ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1824 องค์หญิง วิ่ง! (7) / ตอนที่ 1825 องค์หญิง วิ่ง! (8)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1824 องค์หญิง วิ่ง! (7) / ตอนที่ 1825 องค์หญิง วิ่ง! (8)
ตอนที่ 1824 องค์หญิง วิ่ง! (7)
ก่อนที่ฉีหลิงจะได้ตั้งตัว นางก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่น
“เจ้ากลับมาแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมา…” เสียงของฉีซูสั่นเล็กน้อย
ตลอดสามเดือนมานี้ เขาพยายามกดความกังวลในหัวใจของเขาเพราะกลัวว่าคนอื่นจะกังวลตามเขา เขากลัว—กลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกับฉีหลิงจะจากไปแล้วไม่กลับมาเหมือนอาจารย์
เขาไม่อยากต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในการสูญเสียครอบครัวอีกเป็นครั้งที่สอง!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกังวลของฉีซู ฉีหลิงก็แลบลิ้นสีชมพูออกมาแล้วพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ท่านพี่ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าฝึกพลังฌานจนลืมเวลาก็เลยกลับมาช้าเจ้าค่ะ”
“ฝึกพลังฌานงั้นหรือ เจ้า…” ฉีซูปล่อยตัวเด็กหญิงออกจากอ้อมกอดแล้วสำรวจด้วยความตกตะลึง “เจ้าสามารถฝึกพลังฌานได้แล้วหรือ”
ฉีหลิงพยักหน้า
เมื่อได้รีบการยืนยัน ริมฝีปากของฉีซูก็เริ่มสั่นแล้วน้ำตาแห่งอารมณ์ก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ยอดไปเลย! ในที่สุดเจ้าก็ฝึกพลังฌานได้ นี่เป็นข่าวดีจริงๆ …” ฉีซูปาดน้ำตาที่หางตาแล้วเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง “แม่นางอวิ๋น ขอบคุณท่านมาก ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉีหลิงถึงจะฝึกพลังฌานได้”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “อันที่จริงฉีหลิงค่อนข้างมีพรสวรรค์และมีจิตใจแข็งแกร่งดังนั้นเจ้าสามารถให้ข้าสอนนางได้ ข้าจะทำให้นางพัฒนาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ความปิติยินดีแล่นเข้าสู่หัวใจของเขา ก่อนที่เขาจะรีบตำหนิน้องสาว “เสี่ยวหลิง เหตุใดเจ้าไม่มาคำนับอาจารย์”
ตอนแรกฉีหลิงแค่นับถืออวิ๋นลั่วเฟิงเป็นอาจารย์ในใจและยังคงเรียกนางว่า ‘พี่หญิงอวิ๋น’ แต่คำพูดของฉีซูหมายถึงว่าอวิ๋นลั่วเฟิงนับนางเป็นศิษย์แล้ว
ฉีหลิงคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากก่อนจะพูดอย่างซุกซนว่า “เสี่ยวหลิง คำนับอาจารย์เจ้าค่ะ”
อีกด้านซืออวี่ก็กำลังอ้าปากค้างด้วยความตะลึง
สตรีผู้นี้ไม่ได้ฉวยโอกาสลักพาตัวคุณหนูหรอกหรือ แล้วนางยังช่วยคุณหนูให้ฝึกพลงัฌานได้อีกด้วยงั้นหรือ
เมื่อนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองจ้องจับผิดอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วใบหน้าของนางก็ปรากฏร่องรอยความอับอาย
จริงๆ แล้วนางก็ไม่ได้เกลียดอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นพิเศษ เพียงแต่นางคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะฉุดให้นายน้อยตกต่ำดังนั้นนางจึงรู้สึกขัดแย้งกับอวิ๋นลั่วเฟิง แต่ว่านายน้อยกลับตักเตือนนางเพราะเรื่องนี้ยิ่งทำให้นางยิ่งโมโห
เมื่อรวมกับความกังวลต่อฉีหลิงจึงเป็นสาเหตุให้นางพูดบางอย่างที่ไม่เหมาะสมออกไป
เมื่อรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงช่วยให้ฉีหลิงฝึกพลังฌานได้ ความไม่พอใจในหัวใจนางก็หายไป นางขยับไปยืนด้านข้างแล้วกัดปากโดยไม่พูดอะไรอีก
