เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 308 ไปพบกูเยว่อู๋เหิน
ลู่หวานหว่านเข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เป็นคนดี แต่ถึงเป็นคนดี นางก็ไม่อาจใจอ่อนเพราะเหตุนี้ ที่นางเดินมาถึงจุดนี้ได้ล้วนเป็นเพราะเยี่ยเม่ยทำร้าย
หากมิใช่เพราะเยี่ยเม่ย พี่ชายกับพี่สะใภ้นางก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง นางก็จะไม่สิ้นไร้ไม้ตอกเช่นนี้
หากมิใช่เพราะเยี่ยเม่ย อย่างน้อยยามนี้นางคงเป็นอนุของราชาต้ามั่วไปแล้ว จะไม่มีใครลบหลู่นาง ทั้งไม่ต้องกังวล
นางยังได้ฟังมาว่า วันนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมารับเยี่ยเม่ยกลับจากต้ามั่ว ถึงได้ลงมือสังหารเยียลี่ว์ซั่นด้วยตัวเอง
เรื่องเหล่านี้แต่ละเรื่องล้วนเกิดขึ้นเพราะเยี่ยเม่ย ดังนั้นขอเพียงมีโอกาสแก้แค้นอีกฝ่าย นางก็ไม่เสียดาย ได้แต่…
ขอโทษเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่แล้ว
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ไม่รู้เลยสักนิดว่าลู่หวานหว่านคิดอะไร เขาพยุงนางขึ้น เอ่ยว่า “อาซ้อ ท่านอย่าร้องไห้เลย กลับไปเก็บของแล้วพาหลานมาหาข้าเถอะ!”
“ได้!” ลู่หวานหว่านรับคำ ขอบคุณเขาแล้วจากไป
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มองแผ่นหลังลู่หวานหว่านแล้วส่ายหน้า ถึงเป็นสตรีที่ไร้สามารถ แต่ก็มีชะตาอาภัพนัก
……
กระโจมของจิวมั่วเหอ
ไม่ช้าก็มีคนนำเรื่องไปรายงานจิวมั่วเหอ บ่าวรับใช้เอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพ ทุกอย่างราบรื่นดี เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่รับปากว่าจะรับลู่หวานหว่านแล้ว!”
“อืม ดีมาก!” จิวมั่วเหอพยักหน้า ถามต่อว่า “หาคนเลียนแบบลายมือของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ได้หรือยัง”
“หาตัวได้แล้ว!” บ่าวรับใช้ตอบทันที
แต่เขาชะงักเล็กน้อย มองจิวมั่วเหอ “เพียงแต่ว่าท่านแม่ทัพ ท่านร่วมมือกับเยี่ยเม่ย ท่านกลับรับปากลู่หวานหว่านว่าเมื่อเรื่องสำเร็จ จะช่วยกำจัดเยี่ยเม่ยเพื่อล้างแค้น นี่ท่าน…”
จิวมั่วเหอยิ้มเย็น เอ่ยว่า “คนที่น่ารังเกียจที่สุดในโลกก็คือ คนที่ไม่รู้จักประมาณตน ลู่หวานหว่านนับว่ามีค่าอะไร นางกลับหวังว่าข้าจะสังหารเยี่ยเม่ยเพื่อนาง”
คราวนี้บ่าวรับใช้ก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็แค่หลอกลู่หวานหว่าน
จิวมั่วเหอมองเขาเอ่ย “วันนี้ข้าจะบอกหลักการอีกอย่างให้เจ้าฟัง คนที่ไม่รู้จักประมาณตนเป็นคนที่หลอกใช้ได้ดีที่สุด ต่อให้น่ารังเกียจ อย่างนั้นใช้แล้วค่อยโยนทิ้งไปก็ได้!”
เขาเป็นขุนนางการเมือง ไม่ใช่วิญญูชนอะไรทั้งนั้น ความร่วมมือกับลู่หวานหว่าน เดิมทีก็ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมอยู่แล้ว อีกฝ่ายทำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้กลับต้องการชีวิตของเยี่ยเม่ยหรือ
การแลกเปลี่ยนที่ไม่ยุติธรรมนี้ เขายอมรับปากก็เพื่อหลอกใช้นาง ภายหน้าค่อยกลับลำก็ยังไม่สาย
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”
……
เยี่ยเม่ยกลับมาห้องตัวเองก็เห็นซินเยว่เยี่ยนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ หลังจากนางเห็นเยี่ยเม่ย ดวงตาก็วาวโรจน์ขึ้นมาทันที
ขณะที่ซินเยว่เยี่ยนจะเอ่ยอะไร กลับเห็นสีหน้าหมองหม่นของเยี่ยเม่ย คล้ายอารมณ์ไม่สู้ดีนัก นางจึงเก็บคำพูดของตน
ก้าวขึ้นไปถามเยี่ยเม่ยคำหนึ่ง “เยี่ยเม่ย เจ้าเป็นอะไรไป”
เยี่ยเม่ยได้สติกลับมา มองซินเยว่เยี่ยน ถอนหายใจเบาๆ ถามนางกลับ “ซินเยว่เยี่ยน หากเจ้าชอบผู้หนึ่ง จะต้องทำอย่างไรเจ้าถึงปล่อยอีกฝ่ายไปได้”
ซินเยว่เยี่ยนไม่เข้าใจว่าทำไมเยี่ยเม่ยถึงถามเช่นนี้ หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ นางก็ตอบว่า “น่าจะเป็นเพราะข้ารู้ว่าเขามีคนที่ชอบแล้ว”
“หากเจ้ารู้ว่าเขามีคนที่ชอบแล้ว ทว่ายังไม่ยอมปล่อยมือจากเขาเพราะความรักเล่า” เยี่ยเม่ยซักถามอีกประโยค
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เป็นเช่นนี้
นางเอ่ยคำลวงว่ามีคนที่ชอบไปแล้ว ก็เพื่อให้เขายอมรามือ แต่คิดไม่ถึงเลย เขายังไม่ปล่อยวางอีก อย่างนั้นนางต้องทำอย่างไร เขาถึงเลิกราได้
ซินเยว่เยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย “นี่…นั่นคงเป็นรักลึกซึ้ง ถึงไม่ยอมวางมือทั้งๆ ที่รู้ว่าข้างกายอีกฝ่ายมีคนอื่นแล้ว”
คำพูดน่าถอนใจอย่างไร้เจตนาของนางทำให้เยี่ยเม่ยแข็งค้าง หัวใจเจ็บเสียด
ซินเยว่เยี่ยนคิดๆ แล้ว ในที่สุดก็เอ่ยว่า “หากเช่นนี้ยังไม่อาจปล่อยวาง นั่นก็ต้องเห็นยามที่เขาอยู่กับคนในดวงใจอย่างหวานชื่น แบบชิดสนิทสนม ถึงยอมเลือกตัดใจล่ะมั้ง!”
