แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 500 แอบอยากขำ
เสี่ยวเชี่ยนบรรยายความรู้สึกไม่ถูกกับการสรุปของเจี่ยซิ่วฟาง
“แม่ นั่งดูเหตุการณ์อยู่ตั้งนานมองออกแค่นี้? ตามความเข้าใจของแม่ ถ้านี่เป็นข้อสอบเรียงความเข้ามหาลัยนะ สักคะแนนก็ไม่ให้ ทัศนคติหลุดกรอบสังคมนิยมมาก เอาด้านลบมาเป็นพลังซะงั้น พฤติกรรมแก้แค้นสังคมเพื่อพี่ชายของเขาแม่ยังจะให้พวกเราเอาอย่าง? เรื่องที่เขาประสบมันน่าสงสารก็จริง แต่จะเอาเป็นแบบอย่างไม่ได้”
ถึงผู้หญิงคนนั้นจะน่าสงสารมาก แต่พฤติกรรมไม่ถูกต้อง
ก่อนอื่นอยากจะให้พี่ชายพ้นความผิดด้วยเหตุผลเป็นโรคประสาท ต่อมาก็จับเจี่ยซิ่วฟางที่ไม่รู้เรื่องด้วยเป็นตัวประกัน ถึงเขาจะมีจุดที่น่าเห็นใจ แต่เอาอย่างไม่ได้เลยทั้งนั้น
“ฉันก็แค่เปรียบเทียบให้ฟัง ฉันเห็นเขาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่ชายแบบนั้นก็นึกถึงพี่รองของตัวเองที่ไม่เอาไหน ฉันเลยกลัวว่าแกกับน้องแกจะเป็นแบบนั้นด้วย ว่ากันว่าพี่น้องเป็นคนที่มีสายใยเหนียวแน่นที่สุดบนโลกนี้ แต่พอมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วก็ค่อยๆห่างเหิน ฉันไม่อยากให้พวกแกสองคนพี่น้องวันหนึ่งต้องมาเป็นเหมือนฉันกับลุงรองของพวกแก …”
“ลุงรองมาขอยืมเงินอีกแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนหน้านิ่ว
นับตั้งแต่ลุงรองวางแผนเล่นงานครอบครัวเสี่ยวเชี่ยนเมื่อตอนรื้อบ้านเก่าจนถูกเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางจัดการ ลุงรองก็ได้รู้แล้วว่าตอนนี้ครอบครัวเสี่ยวเชี่ยนไม่เหมือนก่อน ลุงรองไม่หาเรื่องน้องสาวตัวเองอีกต่อไป แต่กลายเป็นมาเซ้าซี้กับเจี่ยซิ่วฟางทุกวันแสร้งทำตัวยากจนน่าสงสาร
ตอนแรกเจี่ยซิ่วฟางเกลียดพฤติกรรมหน้าด้านของพี่ชาย แต่ก็รู้สึกไม่กล้าปฏิเสธ วันๆถูกตามตื๊อจนน่ารำคาญ ก่อนเสี่ยวเชี่ยนกลับไปเรียนก็พอจะเดาออกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สำหรับคนที่หน้าด้านบางประเภทนั้นจะใช้ความคิดแบบคนปกติมาเป็นตัววัดไม่ได้
คนทั่วไปทำเรื่องไว้ขนาดนี้คงไม่มีหน้ามาเจอเจี่ยซิ่วฟางแล้ว แต่ครอบครัวลุงรองนั้นหน้าด้านแบบไม่อายฟ้าอายดินไม่มีใครเอาชนะความหน้าด้านนี้ได้ ทำอย่างกับว่าเรื่องเลวๆก่อนหน้านี้ไม่ใช่ฝีมือตัวเองทำ ชอบหาโอกาสเอาคนแก่เป็นข้ออ้างแล้วมาวุ่นวายกับเจี่ยซิ่วฟาง
ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนจึงออกคำสั่งเด็ดขาดกับเจี่ยซิ่วฟาง ห้ามให้ยืมเงิน ถ้ามีเรื่องก็โทรไปเบอร์ฉุกเฉินที่อวี๋หมิงหลางทิ้งไว้ให้ เสี่ยวเฉียงจะส่งคนไปจัดการ ถ้ากล้าให้ลุงรองยืมเงินแม้แต่บาทเดียว จะมาโทษเธอไม่เห็นแก่หัวหงอกหัวดำไม่ได้
เจี่ยซิ่วฟางแอบกลัวลูกสาว พูดออกมาแบบนี้จะไม่ฟังก็ไม่ได้ ดังนั้นพี่ชายมาขอยืมเงินหลายครั้งจึงไม่ให้ไปเลยสักบาท
