เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 37
ลู่หวานหว่านเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของเยี่ยเม่ย ก็ไม่เอ่ยขัด นางคาดว่าสตรีเบื้องหน้าก็แค่วางท่าเพื่อข่มขู่ตนเท่านั้น
นางยิ้มเย็นชา เอ่ยว่า “อย่ามาวางท่าเพื่อขู่ข้าเลย ข้าลู่หวานหว่านไม่ใช่คนตกใจง่าย ลงมือ”
สิ้นเสียงนาง เหล่าทหารพุ่งเข้ามาจับคน
เยี่ยเม่ยถอนใจ แต่ไรมานางพยายามหลีกเลี่ยงการลงมือมาตลอด แต่ช่วงนี้ความถี่ในการลงมือสูงเกินไปแล้ว
เมื่อเห็นเหล่าทหารพุ่งเข้ามา สีหน้านางเคร่งขรึมลง มีดสั้นในมือแทงออกไป
ภายในไม่กี่กระบวนท่า ทหารสิบกว่าคนถูกกวาดล้มลงพื้น
ไม่ช้าทหารล้มลงพื้นกว่าร้อยคน ลู่หวานหว่านเห็นสถานการณ์ เกิดอาการตัวสั่น รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี หันกลับไปมองทหารด้านหลังตน เอ่ยเสียงเบาว่า “ไป รีบไปเชิญท่านแม่ทัพมา”
……
ห่างออกไปสิบลี้
เยียลี่ว์ซั่นขมวดคิ้วมองเบื้องหน้า ทัพใหญ่เคลื่อนตรงกดดันเข้ามา หันไปมองนายทหารด้านหลังตน รีบร้อนถาม “โย่วอี้อ๋องพ่ายแล้วหรือ”
ทหารหน้าตางุนงง “ไม่ ทางโย่วอี้อ๋องไม่มีศึกเกิดขึ้น…”
นั่นเพราะว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักน้อย ทั้งยังไม่เห็นเปลวเพลิงและควันไฟ
…..
เยียลี่ว์ซั่นมุ่นคิ้วแน่น “เพราะอะไร…ทัพใหญ่ถึงมุ่งตรงมาที่ข้า” นี่มันไม่ถูกต้องเลยนะ
ยังไม่ทันรอให้เขาคิดว่าถูกต้องหรือไม่
ทัพใหญ่ก็บุกประชิดเข้ามาแล้ว
ผู้นำคือบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดูร้ายกาจ คล้ายกับว่าเขามีกลิ่นอายอัปมงคลชั่วร้ายของปีศาจ เวลานั้นเยียลี่ว์ซั่นพูดไม่ออก สีหน้านิ่งเฉย เสียวสันหลังวาบ “นั่นคือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน?”
“แม่…แม่ทัพ คล้ายจะใช่” ชื่อเสียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยน พวกเขาไม่มีใครไม่เคยได้ฟัง จะพูดอย่างไร…
บุรุษผู้นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจร้ายในราชสำนักเป่ยเฉิน ส่วนในโลกภายนอก เขาเป็นบุคคลที่ขอเพียงเอ่ยถึงก็ทำให้คนตัวสั่นขาอ่อน
ระหว่างสนทนา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนำทัพใหญ่บุกมาถึงเบื้องหน้าเยียลี่ว์ซั่น
บุรุษปีศาจ ดวงตานุ่มลึกกวาดตามองเยียลี่ว์ซั่น ไม่รอให้เยียลี่ว์ซั่นได้สติกลับมา ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าฟังช้าๆ “เจ้าคือเยียลี่ว์ซั่น? เทพแห่งสงครามอันดับหนึ่งของต้ามั่ว”
ต่อให้เยียลี่ว์ซั่นตื่นเต้นอยู่บ้าง รู้ว่าศัตรูเบื้องหน้าไม่อาจต่อกรได้โดยง่าย ทว่ายังสีหน้าเป็นปกติเอ่ยปากว่า “ไม่ผิด คือข้าเอง”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเหลือบมองอวี้เหว่ยด้านข้าง “ขอเพียงเอาชนะสิ่งที่เรียกว่าอันดับหนึ่งทั้งหลายได้ คนทั่วไปถึงปฏิบัติด้วยอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน อวี้เหว่ย จงจำไว้ เยี่ยนต้องเอาชนะเทพสงครามอันดับหนึ่งแห่งต้ามั่ว เจ้าต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่นางผู้นั้น ป่าวประกาศความองอาจของเยี่ยนออกไป”
อวี้เหว่ย “…ป่าวประกาศความองอาจของท่าน? เตี้ยนเซี่ย แล้วที่บอกว่าถ่อมตน?”
