เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 177 นางรู้สึกว่าถูกหลอกให้แต่งงาน
เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ
วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไม่อยากทำให้นางตกใจ…
อย่างนั้น นางจะขุดคุ้ยความจริงออกมาได้อย่างไร? หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะทำอะไรรุนแรงต่อไปอีกหรือเปล่านะ
ยังไม่ทันครุ่นคิดอย่างละเอียด
ริมฝีปากของเยี่ยเม่ยรู้สึกเจ็บเบาๆ นางค่อยได้สติขึ้นมา
ไม่ช้า เสียงกร้าวของบุรุษดังขึ้นที่ริมฝีปาก “ห้ามเหม่อ”
เยี่ยเม่ยหมดคำพูด นี่คือคำสั่งชัดๆ
ไฉนจู่ๆ นางถึงชอบความโรคจิตแบบนี้กันนะ
หรือเพราะใจจริงของนางชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำ?
ยังไม่ทันคิดให้มากความ นางก็ตกอยู่ในจุมพิตเร่าร้อนของเขาอีก คนทั้งสองแนบสนิท เสื้อผ้าอาภรณ์ที่กั้นกายอยู่เปียกชื้นขึ้นมาก
มือของเขาเคลื่อนไปจับเอวเยี่ยเม่ยโดยไม่รู้ตัว
ในชั่วขณะนี้เอง…
เยี่ยเม่ยพลันตระหนักขึ้นมาได้ ผลักเขาออกอย่างแรง เตือนสติว่า “นี่มันกลางวันแสกๆ นะ”
มารดามันเถอะ
เขาคงไม่คิดจะทำเรื่องแบบนั้นตอนกลางวันหรอกนะ
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟังก็หยุดลง สายตาชั่วร้ายมองเยี่ยเม่ยด้วยความสงสัย น้ำเสียงน่าฟังดังขึ้นว่า “หากไม่ใช่เพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นร่างกายเจ้า เยี่ยนอยากครอบครองเจ้าต่อหน้าคนทั้งหลายด้วยซ้ำ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ทั้งทำให้เจ้าเข้าใจถึงโทสะของเยี่ยน ”
เขาไม่ได้โมโหเป่ยเฉินอี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ยังมีเยี่ยเม่ยอีกคนด้วย
เพียงแต่ต่อให้การกระทำของนางสร้างความไม่พอใจให้เป่ยเฉินอี้ เขาก็ยอมให้เป่ยเฉินอี้บีบคอนางไม่ได้
ให้ตายเถอะ
เยี่ยเม่ยสงสัยว่าเขาเป็นบ้า
ถึงได้มีความคิดบ้าๆ เช่นนี้
จากนั้นเยี่ยเม่ยสงบลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าอย่างไรเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เป็นปีศาจที่เชี่ยวชาญการทรมานจิตใจคน เขามีนิสัยอย่างไรนางเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาจะอดทนเพื่อนางทุกเรื่อง คล้อยตามนางอยู่ตลอด เชื่อฟังครั้งแล้วครั้งเล่า
นางยังหลงคิดอย่างโง่งมว่า เขาเป็นกระต่ายน้อยสีขาวที่รังแกได้ง่ายๆ เท่านั้น
นางปรายตามองเขาด้วยความสงสัย เอ่ยปากว่า “ข้ารู้สึกว่า…”
“เจ้าไม่ต้องรู้สึก” เขาเอ่ยตัดบทเยี่ยเม่ยอย่างเอาแต่ใจ ดวงตาคู่ร้ายจับจ้องนัยน์ตาของหญิงสาว “เจ้าจำไว้แต่ว่า เจ้าเป็นคู่หมั้นของเยี่ยน เป็นสตรีที่มีการหมั้นหมายแล้ว ส่วนเยี่ยนก็ไม่ถือสา หากต้องแสดงหน้าที่ของสามียามที่เจ้าไม่เชื่อฟัง ใกล้ชิดกับบุรุษอื่นจนเกินเหตุ”
เมื่อเอ่ยถึงประโยคสุดท้าย สายตาเขาเผยความยั่วยวนใจ ทั้งยังมีความคลุมเครือบางอย่างที่ยากอธิบายได้
หน้าที่ของสามีคืออะไรกัน
คืออะไรนะ
