พันธกานต์ปราณอัคคี - ตอนที่ 488-1 ใครมันจะแย่ไปกว่ากัน
สีหน้าของประมุขจางทมึงตึงอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
พันธมิตรนักบำเพ็ญเพียรไร้สำนักเริ่มก่อตั้งขึ้นเพื่อแย่งชิงทรัพยากรและเปิดศึกความขัดแย้งกับสกุลหวัง หลังจากนั้นเพื่อความเท่าเทียมก็ต่างคนต่างอยู่หาได้ข้องเกี่ยวกันมาโดยตลอด แต่วันนี้พันธมิตรนักบำเพ็ญเพียรไร้สำนักระดับสูงกลับมาเยือนที่นี่ เพื่ออะไรกัน
คิดถึงตรงนี้หางตาก็ชำเลืองมองไปที่เยี่ยเทียนหยวนและมั่วชิงเฉินอย่างสงสัย ทั้งยังเป็นเวลานี้อีก
“ท่านประมุข …พวกเขาบอกว่าเป็นแขกของสหายเก่าทั้งสองที่อยู่ที่นี่ขอรับ” ทิงเฉาตอบกลับเบาๆ
ประมุขหวังรู้สึกหนักอกหนักใจเล็กน้อย “ให้พวกเขาไปรอที่ห้องรับรองแขก บอกว่าข้าจะตามไปง”
“ขอรับ” ทิงเฉาถอยกลับออกไป
“ท่านประมุข ท่านดูสิ พวกเขาก้าวเข้ามาที่นี่ พันธมิตรนักบำเพ็ญเพียรไร้สำนักก็ตามมาแล้ว นี่เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันชัดๆ ทั้งคนในคนนอกต่างก็ร่วมมือกันอยากจะกำจัดสกุลกวังของข้า…” คุณชายสี่ตะโกนตอบกลับไป
“หุบปาก!” ประมุขหวังออกคำสั่งอย่างไม่พอใจ
แต่เดิมไม่ได้มีปัญหาเรื่องคนในคอนนอกอยู่แล้ว แต่หากยังเอะอะโวยวายเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าคงมีแน่ ๆ
คิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมา ปราณยังไม่ถึงระดับก่อกำเนิด กลับปล่อยวางเรื่องที่ควรทำที่สุดไม่ได้ ต่อไปสกุลหวังคงมิอาจเดินหน้าต่อได้แน่ นอกจากอายุและคุณสมบัติเหล่านั้นของหวังสี่แล้ว อย่างอื่นกลับไม่มีอะไรโดดเด่น
วันนี้ยังได้เห็นแล้วว่าหวังสี่เป็นคนไม่เอาไหน
ผู้บำเพ็ญเพียรมีจิตใจคับแคบ ตระหนักรู้เพียงเรื่องของพลังนั้นยังไม่พอ แต่ต้องเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองได้อีกด้วย อยากแบกรับงานสำคัญ แต่ความสามารถไม่เพียงพอ
หากหวังหกได้กลายเป็นระดับก่อแก่นปราณขึ้นมาจริงๆล่ะก็ ทว่าก็ยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
ช่างเถอะ ตนก็พึ่งถึงระดับก่อกำเนิด มีอายุอย่างน้อยก็พันปีขึ้นไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าสกุลหวังจะไร้ผู้มีพรสวรรค์!
“ท่านประมุข” ไม่รู้เหตุใดถึงมีผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่แต่งตัวดูมีอายุปรากฏขึ้นมา ยืนอยู่ตรงหน้าประมุขหวัง
ประมุขหวังถามผู้ที่มาถึงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตรวจสอบมาแล้วใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ” ผู้บำเพ็ญหญิงตอบด้วยความเคารพ
“เป็นเช่นไร” ประมุขหวังถามต่อ
ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงมีท่าทีลังเลชั่วครู่ มองไปยังมั่วชิงเฉิน
“พูดตามความจริง” ประมุขหวังเน้นกลับ
เขาอยากให้วันข้างหน้าสกุลหวังไร้มลทินมัวหมองสามารถเดินต่อไปได้ แน่นอนว่าข้อกังขาของหวังสี่ผู้บำเพ็ญเพียรที่โดดเด่นและมีพรสวรรค์เช่นกัน ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิด แม้จะทรงพลังแต่ตบมือข้างเดียวมิอาจดังได้ เหตุการณ์วิกฤตอสูรที่ดินแดนต้าลู่ตอนนั้นได้สร้างปัญหาตามมาไม่หยุดหย่อน หาใช่จักรพรรดิปีศาจที่เป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับถอดดวงจิต แต่กลับเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดทั้งสี่ที่เสียสละพลีชีพตัวเอง ทั้งมิอาจรู้ได้ว่าเป็นตายร้ายดีเชนไร
ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงกัดปากตอบเสียงเบาว่า “ฮูหยินสี่นาง…ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจริงๆ เจ้าค่ะ….”
ประมุขหวังกดหน้าลงต่ำกวาดตามองไปยังหวังสี่ เขาในปีนั้นให้คำสัญญาสัจจะแห่งหัวใจมารเอาไว้ว่าจะดูแลมั่วหนิงโหรวให้ดี หลายปีมานี้แม้จะดูออกว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องของพวกเขาไม่อาจเอามือเข้าไปสอดได้ เพียงแค่มองดูอย่างเป็นห่วงเท่านั้น หากไม่มีเรื่องอะไรก็ถือว่าได้รักษาคำสัญญาแล้ว
ไอเด็กสารเลวนี่ ไม่นึกเลยว่าลับหลังเขาจะลงมือกับภรรยาตัวเองเช่นนี้ ตนเป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ แต่จิตใจกลับคับแคบนัก!
ในใจของประมุขหวังรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขามองคุณชายสี่ด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งกว่าเดิม
คุณชายสี่คาดไม่ถึงที่ประมุขหวังมองด้วยสายตาเช่นนั้น หรือว่าสมองของไอแก่นี่โดนลาถีบไปแล้วหรือไง เหตุใดถึงได้ยื่นมือออกไปช่วยคนนอกทุกครั้งไป
อา หรือจะเหมือนที่น้องสิบเจ็ดบอก ว่าเขาชอบเจ้าเด็กสมควรตายนั่น
“แม่นางมั่ว เกิดเรื่องเช่นนี้ให้ท่านได้เจอเรื่องอับอายเสียแล้ว เป็นเพราะเปิ่นจวินไร้ความสามารถในการดูแล” ประมุขหวังตอบอย่างช้าๆ
มั่วชิงเฉินเข้าใจได้ การที่คุณชายสี่ปฏิบัติกับมั่วหนิงโหรวอย่างโหดร้ายนั้น เพราะนิสัยของมั่วหนิงโหรวเองด้วย แน่นอนว่าแม้แต่ครึ่งคำก็มิยอมเอื้อนเอ่ย ที่ประมุขหวังไม่รู้ก็ไม่น่าแปลกใจนัก
เดิมนางตัดสินใจทำเรื่องงามหน้าตีคนอย่างโหดเ**้ยม แต่ประมุขหวังแทบจะไม่พูดเข้าข้างหวังสี่เลย ทั้งยังรีบเอ่ยขอโทษอย่างตรงไปตรงมา
“ผู้น้อยเข้าใจความลำบากใจของท่านประมุขหวัง เรื่องฟ้าเรื่องดินยุ่งได้ แต่เรื่องของสามีภรรยามิอาจยื่นมือเข้าไปสอด เรื่องที่ผู้น้อยพูดนั้นก็เป็นเช่นนี้ แต่หวังสี่เองก็รังแกพี่สิบสี่ของข้า หวังว่าประมุขหวังจะให้ความเป็นธรรมแก่พี่สิบสี่”
“ให้ความเป็นธรรม เจ้าตีข้าจนมีสภาพเช่นนี้แล้วยังต้องการอะไรอีก” คุณชายสี่จ้องมั่วชิงเฉินด้วยสายตาโหดเ**้ยมถมึงทึง
มั่วชิงเฉินมองประมุขหวังด้วยสายตาสงบนิ่ง
ประมุขหวังมองขวางคุณชายสี่แล้วตอกกลับอย่างเยือกเย็น “หนังถลอกปอกเปิดไปหมดแล้ว หวังสี่ เท่านี้เจ้ายังขายขี้หน้าไม่พออีกหรือ!”
เพียงแค่รู้ว่าเขาลงมือกับภรรยาที่แสนอ่อนแอ ทั้งยังถูกคนนอกทุบตีแบบนี้ก็ทำให้เขาต้องเสียหน้ามากพอแล้ว ช่างน่าโมโหน่ารำคาญเสียจริงๆ!
คุณชายสี่แทบลืมหายใจ
ท่านประมุข ท่านต้องเป็นสายลับแน่ ต้องเป็นเช่นนั้นเป็นแน่!
มองดูช่วงล่างตัวเองที่ถูกก้อนอิฐหล่นทับจนยับเยิน สีหน้าก็ซีดเผือดในทันใด ปากที่บิดเบี้ยวตะโกนออกไปด้วยความรู้สึกผิดโดยแท้
แต่กลับได้ยินประมุขหวังตอบกลับมาอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่ต้องดูแล้ว เดี๋ยวก็โตออกมาเอง”
คุณชายสี่ได้กลิ่นคาวเลือดท้วมท้นในลำคอ ปากที่บิดเบี้ยวกระอักเลือดออกมาสายตาพร่ามัวเป็นลมล้มไปในที่สุด
เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าเด็กบ้าสมควรตายนั่นหลังจากทุบตีเขาจนกลายเป็นแบบนี้ ยังมีน้ำใจป้อนยาลูกกลอนให้เขากินอีก ตีเขามาทั้งค่อนวันแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ!
