เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 291 ขอร้องเจ้าล่ะ หลอกใช้ข้าต่อไปได้หรือเปล่า
เขาเผชิญกับความไร้เยื่อใยและเย็นชาของนางโดยมิทันเตรียมตัวเลยสักนิด
เสี้ยวเวลานี้เอง เขาคล้ายกับรู้สึกว่าตัวเองฟังผิดไป
น้ำเสียงน่าฟังเบาสบายของเขา ยามนี้สั่นไหวเล็กน้อย “เยี่ยเม่ย เจ้าจะพูดว่าอะไรกันแน่”
เขาได้ยินเส้นเสียงแหบพร่าของตน
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่รู้เลยว่า ความรู้สึกประเภทหนึ่งจะเจ็บปวดได้ถึงปานนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นปีนั้นที่ถูกทรมานทุบตีร่างกาย เขาก็ไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวดเสียดแทงใจเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่าเสี้ยวนาทีถัดไป น้ำตาพลันจะไหลริน ราวกับว่าเสี้ยวนาทีถัดไปหัวใจจะเจ็บปวดจนหยุดเต้น
นางได้ยินเสียงสั่นไหวของเขา ทั้งเห็นความเจ็บปวดในดวงตาเขา นางกำหมัดแน่น ความจริงหัวใจนางเจ็บไม่น้อยกว่าเขาเลย
แต่สุดท้ายนางต้องใจแข็ง ล้วงป้ายหยกครึ่งซีกออกจากแขนเสื้อส่งให้เขา “สิ่งนี้ ข้าคืนให้ท่าน!”
เขาก้มหน้าลง มองป้ายหยกในเรียวนิ้วของนาง มองสิ่งที่เป็นเหมือนสัญญารักของพวกเขา สุดท้ายก็กำหมัดแน่น
ดวงตาร้ายกวาดมองสตรีเบื้องหน้า เค้นคำพูดลอดไรฟันออกมาทีละคำ “เยี่ยเม่ย ไม่ว่าเจ้าเป็นเช่นนี้เพราะอะไร แต่ของสิ่งนี้ ข้าไม่รับกลับไปแน่ !”
ข้าไม่รับกลับไป
เสียงนี้แหบพร่า เขาพยายามทุ่มเทพลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างถึงที่สุด
“อย่างนั้น…” เยี่ยเม่ยเลิกคิ้วยิ้มออก พลิกฝ่ามืออีกครั้งหนึ่ง หยกชิ้นนั้นตกลงจากมือนางร่วงสู่พื้น “ข้าก็คงได้แต่ทำให้มันแตกแล้ว”
“เพล้ง!”
ป้ายหยกครึ่งซีกแตกออก เช่นเดียวกับขลุ่ยหยกแดงแตกกระจายกลายเป็นขยะอยู่บนพื้น
ในที่สุดเขาก็โมโห ยื่นมือออกไปกุมมือนางอย่างเต็มแรง น้ำเสียงที่น่าฟัง ยามนี้ได้ยินแล้วเย็นเยือกถึงที่สุด “เยี่ยเม่ย พอแล้ว! เจ้าเป็นอะไรกันแน่ ในเมื่อคิดล้อเล่น ก็ต้องมีขอบเขต ต่อให้เจ้าอยากให้ข้าตาย ก็ต้องให้ข้าตายอย่างกระจ่างแจ้งด้วย!”
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ไฉนหลังจากนางออกไป กลับมาถึงได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้
นับตั้งแต่นางจากไปโดยไม่ล่ำลา เขาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเลวร้ายรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้มาก
เยี่ยเม่ยมองมือที่กุมข้อมือนางแน่น ออกแรงกระชากมือตัวเองออกมา เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ข้าไม่เป็นอะไร ท่านก็คิดเสียว่าข้ารักคนอื่นไปแล้ว หรือคิดเสียว่าตั้งแต่แรกข้าก็หลอกใช้ท่านเพื่ออำนาจทางทหารของเป่ยเฉินก็ได้”
สายตาโกรธขึงของเขาจับจ้องใบหน้าไร้ความรู้สึกของสตรีตรงหน้า ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
เขากดเสียงต่ำลง ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง นัยน์ตาร้ายมองนางด้วยความสงสัย “ข้าไม่เชื่อ!”
เขาไม่เชื่อ หัวใจเต้นระส่ำกับความอบอุ่นในตอนนั้นคือของปลอม เขาไม่เชื่อว่า คำพูดที่นางเอ่ยกับเขาก่อนหน้า รวมถึงคำสัญญาคือคำลวง
เขาไม่เชื่อ!
“ข้าไม่สนว่าท่านเชื่อหรือไม่!” เยี่ยเม่ยเอ่ยด้วยความเย็นชา กล่าวต่อว่า “สรุปแล้ว วันนี้อำนาจทางทหารชายแดนอยู่ในมือข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่มีทางส่งมอบคืนให้ท่าน เว้นแต่ท่านฆ่าข้าซะ! จริงสิ ข้ารู้ว่า ยามนี้ท่านทนสังหารข้าไม่ได้ เพราะว่าท่านรักข้าแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยน! ตอนนี้ท่านเข้าใจกระจ่างหรือยัง นับตั้งแต่ต้น ข้าคิดอยากได้อำนาจทางทหารเท่านั้น อีกอย่าง…เมื่อได้ใจของท่าน ท่านก็ไม่มีทางลงมือสังหารข้า! ข้าไม่สนว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้”
เห็นนางสีหน้าเย็นชา สายตามองเขายังแฝงไปด้วยความเกลียดชังสายหนึ่ง
ยามนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอดรนทนไม่ไหวอีก ยื่นมือออกไปปิดตานาง คิดบดบังแววตาเย็นชาไร้ใจของนาง ทั้งยังบดบังความรังเกียจที่มีต่อเขาทางสายตา
เขารู้สึกว่าเลือดกำลังไหลออกจากหัวใจตน ในนาทีนี้เสียงแหบแห้งของเขาเอ่ยเบาๆ ว่า “เยี่ยเม่ย คำพูดของเจ้า เยี่ยนไม่เชื่อเลยสักคำ ต่อให้เจ้ายืนยันว่าเป็นความจริง ต่อให้เจ้าหลอกใช้ข้าจริงๆ อย่างนั้น…ขอร้องเจ้าล่ะ ช่วยหลอกใช้ข้าต่อไปได้หรือไม่”
ต่อให้เป็นเพียงการหลอกใช้
ต่อให้เป็นเพียงการหลอกใช้
ก็ยังดีกว่าสูญเสียนางไปเช่นนี้
เขาใช้คำว่า ‘ขอร้อง’ นี่ถือเป็นครั้งแรกในที่ชีวิตเขาน่าสังเวชเพียงนี้ ยินยอมกดตนเองให้ต้อยต่ำเท่าฝุ่นดินบนพื้น เฝ้าหวังจะได้ใจนางกลับมา หรือถึงไม่ได้ใจกลับมา มีแต่การหลอกใช้ต่อไปก็ยังดี
เยี่ยเม่ยสะอึกไป โชคดีที่เขาใช้มือปิดตานางไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นกระบอกตาแดงก่ำของนางในยามนี้
นางรีบหลับตาลงสะกดอารมณ์ของตน นางเพียงรู้สึกปวดใจ สงสารเขา และสงสารตัวเอง
เพราะอะไร สวรรค์ยินยอมให้นางมีชีวิตอีกครั้งกลับต้องกลั่นแกล้งนางเช่นนี้ด้วย
นางกับเขาชั่วชีวิตนี้คงคลาดกันแล้วใช่ไหม
ระหว่างที่เยี่ยเม่ยสะกดข่มอารมณ์ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเองก็เอ่ยปากตามใจตัวเอง น้ำเสียงน่าฟังของเขาแหบพร่าอย่างถึงที่สุด “เยี่ยเม่ย เยี่ยนยังช่วยเจ้าทำอะไรได้มากมาย ซ้ำยังชิงอำนาจทางทหารมาให้เจ้าได้อีกมาก ทั้งยังช่วยให้เจ้าได้ตำแหน่งอ๋อง แม้กระทั่ง…ช่วยให้เจ้าได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการ คุณค่าในการหลอกใช้เยี่ยนยังมีมากมายกว่าที่เจ้าคิดนัก ต่อให้เป็นการหลอกใช้ ก็ขอเชิญเจ้าหลอกใช้ให้นานอีกนิด ได้หรือเปล่า”
ต่อให้จะต้องจบความสัมพันธ์ลง ก็ไม่อาจจบลงตอนนี้
ขอเพียงยืดเวลาอีกนิด ต่อให้เป็นวันเดียว…ก็ยังดี
เมื่อเอ่ยออกไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหัวเราะเบาๆ เอ่ยเนิบๆ ว่า “ต่อให้อยากถีบส่งข้าในครั้งเดียว ก็ต้องรอจน…หลอกใช้ข้าจนถึงหยดสุดท้ายก่อน ถึงจะคุ้ม เจ้าว่า…ถูกไหม”
น้ำเสียงเขาทั้งปรึกษาแกมขอร้อง จ้องมองสตรีตรงหน้าเงียบๆ เขารู้อยู่ในใจว่า ตัวเองไม่อยากวางมือจากบ่าบอบบางนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คิดวางมือ
ในเวลานี้
เยี่ยเม่ยปัดมือที่บดบังสายตานางออก
เสี้ยวเวลานี้ ดวงตาเย็นชาของนางคล้ายกับหิมะหมื่นปีที่ไม่ละลาย จ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ฝืนตัวเองเอ่ยว่า “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านจำเป็นต้องทำตัวน่าอนาถขนาดนี้เชียวหรือ ข้าพูดถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนท่านยังรบเร้าไม่เลิกรา ท่าทางของท่านในยามนี้น่าเกลียดถึงเพียงไหน ท่านรู้ไหม องค์ชายสี่ของราชสำนักเป่ยเฉินทั้งคน น่าสมเพชต้อยต่ำราวสุนัข ท่านไม่มีแม้กระทั่งศักดิ์ศรี ยอมปล่อยมืออย่างองอาจผ่าเผยบ้างไม่ได้หรือไง”
เมื่อเอ่ยออกไป นางในยามนี้คล้ายกับเห็นกระบอกตาแดงเรื่อของเขาในพริบตา
เยี่ยเม่ยไม่เคยคิดเลยว่า คำพูดร้ายกาจจะเอ่ยออกจากปากตน แต่…ต้องทำให้เขาตัดสินใจวางมือตั้งแต่ตอนนี้ อย่างนั้น…สำหรับพวกเขาทั้งสองคน บางทีอาจเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เพราะยิ่งผ่านไปนานเข้า ระหว่างพวกเขาก็ยิ่งยากเข้าใจ ยิ่งเจ็บปวด
“เยี่ยเม่ย…” เขาเค้นคำพูดออกมา ทว่าพูดไม่ออก จับจ้องมองใบหน้าเย็นชาของนาง กำหมัดแน่น
ต่ำต้อยไม่อาจสู้สุนัขได้หรือ
เขาพ่นคำพูดออกมา เยี่ยเม่ยกลับถอนสายตาออกจากแววตาเขา ความจริงนางก็กลัว หากพูดต่อไป นางอดทนยืนหยัดไม่ไหวอีก ไม่อาจเย็นชาไร้ใจต่อเขาได้อีก
นางหลุบตา หมุนกายเตรียมจากไป เอ่ยว่า “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน อย่างแสดงท่าทางไม่ยอมปล่อยข้าอย่างน่ารังเกียจเช่นนั้น ทำให้ข้าดูแคลนท่าน!”
พูดจบ นางก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
เขาพลันยื่นมือออกคว้าข้อมือนางไว้ เขาออกแรงไม่ยอมให้นางขัดขืนหลุดไปได้ ในเวลาเดียวกันเยี่ยเม่ยกัดฟัน ทำใจอำมหิตล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ แทงใส่หัวใจเขาอย่างแรง!