หากเยี่ยเม่ยไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์สูงส่งของตัวเองไว้ นางอยากด่าว่าเขาเป็นไอ้ลามกสักคำเลยด้วยซ้ำ
เห็นท่าทางแข็งกร้าวของเขา ไม่คล้ายเชื่อฟังเหมือนที่ผ่านมาอีก เวลานี้เยี่ยเม่ยรู้สึกว่าป้ายหยกครึ่งท่อนที่เป็นของหมั้นหมายในอกนางร้อนเป็นอย่างมาก นางแทบอยากเอามันออกมา ยัดกลับใส่มือเขาไปเสีย
นางรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกให้แต่งงานแล้ว
ในระหว่างที่นางอยู่ในความเดือดดาล เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันก้มลงจูบนางอีกครั้ง ลมหายใจร้อนระอุ ค่อยๆ กล่าวว่า “ฮูหยิน เจ้าต้องเข้าใจนะ การยอมให้เจ้าพูดคุยกับบุรุษผู้อื่น ใกล้ชิดกับบุรุษอื่นเป็นการยินยอมอย่างถึงที่สุดของเยี่ยนแล้ว อย่าได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของเยี่ยน ยั่วให้เยี่ยนโมโหอีก ได้ไหม”
เยี่ยเม่ยพลันตะลึงงัน
อนุญาตให้พูดคุยหรือเข้าใกล้บุรุษผู้อื่น ที่แท้เป็นการยอมของเขาแล้ว ทั้งยังถึงขั้น ‘ยินยอมอย่างถึงที่สุดอีกด้วย’
ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของเขามากมายขนาดไหนกันเชียวนะ
…
หลังจากจูบนั้นผ่านไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอุ้มเยี่ยเม่ยขึ้นทันที ช่วงเวลาที่คล้ายโลกหมุนนั้น เขาก็อุ้มหญิงสาวเดินเข้าห้องของนางไป วางเยี่ยเม่ยบนเตียงนอน จากนั้นเขากดนางไว้ใต้ร่างอย่างรวดเร็ว
คราวนี้เยี่ยเม่ยลนลานแล้ว “นี่ ท่าน…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับไม่ทำอะไรต่อ
เพียงกดเยี่ยเม่ยไว้ใต้ร่าง นางรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเขา รู้ว่าบุรุษผู้นี้เกิดความปรารถนาแล้ว จึงไม่กล้าขยับส่งเดชอีก
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกำลังควบคุมตัวเอง น้ำเสียงแหบพร่า ดังขึ้นข้างหูนาง “ข้าต้องการเจ้า”
“ผึง ” เสียงดังขึ้น เยี่ยเม่ยรู้สึกคล้ายเส้นสมองขาด มึนเวียนไปหมด ใบหน้าร้อนผ่าวเป็นสีแดงราวกับกุ้งต้มสุก มือไม้สะเปะสะปะไม่รู้จะผลักเขาออกไปอย่างไร กลัวว่าหากไม่ผลักเขาออกเขาจะกระทำการบางอย่าง แต่ก็กลัวว่าหากผลักเขาออกแล้ว กลับทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคล้ายรับรู้ถึงความลนลานของเยี่ยเม่ยเช่นกัน เขาแค่นหัวเราะเบาๆ ประทับจูบลงที่คอของนาง ค่อยๆ กล่าวว่า “วางใจเถอะ นี่ไม่ใช่การเรียกร้องเอาความรัก เพียงแค่อยากบอกเจ้าว่าเยี่ยนคิดถึงเจ้ามากเพียงไหน เยี่ยนมีความอดทนพอ รอให้เจ้าพร้อมเสียก่อน เพียงแต่ อย่าได้ยั่วโทสะเยี่ยน ทำให้เยี่ยนต้องบังคับฝืนใจเจ้าเพราะความโมโหได้หรือไม่ เยี่ยนกลัวจะทำร้ายเจ้า”
เมื่อเขาเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยพานหน้าแดงไปกันใหญ่
ไม่รู้เพราะความสัมพันธ์ฉันท์คู่หมั้นของพวกเขา หรือเพราะว่านางชอบเขาจริงๆ ยามนี้เยี่ยเม่ยไม่มีความคิดจะตีหรือใช้เท้าถีบเขาออกไปเลยสักน้อย
ครั้นเห็นนางไม่พูดจา ทั้งไม่โกรธ สายตาที่มองเขามีความระแวงและระวัง กลับทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสงบใจลงได้
