แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1102 เสี่ยวเชี่ยนที่น่าสงสาร
คนร้ายคนนี้ฉลาดเกินคน แต่ละแผนที่คิดออกมาแทบไร้ช่องโหว่ แต่ถึงจะอย่างนั้นเมื่อต้องมาเจอเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลาง แผนทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์
“เมื่อก่อนคนร้ายมีลูกน้องอยู่คน จะเรียกว่าจงรักภักดีไปจนตายก็ได้ พอคนร้ายออกมาจากคุกเรื่องแรกที่ทำก็คือตามหาลูกน้องคนนี้เพื่อให้หาโอกาสพาพ่านพ่านออกมา แผนนี้ถูกวางไว้นานแล้วก็ว่าได้ ต่อให้คนร้ายไม่ถูกจับเข้าคุกเขาก็วางแผนจะใกล้ชิดหวางเสี่ยวหงอยู่แล้ว”
ต่อให้วางแผนดีแค่ไหนสุดท้ายคนร้ายก็ถูกจับเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แต่ที่ซวยยิ่งกว่าคือการที่ต้องมาเจอเฉินเสี่ยวเชี่ยน ไม่มีทางได้ตายดี
“งั้นพ่านพ่านเป็น…” เฉียวเจิ้นอยากถามว่าพ่านพ่านเป็นลูกของใครกันแน่
“เขาเป็นลูกของฉัน”
“เขาคืออวี๋อีไป๋ของครอบครัวเรา”
ต้าอีกับอวี๋หมิงหลางพูดพร้อมกัน พ่านพ่านก็คือพ่านพ่าน เขาไม่ใช่ของใคร ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนอื่น
ไม่ใช่แค่คนพวกนี้ที่อยากรู้ว่าพ่านพ่านเป็นลูกของใคร แม้แต่คนร้ายก็อยากรู้ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้พิสูจน์ดีเอ็นเอคนร้ายก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนทำให้เป็นบ้าไปแล้ว
คำตอบนี้มีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่เคยตรวจดีเอ็นเอให้พ่านพ่านที่รู้ แต่ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว
ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว
ถึงทุกคนจะอยากรู้ว่าระหว่างสามชั่วโมงที่พวกเสี่ยวเชี่ยนอยู่กับคนร้ายได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
อะไรที่ทำให้คนที่เลวสุดขั้วชนิดที่ไม่เคยสำนึกผิดถึงกับสติฟั่นเฟือนในช่วงที่อยู่ตามลำพังกับเสี่ยวเชี่ยนและอวี๋หมิงหลาง แทบจะกลายเป็นคนบ้า แต่เขายังไม่ได้บ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ จิตรู้สำนึกของเขายังใช้การได้ แต่กลับมีความหวาดระแวงเกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่ไม่มีใครรู้คำตอบนี้ได้ พอออกมาสภาพอารมณ์เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ค่อยดี จิตใจหดหู่ อารมณ์ร่วมในครั้งนี้ของเธอมันรุนแรงกว่าการรักษาครั้งไหนๆ
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางพาเธอออกมาแล้วก็ต้องกลับไปทำงานต่อที่หน่วย พอเขาเสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้วถึงได้มีเวลาอยู่ตามลำพังกับเธอ เสี่ยวเชี่ยนพยายามฝืนทำเป็นดีขึ้นแล้ว
“ฉันจะไปดูพ่านพ่าน”
เด็กคนนั้นเจอเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดบาดแผลในใจแน่นอน เสี่ยวเชี่ยนสะกดอารมณ์หนักอึ้งในใจ อยากจะไปดูพ่านพ่าน
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเสี่ยวเชี่ยนก็ดังขึ้น ต้าอีโทรมา
“ประธานเชี่ยน เดี๋ยวฉันกับพี่รองจัดการดูแลพ่านพ่านเอง เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ พักผ่อนเถอะ ไม่ต้องมาหรอก”
นิสัยของต้าอีไม่ใช่แบบนี้ เวลาเธอเจอปัญหาอย่างแรกเลยจะขาดความมั่นใจ แต่พอเป็นเรื่องของลูก เธอก็รับผิดชอบตามหน้าที่ของแม่
“เธอคนเดียวเอาอยู่เหรอ?”
