ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1980 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (4) / ตอนที่ 1981 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (5)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1980 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (4) / ตอนที่ 1981 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (5)
ตอนที่ 1980 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (4)
ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโส…คนพวกนี้เป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสหมดเลยงั้นหรือ
เสี่ยวหู่ร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส เขามองไป๋หลิงด้วยสายตาที่ไม่เต็มใจจะแยกจากกัน
สีหน้าของไป๋หลิงเด็ดขาดมาก ดวงตาของนางกระจ่างใสดุจสายน้ำ แต่สายตาที่นางใช้จ้องชายผู้นี้กลับเย็นเยียบ
“สุดท้ายเจ้าก็ใช้วิชาต้องห้ามที่อาจารย์ทิ้งไว้งั้นหรือ! เจ้าไม่รู้ผลของการใช้วิชาลับนี้หรืออย่างไร ถึงแม้ว่าการใช้วิชานี้จะทำให้เลื่อนระดับเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสในเวลาอันสั้น แต่พวกเขาก็จะตายหลังจากผ่านไปสามปี!”
นี่เป็นเหตุผลที่เมื่อก่อนอาจารย์ไม่ได้สร้างยอดฝีมือขั้นเซียนอาวุโสจำนวนมาก! นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายผู้บริสุทธิ์!
นางตั้งใจจะพูดกับคนที่อยู่ด้านหลังชายคนนี้ น่าเสียดายที่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินคำพูดของนาง
หัวใจของไป๋หลิงจมดิ่งลงไปทีละน้อย
ในที่สุดเสี่ยวหู่ก็ตัดสินใจได้ เขาเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วส่งเรียกเบาๆ แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเดินอ้อมเสี่ยวหู่แล้วตรงไปหาไป๋หลิงอย่างไม่รีบร้อน
“หลบไปข้างหลังแล้วรอดูก็พอ”
ไป๋หลิงถอยหลังด้วยดวงตาที่ฉายแววกังวล “เฟิงเอ๋อร์ ลูกตั้งใจจะทำอะไร”
“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงแน่วแน่มาก “ข้าไม่ยอมให้มีใครทำให้ท่านเสียเกียรติแน่”
เสียงของนางเหมือนค้อนที่ทุบหัวใจของไป๋หลิงอย่างแรง
เพราะว่าข้าไม่มีทางยอมให้มีใครมาทำให้ท่านเสียเกียรติ ดังนั้นต่อให้ข้ารู้ข้าสู้พวกเขาไม่ได้ ข้าก็จะไม่ถอย!
“เฟิงเอ๋อร์ อย่าสร้างปัญหา!” ไป๋หลิงพลันได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบกดไหล่ของนางไว้ “ออกไปกับเสี่ยวหู่เถอะ ด้วยพลังของเขา เขาสามารถพาลูกออกไปได้อย่างปลอดภัย ในอนาคตยังมีเวลาให้เจ้ามาแก้แค้นให้แม่”
อวิ๋นลั่วเฟิงวางมือของตัวเองลงบนหลังมือของไป๋หลิงแล้วดึงมือของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “ข้าบอกว่า ข้าไม่มีทางยอมให้มีใครมาทำให้ท่านเสียเกียรติ”
เรื่องราวก็เหมือนกับเมื่อหลายปีที่มีจักรพรรดิทรราชย์คนหนึ่งจากอาณาจักรอื่นมาชอบไป๋หลิง แต่คนอื่นๆ กลับใส่ร้ายว่าไป๋หลิงเป็นต้นเหตุของสงคราม
เพื่อที่จะสยบเสียงพวกนั้น นางจึงทำเรื่องไร้คุณธรรมอย่างเริ่มการสังหารหมู่แล้วทำให้เลือดไหลนองไปทั่วทั้งพระราชวังดุจสายน้ำ—ทั้งหมดก็เพราะนางไม่ยอมให้มีใครมาทำให้นางเสื่อมเสียเกียรติ!
“เฟิงเอ๋อร์!”