“พาตัวคุณชายสี่ออกไป” ประมุขหวังสั่งการเสร็จเรียบร้อยก็มองหาคนรอบตัวของคุณชายสี่อีกคน
เจ้าสิบเจ็ดละ พาเขาออกไป
หรือเขาโดนอีกานั่นตีสลบไปแล้ว
ทั้งหมดล้วนมองไปยังเจ้าอีกาไฟที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ไม่รู้ว่าอีกาไฟบินเกาะอยู่บนกิ่งดอกท้อตอนไหน มันมองไปอีกฝั่งหนึ่งด้วยท่าทีที่สบายใจ ร่างของเจ้านกอ้วนกลมดันกิ่งดอกท้อลงไปชั่วพริบตา
“เอ๊ะ พวกท่านมองหวังสิบเจ็ดกันรึ” อีกาไฟเห็นว่าจู่ ๆ กลุ่มคนอีกฝ่ายก็มองมายังตน จึงถามด้วยความมีน้ำใจ
ทันใดนั้นประมุขหวังรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก
พบว่าด้านล่างต้นท้อที่อีกาอ้วนส่งเสียงร้องนั้น ปีกที่ยื่นออกมาชี้ไปยังด้านล่างมีไข่ที่ดูใหญ่กว่าไข่นกกระทาเล็กน้อยโผล่ออกมา ปากของมันพูดไม่หยุดว่า “เลิกแกล้งตายได้แล้ว ประมุขของเจ้าเรียกหาแล้ว”
ไข่ที่สั่นระริกอยู่นตรงนั้น ส่งเสียงร้องไห้ออกมา “ท่านประมุข ท่านต้องจัดการมันให้ข้านะ!”
มั่วชิงเฉินมุมปากยกขึ้น พยามกัดริมฝีปากอย่างรุนแรง หัวเราะไม่ได้เด็ดขาด เวลานี้หากหัวเราะออกไป นับว่าแสดงความเกลียดชังมากเกินไปแล้ว
เยี่ยเทียนหยวนริมฝีปากโค้งขึ้น ยื่นมือออกไปจับมั่วชิงเฉินที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข แล้วพูดว่า
“ชิงเฉิน มิน่าเล่าก่อนหน้านี้เจ้าถึงทำตัวดีกับข้าเพียงนั้น”
เทียบกับหวังสี่ที่ช่วงล่างถูกก้อนอิฐทุบ กับเด็กสารเลวหวังสิบเจ็ดที่ถูกอีกาไฟสาป แน่นอนว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่สามารถกอดจูบศิษย์น้องได้ นึกไม่ถึงว่าการถูกเตะบินออกไปนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีเสียจริง
หรือว่า ในใจของศิตย์น้องตอนนั้นมีตนอยู่ตั้งนานแล้ว
ใบหน้าเย็นชาของเยี่ยเทียนหยวนจู่ ๆ ก็ยิ้มแหยขึ้นมา มั่วชิงเฉินที่เส้นเลือดขึ้นหน้าอยู่ก็ตอบกลับเยี่ยเทียนหยวนว่า “การที่ท่านแสยะยิ้มในขณะที่หวังสิบเจ็ดกลายเป็นไข่เต่าเช่นนี้ เป็นปฏิกริยาตอบโต้ที่ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง”
อีกฝั่งหนึ่ง ประมุขหวังได้แต่มองไข่เต่าที่ทั้งร้องไห้ทั้งกรีดร้องอย่างมึนงง หันหลังพูดอย่างช้าๆ ว่า “แม่นางมั่ว ท่านสามารถอธิบายแก่เปิ่นจวินสักเล็กน้อยได้หรือไม่ว่าเหตุใดหวังสิบเจ็ดถึงได้…”
มั่วชิงเฉินลูบหน้า แล้วชี้ไปยังเจ้าอีกาไฟตัวนั้น
อีกาไฟที่กำลังภูมิใจในตัวเอง เอ่ยตอบโดยไม่มียางอายแม้แต่น้อยบว่า “ข้าแค่ด่าเจ้าเด็กลูกเต่านั่นไปไม่กี่ประโยค ใครจะไปคิดว่าเขาจะเชื่อฟังกลายเป็นไข่เต่าไปจริงๆ เล่า”
“เชื่อฟัง” ไข่เต่าที่โงนเงนอยู่นั้นตั้งตรงขึ้นมา ไม่นานก็เป็นลมล้มไป
มั่วชิงเฉินชำเลืองมองเจ้าอีกาไฟด้วยสายตาชื่นชม เก่งเหมือนกันหนิอู๋เย่ว์ ข้าแค่ทำให้คนสลบได้ แต่เจ้ากลับทำให้ไข่หนึ่งฟองสลบไปได้