เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 191 เยี่ยนโมโหอย่างมากและแน่วแน่ด้วย
เอ๋?
เยี่ยเม่ยชะงักงัน
ซือหม่าหรุ่ยมองจิ่วหุนด้วยความวุ่นวายใจ ทั้งมองซินเยว่เยี่ยนที่วันๆ เอาแต่คิดจะพาน้องสะใภ้กลับไปด้วยความว้าวุ่น
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงพูดความจริง “ถึงพื้นฐานของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะล้ำลึกมาก แต่กำลังภายในขั้นหนึ่ง ใช้จนหมดภายในเวลาอันสั้น สำหรับพื้นฐานของใครก็ตามเป็นการทำลายอย่างหนึ่ง เมื่อครู่เขาไม่กระอักเลือดออกมา หรือว่าสลบไป ข้าก็ตกใจมากแล้ว”
เยี่ยเม่ยตะลึงงันไปแล้ว
นางเพียงจำได้ว่าครั้งก่อนที่คนผู้นี้ทำร้ายจิ่วหุนบาดเจ็บ แกล้งทำเป็นบาดเจ็บได้เหมือนมาก ดังนั้นเห็นท่าทางไม่สบายที่เขาเอ่ยกับนาง จึงคิดว่าเขาแกล้งทำ
ดังนั้นไม่เพียงแต่ไม่เป็นห่วง นางยังบอกว่าเขาเสแสร้งแล้ว
เขาเองก็ไม่ปฏิเสธ
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยต่อ “เมื่อครู่เขาประคองตัวเองออกไปได้ ก็พิสูจน์แล้วว่าเจ้าพูดไม่ผิด เขาโมโหมาก อีกทั้งยังแน่วแน่มากอีกด้วย”
ไม่ว่าเป็นใครในสถานการณ์เมื่อครู่นี้ ไม่สลบไปก็ถือว่ามีพื้นฐานที่เข้มแข็งจนแทบจะมหัศจรรย์แล้ว ซ้ำยังลุกเดินออกไปได้ด้วย หากเป็นคนอื่นไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเดินออกไปแล้ว…
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่โกรธเคืองเพียงเล็กน้อย
เยี่ยเม่ยเวลานี้ไม่พูดมากอีก ก้าวเท้ากว้างเดินออกไป เมื่อไปถึงประตูก็หันหน้ากลับมามองซือหม่าหรุ่ย “แล้วเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องกินยาอะไรเพื่อฟื้นฟู”
“ไม่ต้อง เขาแค่ร่างกายอ่อนแอ คืนนี้พักผ่อนให้ดี ก็ฟื้นฟูกำลังกลับมาได้ พรุ่งนี้เขาสามารถโคจรฟื้นฟูกำลังด้วยตัวเอง อาศัยพื้นฐานของเขา สามถึงห้าวันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ” ซือหม่าหรุ่ยตอบฉันพลัน
เยี่ยเม่ยสั่งจิ่วหุน “เจ้าพักผ่อนให้ดี”
จากนั้นนางก็ไม่รั้งรออยู่ต่อ เดินจากไป
จิ่วหุนก็ไม่พูดอะไร และไม่มองซือหม่าหรุ่ยด้วยสายตามาดร้าย อย่างไรเสียเมื่อครู่ตัวเขาเป็นฝ่ายทำไม่ถูกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทำให้เยี่ยเม่ยโมโห จิ่วหุนไม่มองใครทั้งนั้น ล้มตัวนอนพักผ่อน
ซือหม่าหรุ่ยกับซินเยว่เยี่ยนเดินออกจากห้องจิ่วหุน
