ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1812 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (3) / ตอนที่ 1813 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (4)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1812 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (3) / ตอนที่ 1813 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (4)
ตอนที่ 1812 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (3)
“แค่กๆ” ฉีเจิ้งไอแล้วเหลือบมองฉีมั่วอย่างตำหนิ “เจ้าทำให้ใบหน้าของเด็กนี่มีแผล ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ”
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้แต่ตัวเขาก็ไม่ได้เอ่ยห้ามฉีมั่วแม้แต่น้อยตอนที่ฉีมั่วจับศีรษะฉีหลิงกระแทกกับผนัง
ฉีมั่วยิ้มอย่างน่าขนลุก “ตระกูลฉีไม่เคยขาดแคลนสมุนไพรพลังฌาน ไม่ว่าใบหน้านางจะเสียโฉมแค่ไหนก็รักษาให้หายได้! แต่ว่าข้าไม่มีทางรักษานางโดยไม่เก็บเงิน ฉีซูต้องเป็นจ่ายค่ายา!”
เขาอยากจจะตีนังเด็กน่ารังเกียจนี่มานานแล้ว เขาระบายความไม่พอใจในตัวฉีซูตลอดหลายปีลงที่ฉีหลิง
ถึงแม้ว่าจะมีคนเห็นเหตุการณ์จำนวนมากแต่ก็ไม่มีใครออกมาช่วยฉีหลิง พวกเขาทำแค่ชี้ไม้ชี้มือและนินทาอยู่ลับหลังเท่านั้น ความเห็นใจของมนุษย์ก็มีเท่านี้
ฉีหลิงร้องไห้ไร้เสียง น้ำตาไหลอาบหน้า เลือดไหลจากหน้าผากของนางไหลไม่หยุด ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังขณะที่มองผู้คนบนถนน
“นังเด็กชั้นต่ำ ถึงแม้ว่าฉีซูจะอยู่ที่นี่ มันก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้!” ฉีมั่วยิ้มเยาะและกระชากผมของฉีหลิงอีกครั้งเพื่อลากนางไปหาฉีเจิ้ง
“ท่านพ่อ ให้ใครสักคนพานังเด็กนี่กลับไปก่อนเถอะขอรับ”
พานางกลับไปงั้นหรือ
คำพูดของฉีมั่วทำให้ฉีหลิงตัวสั่น นางเปิดปากแล้วเริ่มกรีดร้องสุดเสียง “ไม่นะ! ข้าไม่อยากกลับ! ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย! พี่หญิงอวิ๋น ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ!”
ฉีเจิ้งขมวดคิ้ว นังเด็กนี่เรียกอวิ๋นเยว่ชิงว่า ‘ท่านป้าอวิ๋น’ แล้วพี่หญิงอวิ๋นนี่เป็นใคร
แต่ว่าฉีมั่วไม่ได้คิดอะไรมากอีกต่อไปแล้วเขาเขวี้ยงตัวฉีหลิงไปด้านข้างก่อนจะสั่งผู้คุ้มกันของตระกูลฉี “พานังเด็กนี่กลับไปที่ตระกูลฉี!”
“ขอรับ คุณชายใหญ่” ผู้คุ้มกันเดินเข้ามาจับแขนของหลิงก่อนจะเดินฝ่าฝูงชนออกไป
ฉีหลิงรวบรวมแรงจากไหนมาไม่ทราบ นางอ้าปากแล้วกัดเข้าที่แขนของผู้คุ้มกันอย่างแรง ผู้คุ้มกันคนนั้นเจ็บจนปล่อยแขนฉีหลิงทำให้นางมีโอกาสวิ่งหนีไปอีกทาง
“เจ้าคิดจะหนีงั้นหรือ” ฉีมั่วมองฉีหลิงอย่างข่มขู่ เขาพุ่งเข้าไปหาฉีหลิงแล้วจับไหล่นางแน่น “นังสารเลว ดูสิว่าตอนนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้”
ฉีหลิงหน้าถอดสีแต่เมื่อนางเห็นร่างสองร่างพุ่งเข้ามา ดวงตาของนางก็สว่างวาบ “ท่านพี่! พี่หญิงอวิ๋น!”
ฉีซูเห็นฉีหลิงที่โดนฉีมั่วจับอยู่ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าที่มีรอยมือแดงช้ำและเลือดที่ไหลออกมาจากแผลที่หน้าผากไม่หยุด ความเจ็บปวดก็พุ่งเข้าสู่หัวใจของเขา
“เสี่ยวหลิง!”
