(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย - ตอนที่ 4-5 สนมชาย
ไม่อาจเข้าใจองค์จักรพรรดิได้เลย
ความนึกคิดของโซกังแสดงออกมาทางกาย ดังนั้น ร่างกายที่ได้รับการโอบกอดอย่างอ่อนโยนก็พลันเกร็งด้วยความหวั่นวิตก เมื่อสัมผัสถึงความเกร็งตัว จาฮอนจึงเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ซึ่งเสียงนั่นก็ทำให้ไหล่ของโซกังยิ่งลู่ลง แต่พอเห็นว่าคนในอ้อมกอดเต็มไปด้วยความกังวล ก็ไม่มีใจจะคิดตำหนิ สุดท้ายจึงเลือกจะลูบแผ่นหลังบางช้าๆ เพื่อปลอบโยนและกระซิบ
“อย่าหวั่นวิตกอันใดเลย”
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
แต่น้ำเสียงตอบรับไร้เรี่ยวแรงก็ทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่นอยู่ดี คิดอยากตำหนิการกระทำของตนเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกก่อนหน้านี้ หากเอ่ยถามดีๆ เสียก็สิ้นเรื่องแล้ว เหตุใดถึงต้องแสดงโทสะเช่นนั้นกัน ครุ่นคิดกับตนเองอยู่ชั่วครู่พลางลูบหลังไปเรื่อยๆ กระทั่งความหวาดหวั่นของโซกังคลายลงจนหมดสิ้น
สัมผัสอ่อนโยนและเนิบนาบทำให้ค่อยๆ คุ้นชินจึงคลายความหวั่นวิตก และเกือบจะเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆ ที่ยังแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดขององค์จักรพรรดิ ขณะเฝ้ามองท่าทางเช่นนั้น จาฮอนก็ยกยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่ได้หลงเรื่องเกี่ยวกับเรื่องชั้นใน จึงเอ่ยกระซิบข้างหูคนสติเลือนรางกำลังจะหลับใหล
“แล้วใยเจ้าถึงสวมชั้นในเล่า เมื่อวานก็ยังสวมเพียงอาภรณ์เท่านั้น”
“อืออ… มันเอาแต่ตั้ง…”
โซกังงึมงำด้วยน้ำเสียงงัวเงียเต็มทีก่อนจะปล่อยสติล่องลอย เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังพูดอะไรอยู่ ฝ่าบาทพยายามฝืนกลั้นเสียงหัวเราะ ก่อนจะกระซิบถามข้างหูอีกครั้ง
“คิดอะไรอยู่หรือ”
“ฝ่าบาท ช่าง อื้ออ…”
“โซกังอา ต้องพูดให้จบสิ”
“มันเอาแต่ตั้ง…จนอยากตาย…”
หลังจากหลุดวาจาอ้อมแอ้มออกมา ร่างบางก็พรูลมหายใจแล้วผล็อยหลับไป ทว่าสีหน้าของยังจาฮอนพลันเครียดขึงอย่างเยือกเย็น ราวกับการฝืนกลั้นเสียงหัวเราะก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก เสียใจด้วยเหตุผลที่ไม่อาจรู้สาเหตุ มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกยูโซกังปฏิเสธมากเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ มากกว่าสิบวันก่อน รุนแรงยิ่งกว่าคราใด
“บังอาจ”
ร่างสูงขบฟันแน่นขณะเปล่งเสียง แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนากล่าววาจาเช่นนั้น ทว่าตนก็ไม่อาจผ่อนคลายได้เลย
จักรพรรดิไม่มีทางถูกปฏิเสธ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้น
จักรพรรดิคือผู้สูงส่งที่สุดภายใต้แผ่นฟ้าผืนนี้ ทุกชีวิตในอาณาจักรฮยอนวอนอยู่ใต้ฝ่าพระบาท ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของพระองค์ เป็นของผู้ดำรงอยู่ในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน แน่นอนว่าจักรพรรดิทุกพระองค์ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหมด
จักรพรรดิองค์ก่อนเป็นผู้อ่อนแอและไร้สามารถ ไม่อาจแยกแยะได้ว่าผู้ใดคือขุนนางซื่อสัตย์หรือฉ้อฉล อีกทั้งยังหลงใหลในสตรีเป็นอย่างมาก และไม่เคยล่วงรู้ด้วยว่าสตรีผู้นั้นรักตนอย่างแท้จริง หรือเพียงรักในตำแหน่งจักรพรรดิ
ก่อนมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการจะเริ่มก่อกบฏ จักรพรรดิองค์ก่อนก็เอาแต่คอยปลอบโยนกีโซอีที่สูญเสียบุตร คอยหลบอยู่ใต้กระโปรงของนาง จนมหาเสนาบดีฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบอำนาจเกือบทั้งหมดจากพระองค์ครอบครองอำนาจทางการเมืองกว่าครึ่ง กลายเป็นผู้กุมอำนาจโดยสมบูรณ์ ด้วยเพราะจักรพรรดิองค์ก่อนที่ไม่มีท่าทีคล้ายประชวรใดๆ มหาเสนาบดีฝ่ายปกครองจึงยิ่งแสดงออกและทำท่าทางว่าตนเป็นจักรพรรดิเอง กระทั่งมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการกับพรรคพวกถูกกำจัด ทว่าหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีจักรพรรดิองค์ก่อนก็เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน หากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ มหาเสนาบดีฝ่ายปกครองผู้นั้นคงจะกระทำการอย่างระมัดระวังมากกว่านี้
และในวันที่รวบรวมเหล่ากบฏมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการ ยังจาโฮ พี่น้องเพียงคนเดียวที่เขาต้องต่อสู้ในราชบัลลังก์ ก็ถูกใครบางคนวางยาพิษจนสิ้น ด้วยเหตุนั้น รัชทายาทยังจาฮอนจึงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดิอย่างไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ทันทีที่เขาขึ้นครองราชย์ ก็สร้างหน่วยองครักษ์ฮวังรยงจากเหล่าทหารฝีมือดี โดยขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิเท่านั้น
ขณะอยู่ในตำแหน่งรัชทายาท จาฮอนก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย จึงสามารถรวบรวมเหล่าผู้ติดตามสร้างระบอบการรวมอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้นได้ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ชิงอำนาจส่วนใหญ่ของขุนนางตำแหน่งสูงสุดทั้งสามฝ่าย แล้วยังแต่งตั้งตำแหน่งใกล้เคียงกับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของเหล่าขุนนางอาวุโสอีก
เพื่อแสดงให้เห็นอำนาจสูงสุดของจักรพรรดิ จึงไม่ยอมปล่อยผู้ต่อต้านฝ่าฝืนคำสั่งของตนให้มีชีวิตอยู่ดี
ทว่าทาสเพียงผู้หนึ่งกลับต่อต้านตนได้ ถึงกระนั้นก็ไม่เคยคิดจะพรากชีวิตโซกัง ได้แต่กลายเป็นคนบ้า อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนเล่นกระดานหกเช่นนี้