คนทั่วหล้าถ่อมตน แต่ท่านไม่ต้องใช่หรือไม่
องค์ชายสี่ได้ฟัง มองเยียลี่ว์ซั่นอย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงน่าฟังเอ่ย “ถ่อมตน คือการที่คนกลัวตนเองถูกผู้อื่นเยาะเย้ยว่าหลงตัวเองเกินไป ดังนั้นถึงได้ทำท่าทางเสแสร้งหลอกลวง สิ่งที่เยี่ยนต่างจากคนทั่วไปคือ คนอื่นไม่กล้าเยาะเย้ยเยี่ยน ดังนั้นเยี่ยนไม่จำเป็นต้องถ่อมตน”
อวี้เหว่ยบ่นเสียงเบา “ข้าพูดสู้ท่านไม่ได้”
เยียลี่ว์ซั่นมุ่นคิ้ว สีหน้าค่อยๆ คล้ำขึ้น “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ผู้อื่นต่างกลัวเจ้า ข้าเยียลี่ว์ซั่นไม่กลัว ยังไม่ประมือจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องแพ้”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วหัวเราะ ถามช้าๆ “ความหวังต้องฝืนทนไม่ให้ตัวสั่น แสร้งทำเป็นไม่กลัว เป็นวิธีการที่คนทั่วไปใช้เก็บงำความขี้ขลาด อย่างงั้นหรือ”
คำพูดนี้ทำให้เยียลี่ว์ซั่นหน้าบัดเดี๋ยวแดงก่ำบัดเดี๋ยวขาวซีด
ความจริงเขากลัวอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าการแกล้งทำเป็นไม่กลัวกลับถูกเปิดโปงได้ไวถึงเพียงนี้
เวลานี้เอง นายทหารผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามา สีหน้าร้อนรนมาหยุดข้างเยียลี่ว์ซั่น “แม่ทัพ ฮูหยินเกิดเรื่องแล้ว มีสตรีนางหนึ่งบุกค่ายทหาร คิดฆ่าหลานชายฮูหยิน..”
เยียลี่ว์ซั่นหันกลับไปมองอย่างหมดความอดทน “สตรีแค่คนเดียว พวกเจ้านับพันจับไม่ได้?”
นายทหารหน้าซีด “จับ…จับไม่ได้”
เยียลี่ว์ซั่นชะงักงัน พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
นายทหารเอ่ยต่อว่า “ท่านแม่ทัพ สตรีผู้นั้นร้ายกาจมาก ดูจากท่าทางของนางแล้วต้องฆ่าคนให้ได้ ฮูหยินเองก็ยืนหยัด ไม่เปิดทางให้…หากท่านไม่กลับไปช่วยเหลือ ฮูหยินจะเสียเปรียบ”
หลังจากนายทหารเอ่ยจบ ก็เห็นทัพใหญ่ที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนำมา มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย…
นี่…แม่ทัพยังไปได้อีกหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ กลับเชิดหน้าขึ้น เอ่ยสบายอารมณ์ว่า “เจ้าสามารถทิ้งทหารกลับไปช่วยสตรีของเจ้าได้ เยี่ยนเป็นคนมีเมตตามาก จะเก็บเรื่องที่เจ้าทอดทิ้งทัพทหารกระทำตัวเยี่ยงวีรบุรุษช่วยสตรีโดยลำพังเอาไว้ไม่ให้คนได้รู้เด็ดขาด เยี่ยนจะฆ่าเจ้าตายทันที ค่อยประโคมเรื่องออกไป บอกหวันเหยียนหงให้เขามอบรางวัลให้ครอบครัวเจ้า”
เยียลี่ว์ซั่น “…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนบิดเบือนความหมายของการกระทำเยี่ยงวีรบุรุษกับความเมตตาไปหรือเปล่า
หากให้โย่วอี้อ๋องรู้เรื่อง เขาทิ้งทหารไปช่วยอนุภรรยาผู้หนึ่ง เขายังเหลือทางรอดอีกหรือ ครอบครัวของตนพานต้องถูกโยงไปด้วย
คำพูดเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนี้ปิดทางถอยให้ตน เยียลี่ว์ซั่นย่อมไปไหนไม่ได้