พรึ่บ!
ก่อนที่ฉีมั่วจะได้ทันตั้งตัว เสียงตะโกนก็ดังขึ้นจากด้านหน้าแล้วพายุลูกหนึ่งก็พัดกระแทกใบหน้าเขาจนร่างของเขาถอยออกไปสองสามก้าว
ฉีซูคว้าร่างของฉีหลิงข้ามาปกป้องในอ้อมกอดก่อนจะจ้องหน้าฉีมั่วอย่างเคียดแค้น จากนั้นเขาก็ก้มลงมองใบหน้าแดงก่ำด้วยความปวดใจ ดวงตาของเขาปรากฏความรู้สึกผิดและเจ็บปวด
“เสี่ยวหลิง พี่ปกป้องเจ้าไม่ได้ เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่ เจ็บหรือเปล่า”
เมื่อเห็นใบหน้าวิตกกังวลของฉีซูแล้ว ฉีหลิงก็ส่ายหน้า ดวงตาของนางเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเบาๆ
“ท่านพี่ เสี่ยวหลิงไม่เจ็บเจ้าค่ะ ไม่เจ็บสักนิดเดียวเลย…”
แก้มและหน้าผากของนางเจ็บมากแต่นางก็พูดออกไปไม่ได้เพราะนางไม่อยากทำให้พี่ชายของนางเสียใจ…
ฉีซูวางตัวฉีหลิงลงแล้วหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงเพื่อเอ่ยปากขอร้องอย่างจริงจัง “แม่นางอวิ๋น ได้โปรดดูน้องสาวให้ข้าด้วย”
ตอนแรกทุกคนเอาแต่สนใจฉีซูจึงไม่ได้สังเกตเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงที่อยู่ข้างหลังเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฉีซูทุกคนก็หันไปมองนาง…
…………………………
ตอนที่ 1813 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (4)
เมื่อฉีมั่วเห็นสตรีในชุดสีขาวก็ตะลึงงัน แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตะลึงในความงามของอวิ๋นลั่วเฟิงแต่เป็นเพราะความหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจเขา!
คล้ายมาก! พวกนางมีใบหน้าคล้ายกันมาก! สตรีผู้นี้กับอวิ๋นเยว่ชิงหน้าตาคล้ายกันเกินไป!
ถ้านางไม่ได้อายุยี่สิบปีหรือเด็กขนาดนี้ เขาคงคิดจริงๆ ว่าอวิ๋นเยว่ชิงกลับมาแล้ว!
“ฉีมั่ว!” เมื่อฉีซูฝากฉีหลิงไว้กลับอวิ๋นลั่วเฟิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันหน้ามาช้าๆ สายตาเย็นเยียบจนถึงกระดูกของเขาคมกริบดุจกระบี่จนเหมือนว่าสามารถกรีดเนื้อเถือหนังและกระดูกของฉีมั่วได้
“ตอนนั้นข้าทำข้อตกลงกับเจ้าแล้วว่าถ้าข้าสามารถทำให้ร้านโอสถตระกูลฉีในนครเฟิงหลินมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ภายในหนึ่งปี เจ้าจะปล่อยเสี่ยวหลิงไป ตอนนี้เจ้าคิดจะกลับคำงั้นหรือ”
ดวงตาของฉีซูเป็นประกายสังหารแวบหนึ่ง เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากพุ่งเข้าไปสังหารฉีมั่วทิ้ง แต่เขาก็เข้าใจว่าเรื่องนี้เขาจะหุนหันไม่ได้
การแก้แค้นเป็นอาหารที่ต้องทำอย่างใจเย็น! เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาแข็งแกร่งพอ เขาจะต้องมาทำให้คนพวกนี้มีจุดจบที่เลวร้ายให้ได้!
ฉีมั่วหวาดกลัวสายตาของฉีซูจนหน้าซีดและหายใจติดขัด
ฉีเจิ้งอาจจะสัมผัสได้ว่าฉีมั่วกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาจึงขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ ทำลายแรงกดดันบนตัวของฉีมั่วเงียบๆ ฉีเจิ้งส่งสายตาอำมหิตไปที่ฉีซูดุจคมมีด
“ฉีซู เรื่องนี้จะโทษมั่วเอ๋อร์ไม่ได้ ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง!”