“ไม่ได้ยืมเงินหรอก บ้านตึกแถวของพวกเราเสร็จแล้วใช่ไหมล่ะ ของแกน่ะให้คนเช่าไปแล้ว ยังมีอีกที่รอตกแต่งตามแกว่าแล้วค่อยให้คนเช่า ตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว ลุงรองแกบอกว่าอยากเช่าให้ลูกชาย ให้คนนอกเช่าเท่าไรก็เท่านั้น เห็นบอกว่าลูกชายแกระหว่างรองานก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีรายได้ เลยอยากให้ไปทำการค้าเล็กๆน้อยๆ ฉันเองก็ลำบากใจ ให้ใครเช่าก็เหมือนกัน”
“เหอๆ ให้ใครเช่าก็เหมือนกัน? ตลกจริง แม่ทำธุรกิจมาก็ตั้งหลายเดือนแล้วทำไมสมองยังคิดไม่ทันอีก? เอาไก่ให้อีเห็นแล้วคิดว่ามันจะพอใจเหรอ พูดดีนี่ เดี๋ยวพอจะเก็บค่าเช่าล่ะข้ออ้างสารพัด เขาต้องบอกแน่ว่าไม่มีเงิน ขอเชื่อไว้ก่อนถูกไหม?”
ในทางธุรกิจการให้เชื่อก็คือขอเข้าไปอยู่ก่อนแล้วค่อยจ่ายทีหลัง ตามปกติต้องจ่ายก่อนล่วงหน้าถึงเข้าอยู่
“ใช่ เขาว่าแบบนั้นแหละ แกรู้ได้ยังไง?” เจี่ยซิ่วฟางถามเสี่ยวเชี่ยนอย่างอึ้งๆ
“หนูยังรู้อีกนะว่าเขาวางแผนไม่ให้ค่าเช่าแล้วให้ลูกชายเฮงซวยของตัวเองไปยึดบ้านตึกแถวในเมืองของเรา จะไม่ให้เงินเราสักบาท พอแม่ไปทวงเขาก็จะร้องไห้ทำตัวน่าสงสาร เช่าบ้านสามปีห้าปีถ้าราคาบ้านขึ้น พวกเขาก็จะหอบเงินมาแล้วบังคับให้แม่ขายบ้านให้ อีกทั้งเงินนั่นยังพอดีกับราคาเดิมของบ้าน ให้อยู่ฟรีมาตั้งหลายปี ราคาบ้านขึ้นก็ยังไม่ได้กำไร”
ราคาบ้านกำลังจะขึ้นสูง บ้านที่เป็นชื่อของเสี่ยวเชี่ยนกับบ้านที่อยู่ในมือของเจี่ยซิ่วฟางอยู่ตรงที่ที่พี่ใหญ่เลือกให้ด้วยตัวเอง ในอนาคตที่ตรงนั้นจะเป็นย่านที่เจริญ ราคาพุ่งสูงไม่รู้ตั้งกี่เท่า บ้านราคาหลักล้าน สุดท้ายจะมาถูกครอบครัวลุงรองซื้อไปในราคาหลักแสน นี่เป็นเรื่องที่พอจะเดาได้
“ไม่มั้ง?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ยังมีเรื่องไหนที่คนบ้านนั้นทำไม่ได้อีก? ธุรกิจรับซื้อเศษวัสดุก่อสร้างที่แม่ทำตอนนี้มีเงินเข้าไม่ขาดมือ ตามแผนที่หนูวางให้แม่ ช่วงหลายปีนี้แม่ยังต้องซื้อตึกในเมืองอีกหลายที่ ถึงตอนนั้นลุงรองก็จะพาครอบครัวมาคุกเข่าอ้อนวอน ร้องไห้คร่ำครวญให้แม่สงสาร บอกว่าแม่มีบ้านตั้งหลายที่ทำไมไม่ขายให้พวกเขาสักที่ แล้วพอได้บ้านไปก็จะไปพูดกับคนข้างนอกอย่างได้ใจว่า นั่นเป็นบ้านที่พวกเขาควักเงินซื้อมาเอง แม่รวยขนาดนั้นยังกล้าเอาเงินพี่ชายตัวเอง”
“น่าโมโหที่สุด” เจี่ยซิ่วฟางโมโหกับเรื่องสมมติที่เสี่ยวเชี่ยนพูดขึ้น หันไปถุยใส่พื้นหลายทีจนเฉินจื่อหลงสะอิดสะเอียน
“แบบนั้นมันหน้าด้านจริงๆ”
“ต้าหลง บางครั้งแม่พวกเราคิดไม่ทันใจอ่อนง่าย ถ้าแม่กล้าทำอะไรเลอะเลือนแบบนั้นแกต้องโทรหาฉันนะ ฉันจะกลับมาจัดการ ถ้าใครกล้าเอาเงินหรือบ้านของพวกเราไปให้หมาป่าพวกนั้นฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับแก เข้าใจไหม?”
“ครับพี่ ผมจำได้ขึ้นใจแล้ว ลุงรองเคยรังแกครอบครัวเรายังไงผมจำได้หมด”
เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าน้องชาย “อย่าลืมล่ะ ทำหน้าที่ให้ดีๆ”
เป็นค่ำคืนที่หลับสนิทโดยปราศจากความฝัน
วันต่อมาเสี่ยวเชี่ยนไปที่บ้านอวี๋หมิงหลาง ภายในบ้านเงียบเหงา ไม่ได้ให้ความรู้สึกของบ้านที่มีคนอยู่ เขาคงไม่ได้กลับมานานมากแล้ว
เขาในเวลานี้คงกำลังฝึกภายในอย่างเข้มข้น เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ข่าวคราวของเขามาหลายวันแล้ว
เธอเปิดหน้าต่าง เอาผ้าขี้ริ้วเช็ดฝุ่นบนเฟอร์นิเจอร์หนึ่งรอบ จากนั้นก็เอาไม้ถูพื้นไล่ถูตามห้อง บ้านนี้ใหญ่เกินไป เก็บกวาดทีเหนื่อยมาก เสี่ยวเชี่ยนเก็บบ้านจนสะอาด จากนั้นก็ทิ้งข้อความให้เขา บอกว่าเธอมาที่บ้าน
ทำทุกอย่างเสร็จแล้วเธอจึงกลับ
พอเกินไปถึงหน้าหมู่บ้านเธอก็เห็นพลตรีอวี๋ในชุดลำลองเดินเข้ามา เสี่ยวเชี่ยนตกใจเล็กน้อย
“คุณลุง?”
“เสี่ยวเชี่ยนเองเหรอ” พลตรีอวี๋เห็นเสี่ยวเชี่ยนก็ออกอาการตกใจนิดหน่อย
“หนูมาทำความสะอาดบ้านให้หมิงหลางค่ะ คุณลุง…”
“ลุงมาเดินเล่นน่ะ”
“งั้นก็เดินเล่นให้สนุกนะคะ หนูขอตัวก่อน”
เสี่ยวเชี่ยนเอ่ยคำลา พอเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับไปมอง เบื้องหลังของพลตรีอวี๋นั้นดูโดดเดี่ยว คิดสักพักแล้วจึงเดินกลับไป
“คุณลุงคะ มาหาเพื่อนเก่าเหรอคะ?”
“อ่อ ไม่ใช่หรอก ลุงมาเดินเล่นเฉยๆน่ะ ทำไมเหรอ หรืออยากจะเดินเป็นเพื่อนลุง?”
“หนูว่างพอดีค่ะ อยากฟังคุณลุงเล่าประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน จะได้ช่วยพัฒนาความคิดด้วย” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าพ่ออวี๋ดูผิดปกติ ไม่ค่อยวางใจให้เขาเดินเล่นคนเดียว
คนระดับผู้บัญชาการแบบนี้ออกมาคนเดียวโดยไม่มีคนอารักขาติดตาม เธอไม่วางใจ
“งั้นก็ไปด้วยกันสิ คนหนุ่มสาวอย่างพวกเธอปกติวุ่นอยู่กับงานไม่ก็เรียนหนังสือ ไม่มีใครกลับมาคุยกับลุงบ้างเลย”
“คุณน้าล่ะคะ?”
“อย่าไปพูดถึงยัยแก่ไร้เหตุผลนั่นเลย เขาไม่สนลุงแล้ว ลุงก็ไม่อยากจะคุยด้วยก่อนหรอก” พลตรีอวี๋พูดด้วยความโมโห
อ่อ ทะเลาะกันอีกแล้วเพราะเรื่องอาหญิง?
เสี่ยวเชี่ยนมองสีหน้าพลตรีอวี๋ก็รู้ว่าเขาคงแพ้แม่อวี๋มาอีกแล้ว ในใจแอบสงสารหน่อยๆ แต่ทำไมพอเห็นตาแก่หัวรั้นคนนี้แพ้แล้วเธออยากขำมากกว่านะ?