“ไม่มีปัญหา ไม่ใช่แค่ฉัน พี่รองก็กลับมาแล้ว”
ต้าอีพูดอย่างแน่วแน่
“เขาเป็นลูกของพวกเรา พวกเราจะดูแลเขาให้ดี ขอบใจนะประธานเชี่ยน ตอนนี้เธอต้องเดินออกมาอย่างสบายใจได้แล้ว”
นี่คือความเอาใจใส่ของต้าอี เธอรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจกับเรื่องนี้ไปมาก เรื่องนี้ส่งผลต่อจิตใจของเสี่ยวเชี่ยนเป็นอย่างมาก เธอไม่มีทางปล่อยให้ประธานเชี่ยนที่ตอนนี้จิตใจอ่อนแอยังต้องมากังวลเรื่องลูกชายเธออีก ถึงเวลาที่เธอจะได้แสดงความสามารถของตัวเองแล้ว
พอวางสายเสี่ยวเชี่ยนก็นั่งคิดอะไรอยู่ที่โซฟาสักพัก ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะเชื่อใจต้าอี
ถ้าความบกพร่องที่มาจากยีนเป็นเรื่องที่ฝืนไม่ได้ งั้นการรักษาที่ดีที่สุดบนโลกนี้ก็ไม่ควรมาจากจิตแพทย์ แต่เป็นความรักที่พ่อแม่ให้โดยไม่เห็นแก่ตัว เธอเชื่อว่าต้าอีกับพี่รองจะพาพ่านพ่านออกมาจากเงามืดได้แน่นอน
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่มีความกดดันแล้ว เธอนั่งที่โซฟาด้วยความรู้สึกจิตใจว่างเปล่า
ตอนมีอะไรทำก็ยังดี พอว่างความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ถาโถมเข้ามาจนออกไม่ได้ อุดตันอยู่ในใจ
อวี๋หมิงหลางชงช็อคโกแลตร้อนมาสองแก้ว มองหน้าเธอเหมือนคนที่เคว้งคว้างหาทางออกไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้ไม่เหลือความมั่นใจแบบตอนอยู่ข้างนอก ไม่ได้ดูเก่งกล้าเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับคนร้าย เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่อ่อนแอ นั่งหมดแรงอยู่ตรงนั้น
คนอื่นเคยเห็นเธอแต่ด้านที่มากความสามารถ มีทุกสิ่งที่คนอื่นไม่มี ในสายตาคนนอกเธอเป็นเหมือนตัวแทนของชัยชนะ
แต่ใครเคยเห็นด้านอ่อนแอของเธอบ้าง?