“ซืออวี่ เจ้าจำได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าพูดอะไรไว้” ฉีซูมองซืออวี่อย่างเย็นชา “เจ้าบอกว่าถ้าแม่นางอวิ๋นไม่ได้ลักพาตัวหลิงเอ๋อร์ เจ้าจะยอมเป็นทาสของนางเพื่อชดเชยความผิด ตอนนี้เจ้าเป็นของนางแล้วและตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้า ข้าและฉีหลิงก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”
“นายน้อยเจ้าคะ!” ซืออวี่หน้าเปลี่ยนสี ก่อนนางจะคุกเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง “ข้าน้อยผิดไปแล้ว อย่าให้ข้าไปเลยเจ้าค่ะ”
“สายไปแล้ว” ฉีซูเหลือบมองซืออวี่อย่างเฉยชา “ข้ารู้ว่าเจ้าดูถูกแม่นางอวิ๋นแต่ข้าก็เคยเตือนเจ้าไปแล้วว่านางไม่ใช่คนที่เจ้าจะไปหาเรื่องได้แต่เจ้าก็ไม่ฟังแล้วขัดคำสั่งข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าจะเก็บเจ้าไว้ล่ะ”
ซืออวี่ต้องการจะขอร้องต่อแต่เสียงน่าหลงใหลของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ฉีซู เจ้าพยายามจะยัดเยียดคนที่เจ้าไม่ต้องการให้ข้างั้นหรือ ข้าไม่ได้ชอบเก็บของที่คนอื่นไม่ต้องการหรอกนะ”
ใบหน้าของนางแข็งค้าง ศีรษะของนางนอนราบไปกับพื้นและนางก็กำลังพยายามหาหลุมเพื่อเอาตัวเองแอบลงไป
ความแข็งแกร่งของนางไม่ได้ด้อยแต่คนพวกนี้กลับดูถูกนางงั้นหรือ
ตอนที่ 1825 องค์หญิง วิ่ง! (8)
“ทำไมท่านถึงไม่ต้องการนางล่ะขอรับ”
ฉีซูเหลือบมองซืออวี่ ความจริงแล้วเขาให้ซืออวี่ออกไปอยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิงก็เพื่อขัดเกลานิสัยและทำให้นางเข้าใจว่าคนบางคน นางก็ไม่สามารถมีปัญหาด้วยได้
“นางอ่อนแอเกินไป ข้าไม่ต้องการ” อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนพูดตรงๆ แต่คำพูดของนางทำให้ซืออวี่หน้าถอดสี
นางปฏิเสธซืออวี่ไม่ใช่เพราะทัศนคติที่ซืออวี่มีต่อนางแต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของซืออวี่ไม่ถึงขั้นที่นางยอมรับได้
ฉีซูพูดไม่ออกไปทันที
นางพูดถูก อวิ๋นลั่วเฟิงสามารถสร้างหุ่นเชิดขั้นเซียนได้แล้วซืออวี่จะแข็งแกร่งถึงขั้นที่นางยอมรับได้อย่างไร การที่นางปฏิเสธก็สมเหตุสมผล
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ให้นางไปกวาดสวนด้านหลังก็แล้วกัน”
ถึงอย่างไร เขาก็ไม่มีแผนที่จะเก็บซืออวี่ไว้ข้างกายอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากไล่นางออกไปเพราะอาจารย์ แน่นอนว่าถ้านางอยากออกไปด้วยตัวเอง เขาก็จะไม่ห้าม
สีหน้าของซืออวี่ดูไม่ดี นางก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่พื้น นางยอมไปกวาดสวนด้านหลังดีกว่าโดนไล่ออกไป ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดนายหญิงเยว่ชิงยังมีชีวิตอยู่ นายหญิงต้องไม่ไว้ชีวิตนางแน่! ใช่แล้ว ซืออวี่หวาดกลัวอวิ๋นเยว่ชิงจนถึงกระดูกดำ
นางยังจำตอนที่นางถูกไล่ล่าสังหารโดยคนกลุ่มหนึ่งเมื่อสามปีก่อนได้ และอวิ๋นเยว่ชิงในชุดสีขาวราวหิมะก็บินลงมาจากฟ้าอย่างสง่างามแล้วช่วยชีวิตนางไว้ อวิ๋นเยว่ชิงเป็นผู้มีพระคุณดังนั้นนางต้องกตัญญูต่อนายหญิงซึ่งนางก็ทำ แต่ว่าเทียบกับความสำนึกบุญคุณแล้ว นางกลัวอวิ๋นเยว่ชิงมากกว่า
หลังจากที่ช่วยนางแล้ว อวิ๋นเยว่ชิงก็บอกเป้าหมายและสั่งให้นางติดตามฉีซูเพื่อปกป้องเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉีซู อวิ๋นเยว่ชิงจะให้นางชดใช้ด้วยชีวิต! นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดนางถึงไม่อยากให้นายน้อยไล่นางออกไป ไม่อย่างนั้นอวิ๋นเยว่ชิงจะต้องสังหารนางแน่นอน!