เขาสีหน้านิ่งมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน พลันคิดขึ้นได้ ถามว่า “คนที่กำเริบเสิบสานอยู่กับอนุของข้า ก็คือคนใต้บัญชาของเจ้าแล้ว?”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนลังเล “คนของเยี่ยนไม่ผิด แต่ไม่ใช่คนใต้บัญชา แต่เป็นภรรยาที่ยังมิได้แต่งงานเข้าบ้านของเยี่ยน ยังมีอีก นางมิได้ไปกำเริบเสิบสาน นางไปช่วยอบรมอนุของเจ้าด้วยความห่วงใย”
อวี้เหว่ย “…เตี้ยนเซี่ย เรื่องแต่งงานในอนาคต แม่นางท่านผู้นั้นทราบหรือยัง”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขา “อีกไม่ช้านางจะรู้แล้ว”
อวี้เหว่ย “…”
เยียลี่ว์ซั่นกัดฟัน ใจเขากังวลอนุของตน เขาเข้าใจว่าคนที่เป็นคู่หมั้นยังไม่แต่งของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ ย่อมต้องไม่ใช่พวกมีเมตตาอะไร หวานหว่านเกิดเรื่องขึ้นแน่ เมื่อคิดเช่นนี้เขาแทบอยากจะกลับไปในทันที”
คิดถึงตรงนี้ เขาสีหน้าเย็นชา มองบุรุษเบื้องหน้า “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน รีบลงมือรีบจบเถอะ”
องค์ชายสี่ฟังแล้ว มองเยียลี่ว์ซั่น “ดีมาก เยี่ยนเอาใจใส่และมีเมตตาเป็นพิเศษ ดังนั้นอนุญาตให้เจ้าตายอย่างรวดเร็ว”
สิ้นเสียง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรี่ตาลง ดวงตาลุ่มลึกนั้นแผ่ไอสังหารออกมา
ถัดมาเขายกมือขึ้น กลางฝ่ามือมีขุมกำลังภายใน กระจายออกอย่างรวดเร็ว จากไร้รูปเปลี่ยนเป็นมีรูป คล้ายผ้าสีแดงผืนหนึ่งปกคลุม พุ่งใส่เยียลี่ว์ซั่น
เยียลี่ว์ซั่นหน้าคล้ำ ชักกระบี่ออกอย่างว่องไว กันกำลังภายในสายนั้นไว้…
ประกายดาบสีขาวปะทะกับแสงสีแดงเข้มเย็นเยียบ หน้าผากเยียลี่ว์ซั่นค่อยๆ มีเหงื่อผุดพรายออกมา มือกำกระบี่แน่นต้านกำลังภายในของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยความลำบาก
ลมปราณนั้นไม่เหมือนจะแตกสลายเลยสักน้อย ค่อยๆ ผลักเขาถอยหลังไปทีละนิด…
ขาของเยียลี่ว์ซั่นลากพื้นเป็นรอยลึก ตัวคนถูกกำลังภายในผลักถอยไปไม่หยุด มุมปากมีเลือดซึมออกมา
ฝ่ายเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่กำลังลงมือ มองสภาพทุลักทุเลของเขาด้วยความชื่นชม เอ่ยคล้ายไม่ยี่หระว่า “ดูคนอ่อนแอ ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตต่อไป ทำให้เยี่ยนรู้สึกเลื่อมใสนัก”
สิ้นเสียง เขายกมือขึ้นอีกครั้ง จากนั้นกำลังภายในสีแดงกระแทกเยียลี่ว์ซั่น ส่งผลให้เยียลี่ว์ซั่นที่เดิมแทบต้านไม่อยู่กระเด็นไกลออกไป กระแทกพื้น ชักกระตุกอยู่บนพื้นไม่กี่ครั้ง ก็ไม่ขยับแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นดั่งปีศาจยอดฝีมือ ค่อยๆ อธิบาย “สำหรับคนน่าเลื่อมใส เยี่ยนหวังว่าพวกเขาจะตายอย่างรวดเร็ว”
ทุกคน “…?”
ถัดมาองค์ชายสี่มองทหารเหล่านั้น สั่งการช้าๆ “ไปยังสถานที่ที่แม่นางผู้นั้นอยู่ เยี่ยนจะไปรับนางด้วยตัวเอง”