เป้าหมายของเขาในยามนี้ ไม่ใช่การทำให้นางตกใจ ทั้งไม่ใช่ทำให้นางกลัวเขา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกระชับอ้อมกอด เอ่ยเสียงอ่อนว่า “ขอกอดเจ้าสักครู่ เพื่อสงบความต้องการในตัวเยี่ยน”
เยี่ยเม่ยไม่พูดจา
เขาก็ไม่พูดจา
ผ่านไปสักพัก เยี่ยเม่ยมองใบหน้าของเขาอย่างโง่งม ถามว่า “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า ตัวเองถูกหลอกให้แต่งงานแล้ว”
น้ำเสียงไม่มีความเย็นชาเหมือนเคย เต็มไปด้วยความน่ารัก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว ก็ก้มลงไปปิดปากนางด้วยจูบที่เต็มไปด้วยความเย้ายวน กล่าวว่า “ผิดแล้ว ทั้งหมดคือการเข้าใจผิด คนที่รักชอบกันจะไม่แต่งงานกันได้อย่างไร ไฉนถึงกลายเป็นหลอกให้แต่งงานไปได้”
อ้อ
ก็ดูจะมีเหตุผลอยู่บ้าง
รักชอบกันหรือ
ยามนี้หน้าเยี่ยเม่ยแดงแล้วแดงอีก รู้ว่าชอบเขาก็จริง แต่รู้สึกมาตลอดว่าขาดอะไรบางอย่าง ยังไม่ถึงขั้นรัก
จนกระทั่งวันนี้
เขาแสดงด้านแข็งแกร่งเอาแต่ใจออกมา การกระทำต่างๆ นานาของเขา ทำให้นางรู้สึกชอบอย่างน่าแปลกใจ กระทั่งชอบมากกว่าที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ ทำให้ความรักชอบของนางที่มีต่อเขาเริ่มเหมือนเรือที่ลอยสูงขึ้นเพราะปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น[1] เอ่ออยู่ในใจจะแทบจะล้นทะลักออกมา
นางอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่จะเป็น…ความรักกัน
“ปึ้ง” เยี่ยเม่ยรู้สึกคล้ายสมองจวนจะระเบิดออก
อย่างนั้น นางชอบ…เป็นฝ่ายถูกกระทำจริงๆ เหรอเนี่ย ?
ชอบให้คนใช้คำพูดข่มขู่กดดันเช่นนี้หรือ ชอบให้คนกดมือนางไว้ปล้นจูบอย่างนั้นหรือ ชอบฟังคำเตือนที่เต็มไปด้วยความหึงหวงของบุรุษอย่างนั้นหรอกหรือ ให้ตายเถอะ นางป่วยใช่หรือไม่
เขายิ่งจูบก็ยิ่งร้อนแรง
ในชั่วขณะที่สับสนว่าตนเป็นพวกชอบถูกกระทำหรือไม่ เป็นสตรีที่เสียสติหรือเปล่า นางก็ถูกเขาดึงเข้าสู่จุมพิตอ้อยอิ่ง ลืมเรื่องที่ตนถูกหลอกให้แต่งงานไปจนหมดสิ้น เรื่องที่คิดจะโยนป้ายหยกครึ่งชิ้นคืนเขาก็ถูกสลัดทิ้งไปไกลโยชน์
ยามที่ร่างกายของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดพัวพัน เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ยุ่งเหยิงต่อไป
หลังจากจูบนี้ผ่านไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเงยหน้าขึ้น สาบเสื้อเขาเปิดออก เยี่ยเม่ยมองแผงอกที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง งดงามเป็นอย่างมาก
นางหน้าแดงก่ำ เบือนหน้าหนีไม่กล้ามองอีก
กลัวว่าหากยังมองเขามากอีกหน่อย นางจะถูกความงดงามล่อลวง กลายร่างเป็นหมาป่าสาวไปเสีย
แววตาเช่นนี้ของเยี่ยเม่ยไม่อาจหนีพ้นสายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เขายื่นมือออกมาจับหัวของนางหันกลับไปมอง น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยอย่างเย้ายวนว่า “อยากมองก็มอง ช้าเร็วอย่างไรก็เป็นของเจ้าอยู่ดี”