นางยังจำกลิ่นอายสังหารที่อยู่รอบตัวอวิ๋นเยว่ชิงตอนที่นางพูดแบบนี้เมื่อตอนนั้นได้อยู่เลย! นางปล่อยกลิ่นอายที่สามารถสังหารนางได้ทุกเมื่อ!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซืออวี่ก็ก้มหน้าแล้วกัดริมฝีปาก “นายน้อย ข้าน้อยยินดีไปกวาดสวนด้านหลังเจ้าค่ะ ข้าน้อยขอแค่นายน้อยยอมให้ข้าน้อยอยู่ข้างกายท่าน”
ฉีซูหยุดก่อนจะพูดต่อ “ถึงแม้ว่าข้าจะให้เจ้าทำความสะอาดสวนแต่เจ้าก็ต้องเคารพแม่นางอวิ๋นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป นางเป็นเจ้านายสูงสุดของเจ้า! เจ้าต้องเชื่อฟังนางมากกว่าข้าและเสี่ยวหลิง!”
ซืออวี่เงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึง
ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะช่วยคุณหนูให้ฝึกพลังฌานได้แต่นายน้อยถึงกลับต้องให้นางเชื่อฟังอวิ๋นลั่วเฟิงมากกว่าพวกเขาอีกหรือ ไม่ใช่ว่าเขาแค่รู้สึกขอบคุณที่อวิ๋นลั่วเฟิงช่วยเหลือหรอกหรือ
แต่ไม่ว่าซืออวี่จะมีคำถามในหัวมากขนาดไหน นางก็ไม่ได้พูดออกมา นางหลุบตา “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ นายน้อย”
นางไม่มีทางเลือก! และนางเองก็เชื่ออย่างสุดหัวใจว่าสตรีอย่างอวิ๋นเยว่ชิงไม่มีทางตายในป่าบททดสอบสวรรค์หรอก!
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปได้ ข้ามีบางอย่างต้องพูดกับแม่นางอวิ๋น”
ฉีซูไม่ได้ทรมานนางไปมากกว่านี้ แต่น้ำเสียงที่เขาใช้ก็สื่อชัดเจนว่าไม่อยากพูดกับซืออวี่ต่อไปอีกแล้ว
ซืออวี่ลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินจากไปช้าๆ สายตาที่นางมองอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้แสดงความโกรธเคืองเหมือนก่อนหน้านี้แล้วแต่ดูเป็นสายตารู้สึกผิดจากความกระดากอายมากกว่า
ฉีซูไม่ได้มองอวิ๋นลั่วเฟิงจนกระทั่งซืออวี่ออกไป “แม่นางอวิ๋นตอนที่ท่านไม่อยู่ ข้าได้ทำข้อตกลงกับองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีแล้ว”
“ข้อตกลงอะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วถาม
“เรื่องเป็นแบบนี้ พวกเราจะไปก่อตั้งร้านโอสถที่นครจักรพรรดิแต่ตระกูลฉีไม่อนุญาต เราอาจจะถึงขั้นพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเมื่อไปถึงนครจักรพรรดิ”
พวกเขาอาจจะมีน้ำยารวบรวมพลังฌานแต่ถ้าตระกูลฉีปิดทางค้าขายของพวกเขา การทำธุรกิจในนครจักรพรรดิก็จะเป็นเรื่องยากมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉีซูมีเรื่องกังวลมากมาย