ร่างสูงขบริมฝีปากแน่นพร้อมขยับผละกายออกมา แต่จู่ๆ ก็เหมือนจะเกิดโทสะ คิดจะครอบครองอย่างรุนแรงอีกหน หรือไม่ก็เขย่าตัวปลูกผู้หลับใหลราวกับหมดสติขึ้นมา
“อุ่นจัง”
จาฮอนชะงักการเคลื่อนไหวในทันใด เมื่อโซกังเบียดแนบหน้าผากเข้ากับแผ่นอกเปล่าเปลือยของตน พลางพึมพำด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน น้ำเสียงนั้นช่างหวานละมุนยิ่ง จนในใจที่กำลังจะปะทุสงบลงในคราเดียว
จากนั้นก็เดาะลิ้นเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปยังช่องทางด้านล่างของอีกฝ่าย ส่งเรียวนิ้วผ่านเข้าไปอย่างนุ่มนวลเพื่อกวาดเอาหยาดวสันต์ของตนที่คั่งค้างอยู่ออกมา ยิ่งร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว จึงไม่อยากทำให้มีอาการปวดท้องขึ้นมาอีก ทั้งมันยังไม่ดีต่อร่างกายด้วย
เรียวนิ้วของเขาถูกบีบรัด ขณะเดียวกันโซกังก็ร้องครางออกมาแผ่วเบา ฝ่าบาทเฝ้ามองอยู่เช่นนั้นและสุดท้ายก็หัวเราะแผ่วเบา
“เจ้าเล่ห์นักนะ”
บ่นพึมพำ ก่อนจะทำความสะอาดให้จนเสร็จสิ้น โดยมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนริมฝีปากตลอด และเนื่องจากไม่อยากปลุกผู้หลับสนิท จึงเข้านอนบนผ้าปูเปียกชื้นด้วยหยาดกามรมณ์ทั้งๆ ที่กอดร่างบางเอาไว้
วันต่อมา ก็มีการจัดพิธีอภิเษกอย่างไม่เป็นทางการระหว่างองค์จักรพรรดิกับยูโซกังขึ้น หรือที่เรียกกันว่าพิธีแต่งตั้งตำแหน่ง เมื่อครั้นรับพระสนมอื่นเข้ามา ฝ่าบาทผู้รั้งฐานะพระสวามีไม่เคยเข้าร่วมพิธีเลย แต่ในครั้งนี้พระองค์ทรงเข้าร่วมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งยังแต่งตั้งตำแหน่งด้วยพระองค์เองอีก
ทรงมอบตำแหน่งสนมขั้นโซอีแก่ยูโซกัง และมอบตำหนักฮงฮวา ตำหนักที่อยู่ใกล้ตำหนักคอนรยุงที่สุดให้เป็นที่พำนัก
* * *
ความจริงแล้ว การมอบตำแหน่งให้โซกังไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะฝ่าฝันเสียงคัดค้านจนสำเร็จก็ใช้เวลาไปไม่น้อย และด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้กลายเป็นศัตรูกับเหล่าขุนนางหลายคน โดยเฉพาะมหาเสนาบดีฝ่ายปกครอง ผู้ปกครองกลุ่มเช กลุ่มอื่นตนไม่อาจรู้ แต่กับกลุ่มเชมันเป็นที่แน่ชัดอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะสถานะทาสธรรมดา ก็อาจจะมีสาเหตุอื่นอยู่ แต่มีเพียงแค่ขุนนางของกลุ่มเชเท่านั้นที่แสดงตนคัดค้านอย่างถึงที่สุด แน่นอนว่าพวกเขามีข้ออ้าง กล่าวว่าหากคำนึงถึงเรื่องทายาท การรับสนมชายเข้ามา แต่ไม่ยอมร่วมหอกับเหล่าพระสนมหญิง นับเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงส่งฎีกามาร้องขออย่างมากมาย
แน่นอนว่าจาฮอนคาดการณ์ไว้ว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว และเมื่อผู้คนเหล่านั้นทำตามสิ่งที่ตนคาดการณ์ไม่ผิดเพี้ยน เขาก็วาดยิ้มมีนัยยะขึ้นทันที
อันที่จริง การมอบตำแหน่งให้โซกัง และการมอบตำหนักไม่จำเป็นต้องผ่านฝ่ายใน
