(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย - ตอนที่ 10-3 ดวงอาทิตย์สาดแสงบนผิวน้ำ
[ด้วยความซื่อสัตย์กระหม่อมจึงเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา ด้วยยามนี้การคลังของวังหลวงเกิดเรื่องไม่ถูกต้องขึ้น ฝ่าบาททรงกระทำการอันไม่สมควร ภายหลังจากองค์รัชทายาทผู้มีพระปรีชาถูกลอบปลงพระชนม์ กระหม่อมผู้ต้อยต่ำจึงตระหนักได้ว่าคนผู้นั้นหมายมั่นจะครอบงำท้องพระโรง จึงตั้งใจจะบอกกล่าวเรื่องนี้ต่อพระองค์ ขอฝ่าบาททรงโปรดขับไล่เหล่าสตรีผู้มีแผนการปั่นป่วนความสงบ ให้หลงเหลือเพียงเหล่าสตรีฉลาดเฉลียวข้างพระวรกายด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมผู้ต้อยต่ำวอนขอจากใจจริง คยองยูล]
เมื่อบันทึกปกสีน้ำเงินเปิดออก ก็ปรากฏคำนำเช่นนี้เขียนไว้ด้วยลายมือหนักแน่น มีความรู้สึกแทรกในแต่ละตัวอักษร ซึ่งมองเห็นได้จากน้ำหนักอันสม่ำเสมอและคงที่ของการลากเส้น
หากข้ามไปยังย่อหน้าถัดมา ก็เป็นหลักฐานการกระทำของกียอนยอง มันได้รับการบอกเล่าโดยกำกับวันที่ของวันนั้นๆ บันทึกไว้ด้วย กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาคือใคร กลุ่มไหนตระกูลใด ท่ามกลางเนื้อความเหล่านั้น เนื้อความที่ดูจะสำคัญก็คือวันที่มหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ แพคมีกังกับกียอนยองติดต่อกัน ลอบมีสัมพันธ์สวาทกันจนเสียงออดอ้อนของนางได้ยินมาถึงด้านนอก เรื่องนั้นถูกบันทึกต่อเนื่องเป็นลำดับ
และหลังจากนั้นกียอนยองก็เป็นที่ถูกตาต้องใจฝ่าบาทจนได้ปรนนิบัติพระองค์ และถูกพาเข้าวังในวันรุ่งขึ้น ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งในทันทีทันใด
แม้กียอนยองจะอยู่ในวังหลวง ทว่านางกลับละเลยกฎของวังหลัง และลอบติดต่อกับบุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการอยู่หลายครา ไม่รู้ว่าตั้งใจจะกระทำการอันใด ทว่าสิ่งที่สำคัญก็คือหลังจากนั้นนางมีบันทึกการรักษาว่ากำลังตั้งครรภ์
เดิมทีบันทึกการรักษาของหมอหลวง ผู้อื่นจะไม่สามารถตรวจดูได้ตามใจชอบ แต่หากวินิจฉัยว่าอาการประชวรของฝ่าบาทเรื้อรังยาวนาน หรือบางทีอาการประชวรอาจถูกแทรกแซงจากภายนอก ก็สามารถร้องขอต่อหมอหลวงเพื่อขอดูบันทึกนั้นได้ มหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการบันทึกคำร้องขอจากการตรวจบันทึกการรักษา ด้วยสาเหตุของอาการปวดศีรษะเป็นครั้งคราวของฝ่าบาท หรืออาการฟั่นเฟือนชั่วครู่ เป็นต้น โดยบันทึกว่าปวดศีรษะเมื่อใด อาการฟั่นเฟือนนั้นยาวนานเพียงใด อีกทั้งมีความรุนแรงอย่างไร ทุกอย่างล้วนถูกบันทึกโดยละเอียด
มหาเสนาบดีพลาธิการทำการได้เทียบบันทึกนั้นกับวันร่วมหอจากฝ่ายใน ทั้งยังเสริมว่าตนยินดีจะรับโทษเพราะลักลอบสืบหาจากบันทึกการรักษาที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คืออาการที่ก่อให้ฝ่าบาทเกิดอาการฟั่นเฟือน เช่น ปวดศีรษะ อาเจียน ปวดท้อง ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดขึ้นในวันถัดจากการร่วมหอกับกียอนยอง กระทั่งเรื่องนี้ก็ยังบันทึกไว้ไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย
นอกจากนั้น มหาเสนาบดีพลาธิการยังระบุเกี่ยวกับเหตุการณ์พยายามวางยาพิษองค์รัชทายาท
ด้วยให้กำเนิดองค์ชายและคอยเลี้ยงดูในช่วงเวลาหนึ่ง ระหว่างที่จักรพรรดิองค์ก่อนเอาแต่ซุกอยู่ใต้กระโปรงสตรี กียอนยองก็ดูเหมือนละความสนใจจากการแสดงอำนาจ หลังจากองค์ชายยังจาโฮเติบโตขึ้นพอสมควร นางเริ่มเข้าๆ ออกๆ ห้องเครื่องบ่อยขึ้น จากนั้นก็เข้าๆ ออกๆ ฝ่ายตัดเย็บ
“อืม… ยอดเยี่ยมนัก”
จาฮอนเลิกอ่านบันทึก ถอนหายใจพลางพึมพำออกมา เขาวางพู่กันในมือลงบนจานฝนหมึก ละมือมากดนวดศีรษะปวดตึง ทั้งยังจ้องมองประตูไร้การเคลื่อนไหวอยู่ชั่วครู่ เนื่องจากทิ้งข้อความขอให้โซกังมาหาที่นี่หากตื่นแล้ว ดังนั้น เขาจึงคอยใส่ใจกับการเคลื่อนไหวด้านนอกประตู และยิ่งคิดถึงอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก
ด้วยเนื้อความในบันทึกช่วงนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง ยามนั้นโจ๊ก สำรับช่วงเที่ยงวันทำให้ช้อนเงินเปลี่ยนสี รวมถึงเคยเกิดอาการลิ้นเป็นอัมพาตหลังดื่มชาจากห้องเครื่อง แล้วยังพบเข็มจากอาภรณ์ที่ตัดเย็บใหม่จากฝ่ายตัดเย็บอีกด้วย
ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นฝีมือของกียอนยองนั่นเอง
ทั้งทำผิดกฎของวังหลวง ลอบติดต่อกับมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ หลังจากนั้นตัวตนของแพคมีกังก็เป็นที่ประจักษ์และสลักสำคัญขึ้นมา
จาฮอนค่อยๆ ขยับหมุนคอไปมาช้าๆ ช่วงไหล่เครียดตึงบ่งบอกให้รู้ว่าตนจดจ่ออยู่เป็นเวลานานเพียงใด ทว่าทันใดนั้นเขาก็เลื่อนสายตากลับไปยังบันทึกอีกครา
หลังจากการวางยาพิษยังจาโฮ ก็เป็นเนื้อหาของความขัดแย้งระหว่างมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการกับกียอนยอง ราวกับว่าเป็นจุดจบของบันทึกเล่มนี้ เพราะต่อจากหน้านั้นเป็นกระดาษเปล่าอยู่หลายแผ่น จาฮอนเองก็เข้าใจว่าจบลงแล้วเช่นกัน ทว่านั่นไม่ใช่จุดจบ
เปิดข้ามหน้าเปล่าไปช่วงหนึ่ง ก็เริ่มปรากฏตัวอักษรอีกครั้ง
โดยมีการบันทึกอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่มหาเสนาบดีปกครองแพคมีกังขโมยสมบัติล้ำค่าของวังหลวง จัดการความเป็นอยู่ของอาณาจักร ฟื้นคืนความสงบสุขของราษฎรและอาชีพของเหล่าชาวบ้าน การสนับสนุนของเหล่าบัณฑิต ทำวิธีใดมาบ้างถึงจะเติมเต็มยุ้งฉางของตนเองได้เช่นนี้
ด้วยมหาเสนาบดีพลาธิการตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง เขาจึงสัมผัสได้ถึงความยากลำบากอย่างยิ่งในการสืบหาข้อมูลต่างๆ คล้ายจะเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าเหตุใดแพคมีกังจึงวิ่งเต้นตามหาบันทึกเล่มนี้
เดิมทีผู้ที่มีความผิด ย่อมต้องใช้ชีวิตอย่างมีชนักติดหลัง คอยห่วงกังวลว่ายามใดยามหนึ่งจะมีดาบของใครสักคนมาจ่อหลังตน
จาฮอนพลันนึกถึงถ้อยคำของเหล่านักปราชญ์ในอดีตขึ้นมาได้ ก่อนจะเทความสนใจกลับไปยังบันทึกอีกครา
ส่วนท้ายสุดบันทึกคำขอโทษเกี่ยวกับการที่โควังยาถูกดึงมาพัวพันในเรื่องราวระหว่างตนกับมหาเสนาบดีฝ่ายปกครอง จนต้องโทษประหารทั้งๆ ที่ไร้ความผิดใดๆ และจบบันทึกด้วยถ้อยคำว่า แล้วพบกันอีกครั้งในโลกหน้า ไม่ว่าจะพบเจอกันในชาติใด ตนก็จะขอชดใช้ความผิดนี้อย่างแน่นอน
ก็เป็นการจบได้สมกับเป็นมหาเสนาบดีฝ่าพลาธิการ
คนผู้นั้นเคารพต่อหน้าที่ ต่อบ้านเมือง ดังนั้น จึงไม่เคยสนใจความนับถือโดยส่วนตัว ทั้งยังเป็นผู้มีความซื่อตรง ทว่าโดยส่วนตัวแล้ว ก็ถือเป็นแบบอย่างของผู้มีชีวิตเคร่งครัด
และด้วยเป็นเช่นนั้น โซกังจึงมีส่วนคล้ายคลึงเล็กน้อยกับความสัตย์ซื่อของท่านมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สุภาพนอบน้อมนัก แต่ก็ไม่เคยทำให้เขายุ่งยากลำบากใจ ทว่าหากต้องการของกำนัลหรือสิ่งใดบ้าง คงจะดีกว่านี้ แต่โซกังกลับกล่าวว่านอกจากตัวเขาแล้วก็ไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดอีก
กล่าวว่าแค่มีตัวเขาก็เพียงพอแล้วด้วยใบหน้าแดงซ่าน ช่างงดงามอย่างบอกไม่ถูก จะผ่านไปสิบปีหรือยี่สิบปี แม้จะถึงยามแย้มยิ้ม แล้วดวงตาจะปรากฏริ้วรอยผุดพราย แน่นอนว่าอีกฝ่ายจะยังคงงดงามอยู่เสมอ
“นั่นสินะ ข้าเป็นเอามากจริงๆ”
จาฮอนพลันตระหนักได้ว่าความคิดของตนหลุดลอยไปถึงโซกังอีกแล้ว จึงได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมหลุดหัวเราะ หากเผลอปล่อยความคิดเมื่อใด ก็มักจะหลุดลอยไปถึงอีกคนโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าปลายทางของความคิดล้วนเป็นยูโซกัง
ทว่ายามนี้จะทำเช่นนั้น เขายังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับโซกัง ให้โต้รุ่งทั้งคืนพร้อมกอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังได้ แต่ในความเป็นจริงกลับมีเรื่องมากมายทับถมพอๆ กับช่วงเวลานั้นจนต้องเจียดเวลาให้เพิ่มขึ้น
ในบันทึกลับปรากฏคำว่าบุรุษชุดดำอยู่หลายครั้ง และทุกๆ ครั้งก็จะเกิดเหตุการณ์บางอย่างในวังหลวง หลังจากคัดเลือกเนื้อหาส่วนนั้นออกมาทั้งหมดแล้ว เขาก็สั่งให้เรียกเหล่ามือสังหารยาอึมมาไถ่ถามเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นทีละคน ต้องสอบถามว่าสามารถให้การ ณ ลานไต่สวนเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้หรือไม่ รวมถึงซักถามเกี่ยวกับตำแหน่งภายหลังของผู้คนเหล่านั้นด้วย
จาฮอนปิดบันทึกลับของมหาเสนาบดีฝ่ายพลาธิการหลังจากเปิดหน้าสุดท้ายค้างไว้ ก่อนจะดันไปด้านหนึ่งของโต๊ะ จากนั้นก็กางกระดาษสำหรับใช้จดบันทึกลงตรงหน้า หันไปสั่งเอ่ยขันทีโชที่คอยยืนเฝ้าอยู่ข้างกายเสมอ
“ส่งคนไปที่ตำหนักฮงฮวา ตรวจดูว่าโซอีตื่นหรือยัง แล้วสภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง สอบถามว่าต้องการหมอหลวงหรือไม่แล้วกลับมารายงานข้า”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“จากนั้นก็ส่งคนไปยังตำหนักคอนรยุง แจ้งว่าข้าจะเข้าไปที่นั่น พาคนมาพบข้าที่ห้องอักษร อือ บางทีอาจจะเป็นที่สะดุดตา จัดการพวกเขาเปลี่ยนมาสวมชุดองครักษ์ฮวังรยงเสีย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีโชเดินออกไปตรงทางเข้าแล้วเคาะลงบนบานประตูอย่างไม่แรงนัก เมื่อประตูเปิดออกก็ก้าวออกมาด้านนอกทันที บริเวณด้านนอกไม่ได้มีเพียงแค่เหล่านางกำนัลคอยเปิดปิดประตูเท่านั้น ยังมีเหล่าข้ารับใช้ผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งคอยประจำการอยู่ตลอดเวลา ขันทีโชชี้ไปยังคนผู้หนึ่งแล้วเอ่ยสั่ง
“เจ้าจงไปยังตำหนักฮงฮวา ไถ่ถามจากตรงด้านหน้าประตูว่าโซอีมามาทรงตื่นบรรทมหรือยัง หากทรงตื่นบรรทมแล้วก็จงรายงานว่าฝ่าบาทให้มาสอบถามว่าทรงต้องการหมอหลวง หรือเจ็บป่วยที่ใดหรือไม่ แม้ว่าจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่ก็ห้ามเข้าไปด้านในอย่างเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับท่านใต้เท้า”
จากนั้นก็เปลี่ยนคนแล้วออกคำสั่งอีกครั้ง
“ส่วนเจ้าจงไปยังตำหนักคอนรยุง แจ้งแก่องครักษ์ฮวังรยงที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าว่าฝ่าบาทส่งเจ้ามา และมีรับสั่งให้คนเหล่านั้นผลัดเปลี่ยนเป็นชุดองครักษ์ แล้วฝ่าบาทจะเสด็จไปยังห้องอักษรเพื่อพบปะทีละคน”
“ขอรับท่านใต้เท้า”
เมื่อสั่งการคนทั้งสองเสร็จสิ้นแล้ว ขันทีโชจึงกลับเข้ามาข้างในอีกครั้ง คอยเฝ้ารับใช้อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ส่วนจาฮอนก็ยังจดจ่ออยู่ในความคิด ขณะไล่ดูบนกระดาษแต่ละส่วนภายในบันทึกลับครู่หนึ่ง ทันทีที่แสดงความว้าวุ่นออกมา เขาก็ขยำกระดาษเปล่าแล้วจุ่มลงจานฝนหมึก ก่อนจะเทน้ำหมึกที่เหลือลงในถ้วยที่วางอยู่ด้านหนึ่ง จากนั้นก็เทจากถ้วยเติมลงในจานฝนหมึกอีกครั้ง สูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็ค่อยๆ เริ่มฝนหมึก โดยปกติแล้วถึงจะไม่ได้ฝนหมึกด้วยตนเอง แต่การฝนหมึกก็มีส่วนช่วยทำให้จิตใจสงบลงได้
เคลื่อนขยับอย่างใจเย็น ทั้งสัมผัสจานฝนหมึก วาดวงกลมที่มีกำหนดตามขนาดกระดาษ พอได้ยินเสียงฝนหมึก จิตใจก็ค่อยๆ สงบลง
ภายในบันทึกลับบรรจุความโลภอันไม่สิ้นสุดของมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ แม้จะไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ แต่คนผู้นั้นกลับต้องการกุมอำนาจอันยิ่งใหญ่เฉกเช่นจักรพรรดิ การฉ้อฉลทั้งหลายถูกบันทึกเอาไว้โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้จะมีการกระทำอันชั่วช้าของผู้อื่นรวมอยู่ด้วย แต่ผู้รวบรวมคนเหล่านั้นและทำการเคลื่อนไหวก็คือมหาเสนาบดีฝ่ายตุลาการ กล่าวคืออีกฝ่ายละทิ้งซึ่งจรรยาในอำนาจและทรัพย์สมบัติ
จาฮอนฝนหมึกอย่างช้าๆ ขณะรอเผชิญหน้ากับเหล่ามือสังหารยาอึม คอยกำชับย้ำแล้วย้ำอีกกับตนเองว่าห้ามทำน้ำเสียงวางอำนาจ พยายามทำจิตใจให้สงบเช่นนั้นอยู่ครู่ จากนั้นจึงออกจากตำหนักอุนฮยอนตรงไปทางตำหนักคอนรยุง ขยับก้าวเดินโดยคงไว้ซึ่งความสง่างามต่างจากยามไปตำหนักฮงฮวา จนเมื่อใกล้ถึงตำหนักคอนรยุงจึงเกือบจะสามารถกลับคืนสู่ความสงบนิ่งได้
เขาเข้าไปภายในห้องอักษร ส่งข้ารับใช้ออกไปแจ้งให้นำตัวมือสังหารยาอึมมาพบตนทีละคน