เมื่อออกจากเรือนจิ่วหุน ซินเยว่เยี่ยนถอนหายใจยาว “นี่ ดูจากการพัฒนาของเยี่ยเม่ยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ข้ารู้สึกว่าเรื่องน้องสะใภ้ของข้านี่ดูจะเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ซือหม่าหรุ่ยมองซินเยว่เยี่ยน สีหน้าขรึมลง “เป็นไปได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ยามนี้ดูเหมือนเยี่ยเม่ยจะไปดูอาการเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ข้าจะยินยอมช่วยเหลือพวกเขาสักหน่อย อย่างไรเสียเป่ยเฉินอี้ก็มาแล้ว เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเยี่ยเม่ย ด้วยนิสัยเขาต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมให้เป่ยเฉินอี้ฉวยโอกาสลงมือก่อน”
เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ ซินเยว่เยี่ยนพลันตระหนักได้ “มิน่าเจ้าถึงยอมเอ่ยปากว่าจะช่วยเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เดิมทีเจ้าไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้เสียหน่อย”
นางเข้าใจซือหม่าหรุ่ยมาก สหายรักเพียงแค่ห่วงใยสถานการณ์ของเยี่ยเม่ย รวมไปถึงเรื่องล้างแค้นเท่านั้น เยี่ยเม่ยจัดการเรื่องความรักอย่างไร สหายรักไม่คิดสอดมือ เพราะซือหม่าหรุ่ยรู้ว่าใจนางคิดแนะนำเยี่ยเม่ยให้กับน้องชาย
แต่ทว่าวันนี้ท่าทีกลับตรงข้ามไป ถึงกับบอกเรื่องสภาพร่างกายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนให้เยี่ยเม่ยฟัง ช่วยผลักดันความรู้สึกของพวกเขา ช่างทำให้ซินเยว่เยี่ยนประหลาดใจนัก
ที่แท้ ทุกอย่างเป็นเพราะเป่ยเฉินอี้
หลังจากเห็นซินเยว่เยี่ยนเข้าใจแล้ว ซือหม่าหรุ่ยก็เอ่ยปากต่อ “เป่ยเฉินอี้ผู้นี้อันตรายมาก ไม่ว่าเยี่ยเม่ยใช่อาซีหรือไม่ ข้าก็ไม่ยินยอมให้เขาเข้าใกล้นางอีก ปีนั้นเพื่อบัลลังก์ทำให้อาซีรวมถึงคนในตระกูลนางต้องตาย ภายหน้ายากที่จะเลี่ยงไม่ให้ทำร้ายเยี่ยเม่ยเพราะบัลลังก์อีก ดังนั้นหากอยู่กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ไวขึ้น ก็ช่วยปกป้องชีวิตแล้วรักษาความรู้สึกของนางได้ ข้าย่อมเลือกที่จะช่วยเหลือพวกเขา”
ซินเยว่เยี่ยนถอนใจอีกครั้ง มองซือหม่าหรุ่ย “น้องชายข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นไม่อยากถามว่าทำไมเจ้าไม่ช่วยเหลือเขา แต่เจ้าเด็กเสี่ยวจิ่วก็ไม่แย่ ทำไมเจ้าถึงอยู่ฝั่งเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เข้าข้างเสี่ยวจิ่ว”
“เพราะเยี่ยเม่ยมีใจให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน สายตาที่นางมองเสี่ยวจิ่ว นั่นคือสายตาที่มองน้องชาย ความสำเร็จระหว่างพวกเขามีไม่มาก” ซือหม่าหรุ่ยเป็นสตรีที่เคยมีความรัก ย่อมดูออก
ซินเยว่เยี่ยนกลับเอ่ยประเด็นสำคัญออกมา “แต่หากเยี่ยเม่ยคือจงเจิ้งซี เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เป็นหนึ่งในศัตรูฆ่าล้างบ้านเมืองของนาง”
คำพูดนี้ของซินเยว่เยี่ยนกลับตรงไปที่ประเด็นสำคัญ ทำให้ซือหม่าหรุ่ยชะงักไปทันที
“ข้า… ข้าเพียงคิดว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนน่าจะจริงใจกับเยี่ยเม่ย เขาไม่มีทางทรยศนางเพื่อผลประโยชน์ของเป่ยเฉิน ทั้งไม่มีทางทำร้ายนาง แต่ข้าลืมเลย…”
ลืมไปแล้ว หากมีวันนั้นจริงๆ
แต่เดิมพวกเขาเป็นศัตรูกัน
ซินเยว่เยี่ยนถอนหายใจ ตบบ่าซือหม่าหรุ่ย “ดังนั้น ภายหน้าพวกเราสมควรช่วยพูดแทนน้องชายข้า คนตระกูลเป่ยเฉินพวกนี้ พวกเราไม่ต้องสนใจ”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยเป้าหมายของตนออกมา
ทั้งยังกระพริบตาให้ ซือหม่าหรุ่ย หลอกล่อว่า “อีกอย่าง หากเจ้ายินยอมร่วมมือกับข้า ภายหน้าช่วยสร้างโอกาสให้น้องชายข้า ข้าจะให้หน่วยข่าวของหมู่ตึกกูเยว่ ช่วยเจ้าตามหาเบาะแสของเซียวชิน”
เมื่อนางเอ่ยออกมา ซือหม่าหรุ่ยพลันสูดหายใจลึก
ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าตามหาซียวชินอีกแล้ว นั่นเพราะในสายตาของคนทั้งหมด เซียวชินคนบาปชั่วร้ายไม่อาจไว้ชีวิต นอกจากตัวนาง คนอื่นคิดสังหารเขา ตัวนางอยากตามหา แต่ไม่มีร่องรอยเลยสักน้อย
หากหมู่ตึกกู่เยว่ใช้หน่วยข่าวกรองออกค้นหา ก็มีโอกาสหาพบ แต่ขอเพียงเรื่องนี้แพร่ออกไป ทำให้คนรู้ว่าหมู่ตึกกูเยว่ออกตามหาคน ไม่ได้ต้องการสังหารเซียวชินหรือแจ้งเบาะแสให้กับในยุทธภพแล้วล่ะก็ อย่างนั้นหมู่ตึกกูเยว่ก็จะกลายเป็นเป้าโจมตีของคนทั้งหมด
กูเยว่อู๋เหินจะสูญเสียตำแหน่งราชันย์ในยุทธจักรไป
ซือหม่าหรุ่ยมองซินเยว่เยี่ยน “เจ้ามั่นใจหรือ กูเยว่อู๋เหินรู้สิ่งที่เจ้าทำหรือเปล่า ถึงเขาไม่ยินยอมเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะในยุทธภพ แต่ว่าในสายตาคนทั้งยุทธภพ เขาก็คือราชันย์ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป บางทีชื่อเสียงเขาอาจถูกทำลาย ถึงกระทั่งสูญสิ้น”
“มั่นใจสิ น้องชายข้าเป็นคนเฉยชา เจ้ายุทธจักร ผู้นำฝ่ายธรรมอะไรนั่น ตำแหน่งราชันย์ล้วนเป็นผู้อื่นพูดกันไป ตัวเขาไม่เก็บไปใส่ใจเลยสักนิด คนนอกจะวิจารณ์อย่างไร เขาไม่เคยใส่ใจ”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยมาถึงตรงนี้ ก็เสริมขึ้นอีกประโยค “หากวันใดที่ชื่อเสียงเขาพังป่นปี้ไปหมดแล้ว ด้วยความเฉยชาและเย่อหยิ่งของเขา เขาก็ไม่มีทางคิดว่าตัวเองผิดอะไร มีแต่จะคิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลา ตาบอด ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล”
เพียงแต่นางเป็นห่วงชื่อเสียงของหมู่ตึกกูเยว่ เกรงว่าจะทำลายรากฐานชั่วชีวิตของพ่อบุญธรรม ถึงไม่ยื่นมือออกช่วยเหลือสหายรัก ทว่าหากช่วยหมู่ตึกกูเยว่หานายหญิงได้ ชื่อเสียงยังสำคัญอะไรอีก
อย่างมากที่สุดก็ย้ายถิ่นฐานของหมู่ตึกก็ได้
ที่สำคัญที่สุดคือนางกังวลว่าน้องชายจะอยู่โดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต ยิ่งเป็นการผิดต่อพ่อบุญธรรมมากกว่า…
“อย่างนั้นก็ดี ตกลง”
“ตกลง”
……
เยี่ยเม่ยมุ่นคิ้ว เดินเข้าเรือนเป่ยเฉินเสียเยี่ยน…