ฉีซูส่งเสียงขึ้นจมูก เขาไม่คาดหวังอะไรจากตระกูลฉีทั้งนั้นตั้งแต่ที่เขาได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา เขาจึงไม่แปลกใจกับคำพูดของฉีเจิ้งแม้แต่นิดเดียว
“เขาว่ากันว่าพยัคฆ์ยังไม่กินลูกตัวเองแม้ว่ามันจะดุร้ายแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นข้าถึงไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านถึงบังคับให้ข้ากับน้องสาวไปตาย!” ดวงตาของฉีซูเต็มไปด้วยความเดือดดาลขณะที่เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียง
“บังคับเจ้างั้นหรือ” ฉีเจิ้งขมวดคิ้ว “ข้าไปบังคับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉีหลิงทำตัวเหลวไหลเองเหตุใดเรื่องมากมายเหล่านี้ถึงเกิดขึ้นเล่า ถ้านางไม่ได้ไปล่อลวงอดีตผู้นำตระกูลเฉียน เหตุใดเขาจะระบุตัวนางมาโดยเฉพาะล่ะ”
พูดอีกอย่างก็คือ ผู้เฒ่าเฉียนชอบฉีหลิงก็เพราะตัวฉีหลิงไม่ทำตัวให้ดี ถ้านางทำตัวอยู่ในกรอบเหตุใดเขาถึงต้องการแต่งงานกับนาง ฉีเจิ้งพูดแบบนี้หมายความว่าการที่บุรุษมาชอบสตรีเป็นความผิดของฝ่ายหญิงใช่หรือไม่ เหล่าโจรผู้ร้ายก็ไม่มีความผิดงั้นหรือ
“ฉีเจิ้ง ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วว่าฉีหลิงอายุแค่ห้าปี!”
เด็กผู้หญิงอายุห้าปีจะไปยั่วยวนชายชราได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ
อาจจะเป็นเพราะฉีซูโมโหมากเกินไปเขาจึงไม่ได้เรียกฉีเจิ้งว่า ‘ท่านพ่อ’ และเรียกชื่อเขาตรงๆ แทน
อย่างที่คิด ชื่อที่เขาเรียกทำให้ฉีเจิ้งตัวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าของฉีเจิ้งบวมขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
“โอหังนัก! ไอ้ลูกเนรคุณ เจ้ากล้าทำตัวอกตัญญูแบบนี้ได้อย่างไร! เพราะความสัมพันธ์บิดาและบุตร ข้าจึงให้ร้านโอสถตระกูลฉีในนครเฟิงหลินกับเจ้า แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะตอบแทนข้าแบบนี้” สีหน้าของฉีเจิ้งเย็นเยียบ “ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ข้าก็จะเอาร้านโอสถคืน เจ้าคืนทุกอย่างจากร้านโอสถมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ทุกอย่าง—ไม่ใช่แค่ตำรับน้ำยารวบรวมพลังฌาน แต่รวมถึงเงินที่เจ้าได้จากขายน้ำยาสมุนไพรพวกนั้นด้วย!”
น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายของฉีเจิ้งเต็มไปด้วยความโอหัง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแสดงท่าทีถือดีเหมือนว่าการกระทำของเขาไม่มีอะไรผิดแปลก
ต่อให้ตำรับยานั้นเป็นของที่อวิ๋นเยว่ชิงทิ้งไว้ให้ฉีซูแล้วอย่างไร สุดท้ายร้านโอสถตระกูลฉีก็เป็นของตระกูลฉีดังนั้นการที่เขาจะเรียกร้องทุกอย่างที่เป็นของร้านโอสถกลับมาก็ไม่มีอะไรผิด
“ไม่ต้องพูดถึงตำรับยา แค่เรื่องเงิน…ข้าก็ไม่มีแม้แต่ตำลึงเดียว!” ฉีซูกระแอมและมองฉีเจิ้งอย่างเฉยชา สายตาของเขามองฉีเจิ้งเหมือนมองคนแปลกหน้า
“เนรคุณ อย่างที่คิดเจ้ามันเป็นลูกอกตัญญู!” ฉีเจิ้งชี้หน้าฉีซู “ในฐานะบิดา ข้าขอสั่งให้เจ้าเอาทุกอย่างมาให้ข้า ของเหล่านี้ควรเป็นของพี่ชายเจ้า! พี่ชายเจ้าเป็นบุตรคนโตของตระกูลฉีดังนั้นเขาก็สมควรที่จะได้รับสืบทอดทุกอย่าง เจ้าเป็นบุตรคนรองดังนั้นเจ้าสนแค่ได้กินอิ่มทุกมื้อก็พอ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแข่งขันกับพี่ชายของตัวเอง”