค่พี่ชายวิปริตเท่านั้น
พี่ใหญ่ไม่ใช่วิปริตแน่ แต่เหลียนเฟิงเองก็รู้ดีว่า ถ้าจะให้ไปหลอกถามจากพี่ใหญ่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งนี้พี่ใหญ่มีธุระที่อเมริกา กำชับเธอเป็นพิเศษ ว่าให้คอยบังคับให้หูชีเยี่ยนทานยา เธอจึงเป็นคนเคี้ยวยาด้วยตัวเองมาโดยตลอด ไม่ให้คนใช้ยื่นมือเข้ามายุ่ง
มองเหลียนเฟิงเดินถือถ้วยยาออกมาจากห้องครัว หูชีเยี่ยนก็ยื่นมือไปรับมา แล้วส่ายหัวเบาๆ ถึงซีเหมินเวิ่นเสว่จะเก่งกาจเพียงใด ด้วยความสามารถของเขา บวกกับเงินของหูชีเยี่ยน ต่อให้ใช้ยาสมุนไพรที่แปลกและหายากมาก็แค่ต่อลมหายใจให้เขาได้อึกหนึ่ง จะช้าจะเร็วเขาก็ต้องจากไปอยู่ดี
“พี่สือโท่ว รีบดื่มเถอะ” เหลียนเฟิงถลึงตาจ้องเขา “พี่ใหญ่บอกว่า ต้องคอยจ้องตอนพี่กินยา”
“ได้” หูชีเยี่ยนพยักหน้า ยกถ้วยยาขึ้นดื่มพรวดเดียวหมด
ข้างๆ มีคนรับใช้เอาน้ำบ้วนปากมาให้ หูชีเยี่ยนรับมาลวกๆ แต่กลับรู้สึกว่านิ้วมือไร้เรี่ยวแรง ถ้วยชาหล่นลงบนพื้นดัง ‘เคว้ง’
“ยานี่……” หูชีเยี่ยนมองเหลียนเฟิงอึ้งๆ ยานี่ปกติดี กลิ่นก็ไม่เปลี่ยน แต่ในยามียาระงับประสาทอยู่จำนวนมาก ทั้งยังเป็นยาระงับประสาทที่คุณท่านของตนปรุงขึ้น
มีเพียงแค่ยาระงับประสาทของคุณท่านเท่านั้นที่จะไร้สีไร้กลิ่นแบบนี้ สามารถละลายได้ในน้ำทุกชนิด โดยไม่มีอะไรตกค้าง…ตอนที่ออกมาจากหมู่บ้านกลางเขานั้น เขาเองก็ขโมยยาระงับประสาทของคุณท่านมา และเคยใช้กับซีเหมินเวิ่นเสว่
นี่คือสติเสี้ยวสุดท้ายของหูชีเยี่ยน จากนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนยวบลง
หูชีเยี่ยนได้สติอีกครั้งเพราะถูกสาดด้วยน้ำเย็นถังใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวสะบัดน้ำที่ผมออก รู้สึกไม่สบายตัวมาก เขาพยายามออกแรงดิ้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่กระจายจากข้อมือ ทำให้เขาได้สติขึ้นมาทันที
นี่เป็นห้องทรมานและตอนนี้เขาถูกมัดติดกับราวที่ไว้ใช้ทรมาน และซีเหมินน่งเยว่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม ใบหน้าโป๊กเกอร์เหมือนคนตายนั่น จ้องเขาอยู่อย่างเงียบๆ
“คุณชายหูผู้สูงส่ง สามปีที่ไม่ได้เจอ เราสลับกันหมดเลยนะ” ซีเหมินน่งเยว่เห็นว่าเขาได้สติก็หัวเราะและพูดเรียบๆ ว่า “ของที่คุณท่านปรุงใช้ได้เลยทีเดียว ฮ่าๆ…”
หูชีเยี่ยนหลับตาลง ช่วงนี้เขาก็ส่งคนไปจับตาดูซีเหมินน่งเยว่อยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้ไปที่หมู่บ้านกลางเขานั่น แสดงว่ายาระงับประสาทนี่ต้องมาจากห้องหนังสือของตัวเองแน่
และคนที่เข้าไปในห้องหนังสือของตัวเองได้ก็มีเพียงเหลียนเฟิงกับงูผีเท่านั้น
“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ งูผีพลิกแผ่นดินหาสมุนไพรเพื่อทำยาอะไรให้นาย?” ซีเหมินน่งเยว่ลุกขึ้นมา แล้วลูบหน้าขาวนวลเนียนของหูชีเยี่ยน “แต่ก็ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นช่วยบำรุงอะไร หล่อเลี้ยงนายจนขาวเนียนผุดผ่อง ผิวพรรณนี้ไม่เลวจริงๆ เทียบเป็นวัยเริ่มเจริญพันธุ์ได้เลย”
หูชีเยี่ยนถูกมัดไว้ด้วยโซ่เหล็กบนราวที่ใช้ทรมาน โมโหแต่ก็ยังยิ้ม “นายอย่าบอกนะว่านายแอบรักฉันมานานแล้ว ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ฉันสนใจแค่น้องสาวนายเท่านั้น”
“ตามคาด สันดานเปลี่ยนยาก” ซีเหมินน่งเยว่ยิ้มเยาะพูด “ต่อหน้าผู้คนแสร้งทำเป็นผู้ดี เนื้อแท้แล้วก็ยังเป็นอันธพาล” ในระหว่างที่พูด เขาก็กำหมัดแล้วอัดไปที่ท้องของหูชีเยี่ยนอย่างแรง
หูชีเยี่ยนร้องเจ็บด้วยความจุกเสียด แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เขาไม่เคยแสร้งทำเป็นผู้ดีหรืออ่อนโยน เขาเป็นอันธพาลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“พอได้เห็นแกในสภาพนี้แล้ว ในที่สุดฉันก็เข้าใจ ว่าทำไมงูผีถึงได้ชอบแก” ซีเหมินน่งเยว่บีบหน้าเขาแล้วรามลงมาจับคออันขาวเนียนของเขา
“นายว่าอะไรนะ?” หูชีเยี่ยนอึ้ง งูผีเนี่ยนะชอบเขา ล้อเล่นหรือเปล่า?
ซีเหมินน่งเยว่กลั้นขำไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะจนน้ำตาไหล หูชีเยี่ยนก็อดสบถเสียงต่ำไม่ได้ “ไอ้บ้า”
“นายไม่เชื่อหรอ?” ซีเหมินน่งเยว่หัวเราะเสียงดังก่อนพูดว่า “มันบอกฉันเองเลยนะ…ฮ่าฮ่า…แต่ก็นะ นายเป็นผู้ชายคนหนึ่งจะหน้าสวยขนาดนี้ทำไม? เวรกรรมจริงๆ”
“ให้ตายเถอะ” หูชีเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
“ฉันว่านะไอ้นกฟินิกซ์เจ้าเล่ห์ เรามาตกลงกันดีๆ ดีกว่า อย่าบังคับให้ฉันต้องใช้กำลัง ไม่อย่างนั้น ถ้านายเป็นอะไรไป น้องชายฉันมาเอาเรื่องฉันแน่” ซีเหมินน่งเยว่ยิ้มพูด
“นายนั่นแหละไอ้นกฟินิกซ์เจ้าเล่ห์”หูชีเยี่ยนก่นด่า
“ห่านบนต้นไม้ ก็คือนกฟินิกซ์ไม่ใช่รึไง?” ซีเหมินน่งเยว่หัวเราะเยาะ “นายไม่ต้องด่าฉันหรอก โบราณว่าไว้ อยู่บ้านคนอื่นก็ต้องก้มหัว ถึงจะเป็นคุณชายหูผู้สูงส่งก็ไม่เว้น เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้วว่าทางที่ดีควรมาร่วมงานกันอย่างซื่อสัตย์ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่เกี่ยงที่ต้องใช้ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นท่าทรมานเงยหน้ามองฟ้าอย่างที่นายเคยเสนอ เหมาะสมที่จะเอามาฆ่านายที่สุดแล้ว”
“นายจะเอาอะไร?” หูชีเยี่ยนถาม
”สำหรับฉันแล้ว เงินไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น” ซีเหมินน่งเยว่ตอบพร้อมยิ้มเยาะ “เราทำอาชีพเดียวกัน มีหรือที่นายจะไม่รู้ว่าฉันอยากได้อะไร? แปลเคล็ดวิชาหลอมหยกให้ฉัน อีกอย่างฉันต้องการหินห้าสี”
“นายฝันไปหรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนส่ายหน้าถามกลับ
“ดีมาก อีกไม่นานนายก็จะได้รู้ ว่าฉันกำลังฝันไปหรือเปล่า” ซีเหมินน่งเยว่หัวเราะอย่างเรียบเฉย พลันดีดนิ้ว ผู้ชายหุ่นกำยำสองคนเดินเข้ามา
“เอาแส้มา ต้อนรับคุณชายหูสักหน่อย” ซีเหมินน่งเยว่ถอยหลังไปสองก้าว แล้วไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม
แส้ตีลงบนหลังอันซูบผอมของหูชีเยี่ยนอย่างแรง ความเจ็บปวดอันรุนแรงนั้นเหมือนดั่งถูกไฟแผดเผา กระจายไปทั่วในชั่วพริบตา เขาร้องโอดครวญออกมาทีหนึ่งอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่เสียงหัวเราะเยาะของซีเหมินน่งเยว่กลับดังขึ้นข้างหู “หวังว่ากระดูกนายจะแข็งเหมือนปากนะ”