เมื่อไป๋หลิงเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้าไปหาชายคนนั้น หัวใจของนางก็บีบรัดแน่น นางอยากจะวิ่งเข้าไปแต่จู่ๆ ก็ตัวสั่นจนเกือบทรุดลงไปบนพื้น แล้วความรู้สึกไร้พลังก็คืบคลานเข้าสู่หัวใจของนาง
ถ้าไม่ใช่เพราะพิษสวะนี้ นางก็คงไม่เสียเปรียบ
“เด็กน้อย” ชายคนนั้นมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างดูถูกแล้วหัวเราะเยาะ “ข้าจะไม่ปรานีเพียงเพราะมารดาของเจ้าหรอกนะ!”
“ข้าเองก็จะไม่ปรานีเจ้าแค่เพราะเจ้าเป็นศิษย์พี่ของท่านแม่ข้าเหมือนกัน” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบกลับอย่างปากกล้า
ทันใดนั้นสายตาของชายผู้นั้นก็เข้มขึ้นแล้วประกายน่าขนลุกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“ฮึ่ม! ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าไม่ปรานีข้าอย่างไร!”
พริบตาที่เขาพูดคำสุดท้ายจบ เขาก็เริ่มขยับมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง ยอดฝีมือขั้นเซียนอาวุโสข้างหลังเขาเคลื่อนไหวอย่างกระสับกระส่าย แต่ก็ถูกชายผู้นี้หยุดไว้ด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
“นางก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แค่ข้าคนเดียวก็พอ—เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นพูดกันว่าข้าทำตัวหมาหมู่รังแกคน!”
ชายผู้นั้นก็หยุดรั้งกลิ่นอายของเขา สายลมแรงหมุนวนไม่หยุดทั้งยังเต็มไปด้วยแรงกดดัน
เมื่อเผชิญหน้ากับสายลมแรงแบบนี้ สีหน้าของหญิงสาวก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีนิลของนางยังคงสงบนิ่งและเกราะเกล็ดมังกรก็เคลื่อนขึ้นปกคลุมผิวหนังของนาง เกราะสีขาวราวหิมะเป็นประกายเย็นเยียบภายใต้สายลมป่าเถื่อนนี้
ไป๋หลิงอ้าปากด้วยความตะลึงขณะที่นางมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแปลกใจ
“ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์งั้นหรือ”
บุตรสาวของนางเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ด้วยอายุเพียงเท่านี้งั้นหรือ แต่ถึงอย่างนั้นเซียนสวรรค์ก็เป็นเซียนสวรรค์ ชายตรงหน้าพวกนางก็แข็งแกร่งเท่ากับผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์สิบคนแล้ว!
ตอนที่ 1981 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (5)
“ไข่มุกเม็ดหนึ่งกล้ามาส่องแสงสู้สุริยันและจันทราได้อย่างไร” ชายผู้นี้มองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเหยียดหยาม แล้วริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ
นางก็เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์แล้วจะเอาชนะเขาได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีพรสวรรค์ นางก็เป็นแค่ไข่มุกเม็ดเล็กๆ เมื่อเทียบกับสุริยันที่สง่างามอย่างเขา ไม่มีทางที่นางจะได้ส่องประกาย!
ฟิ้ว!
อวิ๋นลั่วเฟิงยกแขนขึ้นแล้วลำแสงกระบี่ก็พุ่งตรงไปที่เขา ชายผู้นี้เพียงแค่ขยับไปด้านข้างก็หลบได้ง่ายๆ แล้วรอยยิ้มเยาะบนริมฝีปากของเขาก็กดลึกขึ้น ขณะที่ดวงตาแสดงความเหยียดหยามมากขึ้น
“ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ก็เป็นแค่เซียนสวรรค์ เจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างไร”
หลังจากพูดจบ ชายผู้นั้นก็ลงมือ
เขาเคลื่อนไหวเร็วมากเหมือนกับสายลม พริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง มือของเขาที่มีพลังฌานห่อหุ้มอยู่ก็พุ่งมาหานาง
ปัง!