แม้สถานะเดิมที่เพิ่งสืบทราบจะไม่ได้สูงส่งถึงเพียงนั้น แต่สถานะก่อนกลายเป็นคนของตน โซกังก็คือทาสหลวง ทะเบียนทาสก็ยังไม่สมบูรณ์จนน่าใส่ใจ แต่อย่างไรก็ตาม ทะเบียนประทับตราขุนนางเจ้ากรมฝ่ายใต้ก็อยู่ในมือตนแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงถือเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าถึงแม้จะไม่มีทะเบียนนั้น อย่างไรเขาก็คือจักรพรรดิ ดังนั้น แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งให้ เจ้าตัวก็ไม่มีอำนาจจะปฏิเสธอยู่ดี ความรู้สึกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เป้าหมายหนึ่งเดียวคือเพียงครอบครองร่างกายเท่านั้น
แต่จาฮอนกลับฝ่าการคัดค้านมากมายของเหล่าขุนนาง เพื่อแต่งตั้งตำแหน่งสนมขั้นโซอีแก่ยูโซกัง เพียงเท่านั้นไม่พอ ยังถึงกับให้เข้าไปพำนักในตำหนักฮงฮวา สนมผู้ใดได้อาศัยในตำหนักนั้นล้วนนับว่ามีความพิเศษอย่างยิ่ง
เนื่องจากอุทยานด้านหลังตำหนักคอนรยุง เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าไปได้ หากมิใช่การเดินเล่นพร้อมองค์จักรพรรดิ เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีเพียงฝ่าบาทผู้เดียวที่สามารถผ่านได้ เมื่อเดินไปตามทางเดินที่ทำจากหินสลักของอุทยานไปเรื่อยๆ ก็จะปรากฏประตูบานหนึ่ง และมันคือประตูหลังของตำหนักฮงฮวานั่นเอง
ตำหนักฮงฮวาเชื่อมติดกับตำหนักคอนรยุง
เป็นสถานที่ที่องค์จักรพรรดิสามารถเสด็จไปพักผ่อน หรืออ่านตำรา ตำหนักฮงฮวาคือสถานที่เช่นนั้น
ดังนั้น ตั้งแต่อดีต ผู้ที่สามารถเข้ามาพำนักในตำหนักฮงอวาจะต้องเป็นสนมผู้ใกล้ชิดกับฝ่าบาทที่สุด ทว่าด้วยขึ้นชื่อว่าบุรุษ หรือไม่ก็ด้วยความพิเศษในการยืนอยู่จุดสูงสุดของอำนาจ บรรดาจักรพรรดิตั้งแต่อดีตกาล จึงไม่ได้มีการวางตัวสตรีหรือบุรุษเพียงหนึ่งเดียวใกล้ชิด ไม่เคยแสดงความรักใคร่ต่อใครเป็นพิเศษ ดังนั้น ก็เลยไม่เคยมีการยกตำหนักฮงฮวาให้เป็นที่พำนักของผู้ใดมาก่อน หากอนุญาตให้สนมได้เข้าพำนักในตำหนักฮงฮวาเพียงไม่กี่เดือน ก็เปรียบเสมือนการประทานผ้าแพรหรือแหวนหยกคู่แล้ว
ทว่า จักรพรรดิยังจาฮอนกลับประทานตำหนักฮงฮวาให้เป็นตำหนักของสนมยูโซอีตั้งแต่แรกเริ่ม เพียงเท่านั้นน่ะหรือ มิใช่เช่นนั้นหรอก ยังได้ประทานนามว่า ‘โซฮวา’ และทรงเขียนนามนั้นลงบนกระดาษซอนจีด้วยพระหัตถ์ ก่อนจะนำไปแขวนในตำหนักฮงฮวาด้วยพระองค์เองอีก ไหนจะทรงเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งตำแหน่ง ไหนจะประทานตำแหน่งและมอบจุมพิต ฝ่าบาททำทุกอย่างด้วยตนเองทั้งสิ้น จนทำเอาดวงตาของผู้คนทั้งหลายเบิกกว้างขึ้น
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ยูโซกังก็กลายเป็นสนมยูโซอี และมันก็ผ่านมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว หลังร่างบางได้รับพระราชทานให้พำนักอยู่ที่ตำหนักฮงฮวา ทว่าความเดือดเนื้อร้อนใจของเหล่าขุนนางยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง