(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย - ตอนที่ 3-7 เข้าหอ
การตอบสนองเช่นนั้นของโซกังนับเป็นการยั่วเย้า ทั้งๆ ที่เคยปฏิเสธด้วยคำพูดและภาษากายทั้งหมด เวลานี้กลับหน้าแดงแถมยังหอบหายใจ ฝ่าบาทผละกายถอยไปด้านหลัง ก่อนจะเพิ่มแรงรุกเข้ามาด้วยจังหวะที่รวดเร็วกว่าเมื่อครู่
“อ๊ะ ฝ่าบาท! อ๊ะ! อื้อ!”
มือเรียวที่เคยกำผ้าปูตั่งเตียงแน่นยื่นส่งไปทางอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ความกระสันซ่านทำให้สติของโซกังเลือนราง ความปรารถนาโจมตีประสาทการรับรู้ราวกับกำลังกัดกร่อนความนึกคิด ร่างบางเหยียดแขนค้างกลางอากาศ ภายในถูกจ้วงจู่โจมด้วยส่วนนั้นจนหลงลืมกระทั่งว่าตรงหน้าคือวรกายอันสูงส่ง ถึงได้กล้าจิกเล็บขยุ้มไหล่ขององค์จักรพรรดิ
“อ๊ะ! ฮึก!”
ตัวตนของฝ่าบาทจู่โจมอย่างหนักหน่วงเข้าสู่จุดที่กระทั่งตนก็ยังไม่รู้จัก ทุกครั้งที่ส่วนหัวอวบแน่นกระแทกกดลงตรงนั้น ร่างกายพลันหลุดออกจากการควบคุมของความนึกคิด โซกังแอ่นโค้งแผ่นหลังพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น มือที่เคยจิกไหล่เลื่อนไปเกี่ยวรั้งลำคอแกร่ง ทั้งยังกางเรียวขาโอบกอดกายอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ระวังท่าที
“อ๊ะ! อือ ฮึก!”
“เกาะแน่นอีก เจ้ารู้สึกดีสินะ”
“ไม่ได้ อ๊ะ! อา มันจะ…อื้ออ!”
วาจาไม่ได้กล่าวออกมาครบสมบูรณ์ดีก็จริง แต่เมื่อได้ฟังเท่านั้นก็เพียงพอให้ทำความเข้าใจได้ ร่างสูงยิ่งจ้วงขยับเคลื่อนสะโพกแรงยิ่งขึ้น แม้รู้สึกเหนอะหนืด ทว่าผนังด้านในกลับไหลลื่น ผละห่างราวกับอาการกระตุกแล้วโจนจ้วงเข้ามา ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความเป็นชายอย่างไม่มีลดลง
ทันทีที่ได้ยินว่าโซกังส่งเสียงอื้ออ้าออกมาในตอนท้ายพร้อมกับช่องทางด้านล่างบีบแน่น ฝ่าบาทกำลังหมกมุ่นกับความคิดเพียงหนึ่ง เนื่องจากไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนกลั้นการปลดเปลื้องห้วงอารมณ์หรือไม่ จุดเริ่มต้นของการกระทำนี้ช่างน่าอัปยศ แต่ก็เพียงพอให้คิดเช่นนั้น ดังนั้นจึงดึงร่างผู้ที่โอบรอบลำคอให้นอนลงและยกร่างตัวเองขึ้น
ขยับเข้าใกล้จนแนบชิดทุกส่วน บดขยี้ส่วนยอดถันชูชันด้วยสองมือ ทั้งยังขยับกระแทกช่วงเอวเข้าหาถึงสองครั้งจู่โจมกดลึกไปยังส่วนอ่อนไหว จุดอ่อนไหวรูปร่างทรงกลมขนาดเล็กถูกส่วนปลายบดเบียดไม่หยุด เขากระแทกช่วงเอวเน้นหนักยังทิศทางเดิมราวกับจะบดบี้ช่วงล่างให้ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว จนทำให้ส่วนปลายมนครูดผนังรอบด้าน
“อึก! อ๊าง!”
