ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1438 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (3) / ตอนที่ 1439 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (4)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1438 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (3) / ตอนที่ 1439 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (4)
ตอนที่ 1438 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (3)
ตูม!
ความคิดของโม่เชียนเฉิงว่างเปล่าขณะที่คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงยังคงดังสะท้อนอยู่ในความคิดเขา
เพราะว่าข้าคือเจวี๋ยเชียนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เขาเลยให้ข้าเป็นผู้สืบทอด…
ใช่แล้ว คนหวาดระแวงและทระนงอย่างเจวี๋ยเชียนจะยอมยกวิชาให้คนอื่นได้อย่างไร
เพราะเด็กสาวตรงหน้าเขาทำให้ความคิดเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย
ทว่าเมื่อโม่เชียนเฉิงได้สติกลับมา เขาก็เห็นพลังรุนแรงกำลังพุ่งไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนยักษ์กำลังอ้าปากกลืนเด็กสาวที่ยืนปกป้องจีจิ่วเทียนยู่
“ไม่ ไม่!” ในที่สุดโม่เชียนเฉิงก็ตื่นตระหนก เขาพุ่งเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนชีวิตตัวเองเพื่อจะไปถึงอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนก้อนพลังนั่น เมื่อเขาไปถึงเขาก็กางแขนป้องกันพลังที่รุนแรงพอจะทำลายสวรรค์เอาไว้
ตูม!
พลังปะทะเข้ากับแผ่นหลังของโม่เชียนเฉิงจนเขากระอักเลือดออกมาโดนคอเสื้อของอวิ๋นลัวเฟิงและย้อมมันเป็นสีแดง
เด็กหนุ่มที่เคยเต็มไปด้วยความยโสและแข็งแกร่งตอนนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขากลับซีดเผือด ท่าทางของเขาเหมือนตุ๊กตาบอบบางจนทำให้คนที่เห็นรู้สึกเจ็บปวดใจ
“ข้าควรจะเกลียดเจ้า เจ้าทำร้ายข้าหลายครั้ง ทั้งยังขังข้าไว้ในนี้เป็นพันปี… แต่ทำไมแม้แต่ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ข้าก็เกลียดเจ้าไม่ลง
“แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าข้าตาย ข้าก็ไม่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไป แล้วก็ไม่ทนรออยู่ที่นี่ เจ้าทำให้ข้าไม่แก่ไม่ตายเพื่อลงโทษข้า แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าปรารถนาที่จะตายมานานแล้ว เจวี๋ยเชียน ถ้าเกิดใหม่ชาติหน้า ข้าจะไม่ตกหลุมรักเจ้าอีก ไม่มีทาง!”
การรอคอยเป็นพันปี…คนอื่นจะรับรู้ความเจ็บปวดในใจเขาได้อย่างไร
หลังจากเขาก้าวก้าวแรกพลาด ก้าวอื่นๆ ก็พลาดตามไปด้วย ถ้าตอนนั้นความรักของเขาไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง…เขาก็จะไม่สูญเสียเจวี๋ยเชียนไปใช่หรือไม่
“เจวี๋ยเชียน ความจริงแล้วตอนนั้นข้าตัดสินใจจะตายพร้อมกับเจ้า! ถ้าชาติหน้าเจ้าเกิดเป็นบุรุษ ข้าก็จะเกิดเป็นสตรี ถ้าเจ้าเกิดเป็นสตรีข้าก็จะไปเกิดเป็นบุรุษ แบบนี้…เจ้าก็จะไม่มีโอกาสปฏิเสธข้าใช่หรือไม่”
ในที่สุดชายหนุ่มก็เซแล้วทิ้งศีรษะลงพื้นอย่างแรง แต่ขณะที่เขากำลังจะล้ม เขาก็สัมผัสได้ว่ามีคนดึงตัวเขาไว้ แล้วสีหน้าของอีกฝ่ายก็แสดงความว้าวุ่นใจ…
แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ
แม้เขาจะยืนกรานว่าตัวเองเกลียดเจวี๋ยเชียน แต่เขาจะเกลียดเจวี๋ยเชียนลงจริงๆ ได้อย่างไร พันปีที่ผ่านมาเขาก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น!
วิญญาณของมังกรยักษ์รับรู้ถึงความเจ็บปวดของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจนจึงส่งเสียงคร่ำครวญอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องของมันสั่นสะเทือนชั้นเมฆจนปรากฏท้องฟ้าสีครามอีกครั้ง
“จีจิ่วเทียน ข้าทำผิดหรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงหลุบตาต่ำแล้วถามอย่างเย็นชา
“ไม่ เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าแค่ต้องการอยู่รอดเท่านั้น!”
ถูกต้อง นางก็แค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป นั่นจึงทำให้นางยอมเสี่ยง! นางลองเดิมพันดูว่าโม่เชียนเฉิงจะยังมีความรู้สึกให้กับเจวี๋ยเชียนอยู่หรือไม่ แล้วก็ดูเหมือนว่านางจะเดาถูก! เจวี๋ยเชียนยังคงมีอิทธิพลในใจของโม่เชียนเฉิงอยู่มาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางยอมให้เจวี๋ยเชียนมาตายที่นี่ นั่นทำให้นางกุเรื่องนี้ขึ้น
“ขอโทษด้วย” อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ วางชายหนุ่มลงที่พื้น “ทุกคนต่างก็เห็นแก่ตัว ข้าเองก็เห็นแก่ตัวมากเหมือนกัน ข้าไม่อยากมาตายที่นี่ ดังนั้นข้าจึงต้องหลอกเจ้า”
ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน แล้วก้อนหินจำนวนมากก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าราวกับว่าต้องการจะฝังโลกใบนี้
“ท่าไม่ดีแล้ว!” สีหน้าของจีจิ่วเทียนเปลี่ยนไปทันที “โม่เชียนเฉิงจะตายไม่ได้ ถ้าเขาตายพวกเราจะถูกขังอยู่ในมิติลวงตานี้ตลอดไป!”
ตอนที่ 1439 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (4)
“หืม?” เมื่อจีจิ่วเทียนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาเขาก็ปรากฏประกายสงสัย “แหล่งกำเนิดของมิติลวงตาแห่งนี้คือตัวของโม่เชียนเฉิงหรือนี่ เจวี๋ยเชียนถึงกับใช้ตัวโม่เชียนเฉิงเป็นแก่นพลังแล้วสร้างมิติลวงตาขึ้นมางั้นหรือ”
ถ้าโม่เชียนเฉิงตาย พวกเขาก็ต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไปแน่นอน!
“ถ้าเจ้าอยากช่วยโม่เชียนเฉิง สักวันหนึ่งเขาก็จะรู้ว่าเจ้าแสร้งเป็นเจวี๋ยเชียน เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยากจะช่วยเขา” จีจิ่วเทียนถามเสียงเบาหลังจากเขารับรู้ความคิดของนาง
อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบ ถ้าเก็บโม่เชียนเฉิงไว้ข้างตัว เขาก็จะไม่ต่างกับระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าจะทำลายตัวเองเมื่อไหร่ แล้วจะส่งผลกระทบกับชีวิตนางในอนาคตอย่างใหญ่หลวงแน่นอน แต่ว่า…
อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้า “โม่เชียนเฉิงจะตายไม่ได้! ข้าเองต้องออกไปจากที่นี่เหมือนกัน!”
“เข้าใจแล้ว” มุมปากของจีจิ่วเทียนยกขึ้น “ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจทำอะไร ใต้เท้าก็จะสนับสนุนเจ้า”
อวิ๋นลั่วเฟิงจึงไม่ลังเลอีกแล้ววางมือลงบนแผ่นหลังของโม่เชียนเฉิงก่อนส่งพลังฌานเข้าไปในแผล
โชคดีที่นางมีดอกเบญจมาศของเสี่ยวซู่ที่คอยเติมพลังฌานให้กับมิติคัมภีร์เซียนโดยไม่มีวันหมด ดังนั้นนางจึงมีพลังฌานเพียงพอที่จะนำมาใช้แต่ขณะที่นางรักษาโม่เชียนเฉิง นางก็ไม่ได้ใส่ใจเท่ากับตอนรักษาอวิ๋นเซียวเพียงแค่ทำให้เขาไม่ตายก็พอ
ไม่นานเปลือกตาของชายหนุ่มที่นอนอยู่กับพื้นก็ขยับ แล้วเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
สิ่งแรกที่สะท้อนเข้าสายตาเขาคือใบหน้างดงามไร้ที่ติ เส้นผมของนางปลิวไปตามลมเบาๆ แล้วนัยน์ตาสีดำสนิทของนางก็ปรากฏประกายยากที่จะเข้าใจ
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
โม่เชียนเฉิงสะดุ้งแล้วกัดริมฝีปากเบาๆ “เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า”
“ถ้าเจ้าตาย ข้ากับจีจิ่วเทียนจะถูกขังอยู่ในมิติลวงตานี้ตลอดไปแล้วออกจากที่นี่ไม่ได้”
ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้โกหกเขาแล้วบอกเหตุผลที่ช่วยชีวิตเขาไว้
โม่เชียนเฉิงหลุบตาแล้วเผยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้างดงามหล่อเหลา “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางเป็นห่วงข้า! สิ่งเดียวที่เจ้ามีให้ข้าคือความรังเกียจ แล้วเจ้าจะมาใส่ใจความเป็นความตายของข้าไปทำไม”
อวิ๋นลั่วเฟิงเหวี่ยงโม่เชียนเฉิงลงพื้นอย่างไร้ความปรานี ความเจ็บปวดที่เกิดจากการกระแทกพื้นทำให้เขาร้องออกมา โม่เชียนเฉิงขมวดคิ้วบางแน่น เขารู้ได้ทันทีว่าอวิ๋นลั่วเฟิงมีความคิดที่เกินรับได้จริงๆ
“ข้าไม่เหมือนกับเจวี๋ยเชียน ข้าไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สนว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย!” เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือข้า แต่ข้าก็ไม่ลืมว่าเจ้าต้องการสังหารข้าและจีจิ่วเทียน เจ้าคิดว่าข้าจะมีความเมตตากับศัตรูของตัวเองงั้นหรือ”
โม่เชียนเฉิงก้มหน้าตัวสั่นเทา ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่เจวี๋ยเชียนเมื่อพันปีที่แล้วแต่นางก็ยังรังเกียจเขา…
“แต่ว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงเว้นช่วงไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “ตอนนั้นเจวี๋ยเชียนขังเจ้าไว้ในนี้เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเป็นเรื่องจริง จีจิ่วเทียนพูดถูกแล้ว”
“เจ้ากำลังจะบอกว่า…” โม่เชียนเฉิงกัดปากแล้วเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง “เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้รังเกียจข้างั้นหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของชายหนุ่ม อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะโหดร้ายขนาดนั้น
“เจวี๋ยเชียนก็คือเจวี๋ยเชียน ข้าก็คือข้า”
ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่เจวี๋ยเชียนตัวจริงจึงไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อโม่เชียนเฉิง
“ข้าเข้าใจ…” โม่เชียนเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่เจวี๋ยเชียน เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขาแล้วเจ้าก็กลายเป็นสตรีไปแล้ว ข้าเองก็สัมผัสความรู้สึกคุ้นเคยจากตัวเจ้าไม่ได้…”