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้หลบการโจมตีในช่วงที่สำคัญและปะทะเข้ากับการโจมตีของเขาตรงๆ
หัวใจของไป๋หลิงกระตุก นางเกร็งจนถึงจุดที่ไม่สามารถหายใจได้ นางกำหมัดแน่นแล้วตัวนางก็เริ่มสั่นเทิ้ม
ประกายเหยียดหยามในดวงตาของชายผู้นี้ก็เข้มขึ้น ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงหลบ นางก็อาจจะไม่จบชีวิตเร็วนัก แต่สตรีผู้นี้กับประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไปแล้วตั้งใจจะใช้ไฟสู้กับไฟ
พลังของเซียนสวรรค์จะเทียบกับเซียนอาวุโสได้อย่างไร
แต่ว่าไม่นานรอยยิ้มของชายผู้นี้แข็งค้าง
ทั้งสองปะทะจนเกิดเสียงดังแล้วพลังมหาศาลก็แผ่ออกจากพวกเขาจนทำให้ทั้งเนินเขาทรุดลง ราวกับว่าโดนฟ้าผ่าแล้วพื้นดินทั้งหมดก็ยุบลงไป
อวิ๋นลั่วเฟิงสะบัดแขนที่ชาขณะที่สัมผัสได้ถึงรสชาติคาวเหล็กในลำคอจนเกือบจะพ่นเลือดออกมาแต่ก็ฝืนกลืนลงไป
อย่างที่คิด ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ ชายผู้นี้แตกต่างจากหลั่งซินเยว่ที่นางสู้ด้วยก่อนหน้านี้ อาจจะต้องใช้หลั่งซินเยว่ถึงสิบคนเพื่อต่อกรกับชายผู้นี้…
ดวงตาของชายผู้นี้แสดงความตะลึงออกมาแบบปิดไม่มิด ในความคิดของเขาการโจมตีเมื่อครู่ใช้พลังเกือบทั้งหมดของเขา ดังนั้นต่อให้สตรีผู้นี้ไม่ตาย แขนของนางก็ควรจะขาดออกอย่างแน่นอน แต่ว่าตอนนี้นางกลับยืนตรงหน้าเขาอย่างไร้รอยขีดข่วนงั้นหรือ
หรือว่า…เป็นเพราะเกราะเกล็ดมังกรนั่น
ชายผู้นี้หรี่ตาเล็กน้อยแล้วสุดท้ายก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ไม่แน่เกราะเกล็ดมังกรนี่อาจจะสลายพลังส่วนใหญ่ของเขาทำให้สตรีผู้นี้ยังอยู่ดี!
“เด็กน้อย ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าไปหน่อย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีสมบัติแบบนี้ด้วย”
พูดอีกอย่างก็คือ เจ้าป้องกันการโจมตีของข้าได้ไม่ใช่เพราะเจ้าแข็งแกร่งแต่เป็นเพราะเจ้าอาศัยเกราะเกล็ดมังกร
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ข้าก็จะทำให้เรื่องมันจบเร็วขึ้น พวกเจ้าทั้งหมด โจมตี! ทำให้เด็กคนนี้พิการซะ!” ชายผู้นี้ส่งเสียงขึ้นจมูก เขายังต้องใช้สตรีผู้นี้อยู่ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสังหารนางได้
ไป๋หลิงได้สติกลับมาแล้ว นางมองใบหน้าไร้ยางอายของชายผู้นี้แล้วยิ้มเย็น “อะไรนะ แค่เจ้ารังแกคนที่เด็กกว่ายังไม่พอแต่ตอนนี้เจ้ายังต้องการจะข่มขวัญนางด้วยจำนวนคนอีกงั้นหรือ นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนอาจารย์สอนเจ้างั้นหรือ—การรังแกคนที่อ่อนแอเนี่ยนะ”
ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะ “ข้าจะรังแกนางด้วยจำนวนคนแล้วอย่างไร การที่ข้ามีคนจากสำนักอิสระเยอะก็ไม่ใช่ความผิดข้านี่ ไป๋หลิง ถ้าเจ้าทำตัวเชื่อฟังข้า ข้าจะไว้ชีวิตนาง”
ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รอให้ไป๋หลิงได้ตอบ นางก็พูดด้วยน้ำเสียงร้ายกาจอีกครั้ง
“ข้าสู้เรื่องจำนวนคนกับเจ้าไม่ได้ แต่คนของข้าแต่ละคนก็เท่ากับคนสิบคนแล้ว!” อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองชายคนนั้นแล้วพูดด้วยเสียงแข็งกระด้างว่า “จีจิ่วเทียน เจ้าจะยืนดูอยู่ข้างๆ ไปอีกนานแค่ไหน”