ร่างบางตื่นกลัวพลางแอ่นโค้งสะโพก ยอดอกหลังถูกรังแกอย่างดื้อดึงปูดนูนเด่นชัด และในที่สุดแกนกายก็ร่ำไห้ปลดปล่อยหยาดวสันต์ขาวขุ่นออกมา ขณะเดียวกันมันก็เป็นการปลดเปลื้องห้วงปรารถนา ผนังด้านในและช่องทางขมิบถี่พร้อมกับบีบรัดแน่น ด้วยความรุนแรงนั้นทำเอาเสียงครางหลุดออกจากปากของฝ่าบาทเช่นกัน
“ฮึก! อา”
เกือบจะปลดเปลื้องห้วงอารมณ์ตามเสียแล้ว แต่ถึงไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็หลงใหลภายในนี้จนแทบคลั่งด้วยสัมผัสอันคับแน่น
ตั้งแต่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง ฝ่าบาทคิดว่าภายในตัวของโซกังกลืนกินแกนกายของตนเข้าไปเฉกเช่นเดียวกับสตรี ความอ่อนนุ่มภายในยอดเยี่ยมพอให้นับว่าเป็นยงจู[1]ได้ทีเดียว
มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวอย่างมีสตินึกรู้อย่างแน่นอน ด้วยความกระสันซ่านจึงไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับร่างกายของตนกระทั่งแสดงท่าทีออกมาเช่นนี้ ทว่าระหว่างไร้สำนึกหรือกล้ามเนื้อภายในที่ผ่อนคลายอย่างโอนอ่อนต้อนรับผู้บุกรุกแต่โดยดี ยามบุกฝ่าเข้าไปด้วยกำลังมันจึงขยายเปิดออก และภายหลังช่องทางนั้นก็บีบรัดตนเอาไว้อย่างสุดกำลังโดยไม่รู้ตัวแล้ว
ช่วงสะโพกของโซกังขยับโยกไหวทั้งซ้ายขวาขึ้นลงเพื่อส่งมอบจุดสุดยอดของห้วงอารมณ์ ซึ่งเจ้าตัวไม่มีสตินึกรู้ด้วยซ้ำ
และเนื่องจากงดเว้นการร่ำเรียนบทการร่วมหอมาตลอด องค์จักรพรรดิผู้ไร้ประสบการณ์จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะไม่ทำให้บาดเจ็บ ดังนั้นเลยรุกล้ำด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด เพราะห่วงกังวลว่าร่างบางจะบาดเจ็บ
ทว่าขณะปลดปล่อยห้วงอารมณ์ โซกังก็ตอดรัดส่วนนั้นของเขาแน่นจนสะบั้นความข่มใจลงในคราวเดียว ท้ายที่สุดฝ่าบาทก็เริ่มบุกรุกเข้าไปภายในอย่างเต็มกำลัง ไม่อาจเทียบกับทุกอย่างก่อนหน้านี้
ร่างบอบบางโยกคลอนขึ้นลงอย่างแรง แผ่นหลังถูไถกับแท่นบรรทมตามแรงอารมณ์ สุดห้วงความกระสันซ่านไม่รับรู้กระทั่งความเจ็บปวด ยกแอ่นโค้งสะโพกราวกับคันศร สำนึกรู้ล่องลอยไร้จุดหมาย เหมือนจะเจ็บปวด ปวดแปลบและเมื่อยขบ แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรมันก็พัวพันกันยุ่งเหยิงไปหมดดังระลอกคลื่นยักษ์โถมซัดสาด เรียวขาตนที่โอบรัดรอบกายของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวนั้นอ้ากว้างขึ้นเสียจนยกสะโพกขึ้นลงได้ง่ายดาย
“อ๊ะ! อ๊ะ!! ฝ่าบาท อะ อึก!”
จากนั้นส่วนช่วงล่างพลันแข็งขืนขึ้นมาทันใด เจ้าตัวหวีดเสียงอ้อนวอนออกมาจนเกือบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้อง สะโพกโยกไหวตามจังหวะการขยับช่วงเอวของฝ่าบาทอยู่เนืองๆ ห้วงวสันต์ที่สัมผัสเมื่อครู่พอเทียบกับสิ่งนี้แล้ว มันไม่นับเป็นความกระสันด้วยซ้ำ
“อา อ๊ะ!! อึก!”
เสียงหวีดร้องของโซกังที่ไม่ใช่เสียงอ้อนวอน ทำให้ใบหน้าขันทีโช เหล่าองครักษ์ นางกำนัลและขันทีผู้น้อยที่ยืนรออยู่ด้านนอกประตูห้องบรรทมของตำหนักคอนรยุงต่างขึ้นสีจัด อาการกรีดร้องเสียจนหอบหายใจอึกอัก ทั้งยังร้องเรียกฝ่าบาทอยู่เรื่อยๆ ส่งผลให้ใบหน้าพวกเขาร้อนผ่าวตามอย่างไม่อาจเลี่ยง
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนกลับโล่งใจเสียมากกว่า แม้จะทรงมีสนมเอกอยู่ถึงสามคน รวมถึงบุรุษสตรีในวังทั้งหมดล้วนถือเป็นคนขององค์จักรพรรดิ ทว่าทรงข่มอารมณ์อย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เหล่านางกำนัลและขันทีที่สั่งสอนบทการร่วมหอแก่พระองค์ไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดยามนั้นออกมาจากปากแม้แต่เพียงนิดแม้จะต้องตาย ด้วยเหตุนั้นจึงมีข่าวลือว่าองค์จักรพรรดิมีปัญหาสมรรถภาพทางกาย แต่ยามนี้มันไม่เพียงไม่มีปัญหาใด แต่กลับนับว่าเป็นเลิศอีกด้วย ทำให้ผู้ปรนนิบัติร้อนรุ่มได้ถึงเพียงนี้ ย่อมนับว่าเป็นเลิศแล้ว
พวกเขาทั้งหมดล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ละคนต่างวาดรอยยิ้มราวกับยินดี ไม่ก็เขินอายพลางพยักหน้าเพียงเล็กน้อย
เหล่าผู้คนนอกประตู สัมผัสแน่ชัดว่าสมรรถภาพขององค์จักรพรรดิไม่ได้มีปัญหาใดๆ จากเสียงร้องก้องกังวาน ทว่าโซกังกลับแทบจะหมดลมไปจริงๆ และกำลังตะเกียกตะกายออกจากห้วงวสันต์อันหนักหน่วงที่ฝ่าบาทมอบให้
“อั่ก!!”
ไม่รู้ว่ากรีดร้องหรืออ้อนวอนจนสุดเสียงถึงเพียงใด เพราะสำนึกรู้หลุดลอยไปเรียบร้อยแล้ว แววตาเลื่อนลอยคล้ายตกอยู่ในสภาวะมัวเมาโดยสมบูรณ์ และเป็นเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ร่างเพรียวระหงส์อ่อนเปลี้ย แล้วขณะนั้นผู้อยู่เหนือหัวก็ปลดปล่อยห้วงวสันต์เข้ามาภายใน
ฝ่าบาทเกร็งกระตุกสักพักด้วยความกระสันซ่าน ภายหลังจากกล้ามเนื้อค่อยผ่อนคลายจึงผละจากกายโซกังอย่างระมัดระวัง ทันทีที่สิ่งแปลกปลอมที่เคยเติมช่วงล่างทอดถอนออก ของเหลวสีขาวขุ่นก็ไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางขยายเปิดอ้า มันไหลเชื่องช้าราวกับไม่ได้ตั้งใจจะทะลักออกมา จากนั้นช่วงล่างก็หดคืนดังเดิมโดยธรรมชาติ แตกต่างกับเจ้าของที่หมดแรงนอนแผ่ราวกับตุ๊กตาผ้าอยู่บนเตียง
เขาลองเขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา อีกทั้งลองแตะสัมผัสปรางแก้ม แล้วก็ต้องถลึงตาเบิกโพลงพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา กล่าวพึมพำอย่างเย้ยหยันตนเอง
“นี่มันช่าง… เหมือนข้าจะทำอะไรไม่ได้ความไปเสียแล้วสิ”
ทั้งๆ ที่เอ่ยอ้อนวอนทัดทานและแสดงท่าทางปฏิเสธอย่างชัดเจน ถึงกระนั้นตนก็ยังลงมือข่มเหงด้วยห้วงปรารถนาอันร้อนระอุ ถือเป็นครั้งแรกที่อวดอ้างอำนาจบีบบังคับผู้อื่น หากเป็นคณิกาของพวกทาส วันๆ หนึ่งย่อมจะต้องปรนนิบัติบุรุษมากมาย ทว่าเพียงร่วมหอกับเขาครั้งเดียวก็หมดสติไปเช่นนี้เสียได้ เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย
ไม่คิดว่าจะอ่อนแอเช่นนี้ และเนื่องจากรู้สึกดีจนมีความคิดหนึ่งนึกตำหนิตนเองเมื่อคิดจะหยุด ราวกับถูกบางสิ่งทำให้ลุ่มหลงมัวเมา ร่างสูงจึงแสดงความปรารถนาในตัวผู้หมดสติออกมาทางสายตาโดยไม่รู้ตัว
เวลาคล้อยเปลี่ยนเป็นยามดึกสงัด ความคิดผุดวาบคล้ายแสงส่องสว่าง เช่นเดียวกับคราบกามารมณ์แห้งกรังที่เจ้าตัวปลดปล่อยมันออกมาด้วยตนเองจนเปรอะเปื้อนบนผิวขาวกระจ่าง เส้นผมสีดำสนิทแผ่สยายกระจัดกระจายไปทั่ว เรียวขากางอ้าอย่างไม่เรียบร้อยปลุกปั่นความร้อนรุ่มได้เป็นอย่างดี จุดที่แสดงความกระหายเมื่อครู่หลบซ่อนอยู่ระหว่างแก้มก้นกลมกลึง ใบหน้าของโซกังยามสิ้นสติแปดเปื้อนด้วยหยาดน้ำตา ฝ่าบาทพลันตระหนักและประหลาดใจ เพราะสายตาของตนมักเบนไปทางส่วนล่างของอีกฝ่าย แม้จะไม่ได้ครอบครองเท่าที่ปรารถนา แต่หากได้ปลดเปลื้องความต้องการครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องอยากจมสู่ห้วงนิทราหรอกหรือ
“ช่างน่าประหลาดนัก”
แม้ว่าการเริ่มต้นห้วงกระสันด้วยอารมณ์จะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ทว่าสภาพตนยามนี้กลับแปลกประหลาดเสียยิ่งกว่า สายตาคอยกวาดไปยังจุดที่หยาดวสันต์คั่งค้างรินไหลออกมา ทั้งๆ ที่เพิ่งเสร็จสมไปเมื่อครู่ แต่ความปรารถนากลับพุ่งทะยานขึ้นมาอีกระลอกจากการมองสำรวจยูโซกังเท่านั้น แกนกายกระตุกไหว ทั้งยังเริ่มแข็งขืนขึ้นอีกครา
หลังจากจ้องมองส่วนล่างของตนแล้วก็เงยหน้าจ้องมองโซกัง แม้ได้เรียนรู้มาว่าการปลดเปลื้องอารมณ์กับผู้ไร้สติเป็นการกระทำของเหล่าคนเสเพล ทว่าสายตามันกลับคอยแต่เบือนไปทางร่างงดงามอยู่เรื่อย
สำนึกรู้อันสูงส่งกับกามารมณ์ต่ำชั้นกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ภายในพระวรกายล้ำค่าขององค์จักรพรรดิ ทว่าทันทีที่โซกังร้องครางแผ่วเบาพร้อมขยับเรียวขาจนช่องทางนั้นปรากฎชัด ณ วินาทีนั้นเขาก็ประสานมือกับกามารมณ์อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็กระทำไปแล้วครั้งหนึ่ง หากจะกระทำซ้ำเป็นหนที่สองก็ไม่น่าจะแตกต่างกันนัก อีกฝ่ายก็ไร้สติอยู่แล้วเช่นไรก็คงไม่อาจรับรู้ได้อยู่ดี
[1] ยงจู คำกล่าวเรียกอวัยวะเพศหญิงลักษณะหนึ่งจากทั้งหมด 14 ลักษณะ ซึ่งนับเป็นลักษณะอันยอดเยี่ยมที่สุด