“อยากล้างมือไหม?” เขาวางแก้วช็อคโกแลตร้อนพลางถามเสียงเบา
เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้า แววตาเหม่อลอย จากนั้นก็ส่ายหัว
ปกติเวลาเขาเห็นโรคย้ำคิดย้ำทำของเธอกำเริบก็จะใช้การอยู่เป็นเพื่อนเพื่อช่วยยับยั้ง แต่ครั้งนี้เขาเป็นคนเสนอให้เธอล้างมือ เพราะเขาเห็นสภาพเสี่ยวเชี่ยนในตอนนี้แล้วก็ปวดใจ
อารมณ์ที่เกือบสติแตกของเธอไม่มีทางออก และไม่มีหนทางให้ระบายออกมา
อวี๋หมิงหลางเห็นเธอไม่อยากล้างมือหัวใจก็ยิ่งเจ็บปวด รีบเข้าไปนั่งข้างๆเธอ
“เสียใจก็ร้องออกมาเถอะ”
“มันไม่ใช่การเสียใจ มันคือ…ซึมเศร้า”
เสียใจยังมีจุดที่รู้สึกไม่โอเค แต่ซึมเศร้าไม่มี
ประมาณว่าอยู่ๆก็จิตตก ในใจหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก หาเหตุผลให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ และก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ด้วย
ก็เหมือนกับพวกนักแสดง ที่บางครั้งหลังจากที่แสดงบทบาที่ตัวเองได้รับเสร็จก็กลายเป็นโรคซึมเศร้าฆ่าตัวตาย อินกับบทมากจนเอาตัวเองออกมาไม่ได้ จิตแพทย์เองก็มีอาการแบบนี้ คู่ต่อสู้ของเธอเก่งกาจเกินไป เสี่ยวเชี่ยนต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่ตัวเองมีเพื่อเอาชนะคนที่ไอคิวสูงแต่ไร้ความเมตตาคนนี้ ดึงอีกฝ่ายให้ล้มลง แต่ตัวเองก็ล้มลงไปด้วย
“ฉันมันแย่มากเลยใช่ไหม ฉันทำเป็นเมินเฉยกับมันไม่ได้” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างเหม่อลอย เธอรังเกียจที่ตอนนี้ตัวเองอ่อนแอ แต่เธอก็ควบคุมไม่ได้จริงๆ
“ไม่ คุณเก่งมาก” อวี๋หมิงหลางลูบหัวเธอเบาๆพลางพูดไปตามความจริง
“ถ้าฉันเก่งจริงอย่างที่ทุกคนพูดแล้วจะมีสภาพอย่างตอนนี้เหรอ ฉันมักช่วยทุกคนด้วยการทำเหมือนตัวเองเก่งทำได้ทุกอย่าง แต่พอตัวเองเจอปัญหาทำไมถึงเดินออกมาไม่ได้?” เธอเกลียดตัวเอง
“หมอรักษาตัวเองไม่ได้ อีกอย่างเรื่องครั้งนี้การที่คุณจะเป็นแบบนี้ก็ปกติ อย่าลืมนะว่าคนร้ายคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมสติปัญญาดีที่สุดเท่าที่พวกเราเคยเจอมา เพราะคุณมีอารมณ์ร่วมถึงได้จัดการคนร้ายได้ ถ้าแม้แต่ตัวคุณเองยังไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้น แล้วคนร้ายจะเชื่อได้ไง?”
คำพูดของอวี๋หมิงหลางปลอบใจเสี่ยวเชี่ยนได้ตรงจุด ทำให้จิตใจที่ซึมเศร้าของเธอดีขึ้น เธอมองเขา สายตาแบบนี้ทำให้หัวใจของอวี๋หมิงหลางเหมือนถูกบีบ
ลูกเชี่ยนที่น่าสงสารของเขา…
“คุณต้องพาตัวเองไปอยู่ในจุดเดียวกับคนร้ายถึงจะโน้มน้าวจิตใจคนร้ายให้เข้าไปด้วยได้ แต่ลูกเชี่ยนคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ดังนั้นถ้าคุณออกมาจากตรงนั้นไม่ได้ คุณเสียใจก็ร้องไห้กับผม อย่าเก็บเอาไว้”
คำพูดนี้เหมือนเปิดทางออกให้กับอารมณ์ของเสี่ยวเชี่ยน น้ำตาที่เธอร้องไม่ออกมาตลอดในที่สุดก็ไหลออกมาแล้ว
“พวกเขาตายกันหมด กลับมาไม่ได้อีกแล้ว ตอนที่ฉันสะกดจิตคนร้าย จริงๆแล้วในใจฉันด้านชา ฉันพูดในมุมมองของคนร้าย แต่เมื่อทุกอย่างจบแล้ว หัวใจของฉันเจ็บปวดมาก เหมือนกับว่าได้เห็นภาพอันน่าเศร้าพวกนั้น เห็นผู้หญิงบริสุทธิ์เหล่านั้นร้องไห้ขอร้องฉัน แต่ฉันช่วยพวกเขาไม่ได้เลย ฉันช่วยไม่ได้…”
เธอพูดจนจบแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด