เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 202 เจ้าแต่งงานกับข้า เขาก็จะไม่ตาย
เยี่ยเม่ยเข้ามาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดดุดัน คนทั้งหมดต่างมองอย่างหวาดๆ
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ดึกดื่นขนาดนี้แล้วเป่ยเฉินอี้ยังไม่เข้านอน เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะที่มีกระดานหมากวางอยู่ ทั้งในมือเขายังถือหมากสีดำไว้ตัวหนึ่ง เป่ยเฉินอี้หันข้างมองเยี่ยเม่ยที่หน้าประตู
ภายใต้แสงเทียน รัดเกล้าทองบนผมเขาเปล่งประกายเงาวับ ที่มุมด้านหลังรัดเกล้าเป็นเส้นไหมทองเกี่ยวรัดกับเส้นผมดำ ยิ่งแสดงออกถึงความสูงศักดิ์เกินใครของเขา ดูวิจิตรงดงามไร้ที่ติ
ดวงตาเรียวยาวหรี่ลงมองเยี่ยเม่ยที่เปียกปอนไปทั้งร่าง เส้นเสียงทุ้มของเขาเอ่ยตามมาว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยมาหาข้ายามดึกเช่นนี้ มีเรื่องอันใดกัน ต้องการให้เป่ยเฉินอี้รับใช้อะไรหรือ”
“อย่าเสแสร้งเลย” เยี่ยเม่ยไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำ เอ่ยวาจาไร้สาระ
นางสาวเท้าสวบๆ เข้าไปเบื้องหน้าเป่ยเฉินอี้ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร จ้องมองกระดานหมากด้านหน้าเป่ยเฉินอี้
หญิงสาวกวาดตามองสถานการณ์บนกระดานหมาก คล้ายกับสถานการณ์ของชายแดนในยามนี้ไม่มีผิด
บุรุษผู้นี้เป็นยอดฝีมือในการเดินหมากจริงๆ คนคนเดียวกลับวางหมากเช่นนี้ออกมาได้
เยี่ยเม่ยถอนสายตากลับ จ้องมองบุรุษเบื้องหน้า “บอกที่อยู่ของจิ่วหุนมา อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ”
ระหว่างเอ่ยคำพูดนี้ มือของนางก็จับอยู่ที่พัดข้างเอวแล้ว
เป่ยเฉินอี้กลับคลี่ยิ้มออก โยนหมากในมือลงในที่ใส่หมาก เงยหน้ามองเยี่ยเม่ย
สายตาสูงศักดิ์ของเขาเผยความเย็นเยือกทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทง แววตาเย็นชาทว่าลุ่มลึกนั้นมองที่ใบหน้าเยี่ยเม่ย “ทำไมเจ้าถึงคิดว่า เรื่องที่เกิดกับจิ่วหุนเกี่ยวข้องกับข้าด้วย”
“หรือท่านคิดจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับท่าน” เยี่ยเม่ยย้อนถาม สายตานิ่งตั้งใจสังเกตสีหน้าของเป่ยเฉินอี้
เป่ยเฉินอี้ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ แสดงออกถึงความลุ่มลึกเจ้าเล่ห์ “เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่ ไม่สู้แม่นางเยี่ยเม่ยนั่งลง เดินหมากตานี้กับข้า เป่ยเฉินอี้ย่อมบอกคำตอบกับเจ้าแน่”
“อย่าคิดจะถ่วงเวลา ข้าไม่มีความอดทนมากนัก” เยี่ยเม่ยปฏิเสธคำชวนของเขาอย่างตรงไปตรงมา
หากเวลานี้จิ่วหุนยังถูกไล่สังหาร ตัวนางนั่งเดินหมากอยู่ที่นี่ ไม่เท่ากับพลาดโอกาสในการช่วยเขาไปหรอกหรือ
เป่ยเฉินอี้ถูกปฏิเสธเช่นนี้กลับไม่โมโห ซ้ำคลี่ยิ้มออกมา ย้อนชมเยี่ยเม่ย “แม่นางเยี่ยเม่ยช่างฉลาดนัก ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ของเป่ยเฉินอี้ กลับถูกเจ้าเปิดโปงอย่างง่ายดาย”
เยี่ยเม่ยพลันแววตาวาวโรจน์ ตระหนักอะไรบางอย่างได้จากคำพูดนี้
สายตามองเป่ยเฉินอี้ตรงหน้า “อย่างนั้นคือจิ่วหุนยังไม่ตกอยู่ในกำมือท่านหรือ ยามนี้ท่านกำลังรอข่าวสารจากนักฆ่ากลุ่มนั้นสินะ”
หากไม่เป็นเช่นนี้ เป่ยเฉินอี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แผนถ่วงเวลากับนางแล้ว
ครั้นเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา ประกายยิ้มแย้มในตาของเป่ยเฉินอี้ยิ่งชัดเจน แววตาลุ่มลึกของเขากวาดมองเยี่ยเม่ย “การยอมรับว่าตัวข้าใช้แผนถ่วงเวลา ก็เท่ากับต่อให้เจ้าก่อนก้าวหนึ่ง แม่นางเยี่ยเม่ย สถานการณ์ที่ชายแดนเริ่มปะทุแล้ว เพื่อคนข้างกายของเจ้า เจ้าสมควรเลือกจุดยืนเสียที”
คำพูดของเป่ยเฉินอี้คำเดียว เอ่ยจุดสำคัญออกมาสามอย่าง
ประการแรก เป็นการยอมรับว่าการคาดเดาของเยี่ยเม่ยถูกต้อง จิ่วหุนยังไม่ถูกจับ
ประการที่สอง แสดงออกว่าเมื่อครู่เขาจงใจเผยพิรุธออกไปในคำพูด ทำให้เยี่ยเม่ยเดาได้ว่า จิ่วหุนยังไม่ถูกจับ ต่อให้เขากับเยี่ยเม่ยเดินหมากด้วยกัน ก็ยอมต่อให้นางก่อน
ประการที่สามก็คือข่มขู่ให้เยี่ยเม่ยเลือกจุดยืนของตน
เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินอี้ แววตาเย็นเยียบเต็มไปด้วยจิตสังหารจ้องดวงตาเขา “ตอนนี้ท่านกล้าต่อให้ข้าก้าวหนึ่ง ไม่กลัวว่าสุดท้ายจะพ่ายแพ้ให้ข้าหรือไง”
เป่ยเฉินอี้ผู้นี้เริ่มเปิดฉากต่อสู้แล้ว เขากลับอ่อนข้อให้นางง่ายๆ ยอมรับว่าเป็นแผนถ่วงเวลา ซ้ำยังบอกนางว่าจิ่วหุนยังไม่ถูกจับ
ควรบอกว่าเขาเชื่อมั่นตัวเองเกินเหตุ หรือบอกว่าเขา…ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยสักน้อยกันแน่
บรรยากาศเปลี่ยนไปดุเดือดขึ้น
เป่ยเฉินอี้ฟังคำเยี่ยเม่ยไม่คัดค้าน กลับลูบลายปักสีแดงเข้มบนแขนเสื้อตัวเองเบาๆ “ต่อให้เจ้าสามก้าวแล้วจะเป็นอย่างไร แม่นางเยี่ยเม่ยเดินมาถึงจุดนี้ เป่ยเฉินอี้คิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจแล้วว่า หมากกระดานนี้ ข้านำเจ้าไปหลายก้าวแล้ว”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เยี่ยเม่ยเงียบไป
เป่ยเฉินอี้เอ่ยคำพูดชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้…นี่เป็นการต่อกรของเขากับนาง ในระหว่างที่นางยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ เขาก็ชิงเปิดฉากก่อนแล้ว อีกทั้งเตรียมการไว้หลายก้าว ดังนั้นเขาไม่ใส่ใจก้าวแรกของนางเลยสักน้อย
ถึงกระทั่งยอมให้นางสามก้าวโดยไม่ใส่ใจ
อย่างนั้นเขาวางแผนไว้ล่วงหน้าไปกี่ก้าวแล้วกันแน่
เยี่ยเม่ยพลันรู้สึกตะลึง มองใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติอีกครั้ง รวมถึงความสูงศักดิ์และเย็นชาที่ฉายออกมาจากหว่างคิ้ว ทำให้นางรับรู้ถึงความอันตราย
ถูกแล้ว บุรุษผู้นี้อันตรายมาก การประมือกับเขา พลาดก้าวเดียวเท่ากับพ่ายแพ้ทั้งกระดาน
แม้กระทั่งในยามที่เจ้าไม่ทันรู้ตัว ก็อาจจะถูกเขาวางหมากนำไปหลายก้าวแล้ว
เยี่ยเม่ยหลับตาลง สูดลมหายใจ รู้ดีว่ายามนี้หาใช่เวลามาโมโหเป่ยเฉินอี้ ความปลอดภัยของจิ่วหุนมาเป็นอันดับแรก
นางสะกดความเดือดดาลในใจลง มองเป่ยเฉินอี้ ถามว่า “ดังนั้นที่ข้ามาหาท่านในยามนี้ ท่านก็คำนวณได้อย่างนั้นหรือ”
“ไม่ผิด” เป่ยเฉินอี้ยอมรับตามสัตย์จริง
เสียงเขาเพิ่งจะสิ้นสุดลง เยี่ยเม่ยก็ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ พุ่งเข้าใส่ใบหน้าเป่ยเฉินอี้
ในขณะที่มีดสั้นกำลังจะกรีดถูกใบหน้าเป่ยเฉินอี้
อี้อ๋องไม่ขยับเลยสักนิด ดวงตาเรียวยาว มองสตรีเบื้องหน้า เอ่ยเสียงเนิบออกมาประโยคหนึ่ง “มีดเล่มนี้กรีดลงมา แม่นางเยี่ยเม่ยเคยคิดถึงผลลัพธ์บ้างหรือไม่”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา มีดของเยี่ยเม่ยพลันหยุดชะงักหน้าเขาพอดี ทิ้งระยะห่างไว้ไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรก็จะแทงถูกใบหน้าเขาแล้ว
ส่วนเยี่ยเม่ยในยามนี้ค่อยสงบลง
ถูกแล้ว เป่ยเฉินอี้ยอมรับว่าเขาคาดคำนวณได้ อย่างนั้น…เขาย่อมไม่มีทางไม่เตรียมการ หากมีดของนางแทงลงไปจริง
ในขณะใช้ความคิด
เป่ยเฉินอี้จับข้อมือนางไว้ ดวงตาเรียวจ้องเยี่ยเม่ย เสียงหนักแน่นเอ่ยว่า “ขอเพียงเจ้าแทงลงมา ไม่ว่าคืนนี้เจ้าตายหรือข้าตาย จิ่วหุนก็ไม่อาจมีชีวิตรอดแล้ว อย่างไรเสียสภาพร่างกายของเขา เจ้าก็คงจะรู้ดี”
“พูดให้ชัดเจน” เยี่ยเม่ยยังไม่เก็บมีดสั้น สายตาเย็นเยียบมองใบหน้าเป่ยเฉินอี้
เป่ยเฉินอี้ยิ้มคล้ายไม่ใส่ใจ “เพราะว่าขอเพียงแม่นางเยี่ยเม่ยลงมือกับข้า เช่นนั้นคนที่ไล่สังหารจิ่วหุนก็จะมีมากขึ้นอีกหลายร้อยคน อีกทั้งแม่นางเยี่ยเม่ยก็จะพัวพันกับข้าอยู่ที่นี่เพราะเรื่องนี้ เมื่อออกไปไม่ได้ ก็ไม่อาจช่วยเหลือจิ่วหุนได้ ลองคิดดูอีกที แม่นางเยี่ยเม่ยลองเดาดู จากสติปัญญาของเป่ยเฉินอี้ ข้าจะไม่รู้ทิศทางที่จิ่วหุนหนีไปเชียวหรือ”
ครั้นเขาเอ่ยออกมา เยี่ยเม่ยก็เย็นวาบไปทั้งร่าง
เขากำลังขู่นาง ขอเพียงนางลงมือ เขาก็จะให้คนนับร้อยมุ่งไปฆ่าจิ่วหุน เขาถึงกับบอกนางว่า เขารู้ทิศทางที่จิ่วหุนหนีไป
เยี่ยเม่ยไม่กล้าเสี่ยง บุรุษผู้นี้ฉลาดมาก หากเขาคาดเดาทิศทางที่จิ่วหุนหนีไปได้จริงๆ…
เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจลึก จ้องเป่ยเฉินอี้ “ทำอย่างไร หมากตานี้ท่านถึงยอมรามือ”
เป่ยเฉินอี้หัวเราะเสียงต่ำลง เอ่ยจริงจังว่า “เจ้าแต่งงานกับข้า เขาก็จะไม่ตาย”