นางรู้สึกว่า หากเป็นนางล่ะก็ สมควรเป็นเช่นนี้
บางทีเมื่อเห็นภาพนั้น นางคงเลือกจากไป ไม่ปรากฏตัวอีก เมื่อไม่เห็น ใจไม่กลัดกลุ้ม หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปก็จะค่อยๆ ลืมเขาไปได้เอง
อยู่กับคนที่เขาชอบอย่างหวานชื่นแนบชิดสนิทสนมอย่างนั้นหรือ
เยี่ยเม่ยชะงักไป หลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ได้สติกลับมามอง ซินเยว่เยี่ยน “จริงด้วย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร”
“อ้อ!” ซินเยว่เยี่ยนค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองมาหาเยี่ยเม่ยเพราะมีธุระ นางเอ่ยว่า “ข้าอยากชวนเจ้าไปหาอู๋เหินกับข้า เขาเพิ่งมาชายแดน ไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ดังนั้นข้าจึงคิดไปหาเขา เจ้าพอมีเวลาว่างไปด้วยกันไหม!”
ซินเยว่เยี่ยนกล่าวไปพลางมองเยี่ยเม่ยอย่างระวัง
ความจริงอาศัยความสามารถของอู๋เหิน ไม่ว่าไปถึงที่ใดก็ไม่ถึงคราวให้นางต้องกังวลใจ ไม่มีความไม่คุ้นเคยอะไรทั้งนั้นให้นางต้องไปเยี่ยมด้วย ความจริงสรุปแล้วนางก็แค่คิดหาข้ออ้างลากเยี่ยเม่ยไปพบอู๋เหินเท่านั้นเอง
ดังนั้นหากเยี่ยเม่ยไม่ไป นางก็กลับไปนอนสักตื่นหนึ่งแล้ว
กูเยว่อู๋เหิน?
เมื่อคิดถึงคำพูดของซินเยว่เยี่ยนเมื่อครู่ กอปรกับป้ายหยกของผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ เยี่ยเม่ยพลันฉุกคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ในใจ
นางมองซินเยว่เยี่ยน “ได้ พวกเราไปด้วยกันเถอะ!”
“เอ๋?” ซินเยว่เยี่ยนยังอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเม่ยจะตอบรับง่ายๆ รีบโบกไม้โบกมือ “อย่างนั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ ไปกัน!”
พวกนางเพิ่งก้าวออกไป
สาวใช้นางหนึ่งก็เดินลับๆ ล่อๆ เข้ามาในเรือนเยี่ยเม่ย นั่นคือคนที่เจ้าเมืองหลินตามหามาทั้งวัน สาวใช้ที่หลบอยู่ซ้ายเลี่ยงขวามาตลอด ไม่ว่าที่ไหนเจ้าเมืองหลินก็ส่งคนไปค้นหาจนหมดสิ้น เว้นแต่เรือนของเยี่ยเม่ยที่ไม่ได้หา
เพราะคาดว่าสาวใช้นางนี้ย่อมไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยเม่ย
ทว่าคิดไม่ถึงเลย นางหลบอยู่ใกล้เรือนเยี่ยเม่ยมาตลอด หลังจากมาถึงก็เห็นซินเยว่เยี่ยนอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่หลบอยู่
ยามนี้เห็นซินเยว่เยี่ยนจากไปพร้อมเยี่ยเม่ย
นางรีบพรางกายเดินเข้าเรือนเยี่ยเม่ย วิ่งเข้าไปในห้องนาง มองกาน้ำชาบนโต๊ะ นางสำรวจไปทั่วสารทิศว่าไม่มีคน จากนั้นก็ใส่ยาพิษลงไป กัดฟันเอ่ยเสียงต่ำว่า “ท่านหญิง ท่านวางใจเถอะ เยี่ยเม่ยทำกับท่านเช่นนี้ ข้าน้อยต้องช่วยกำจัดนางสารเลวนี่เพื่อท่าน!”
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น นางก็รีบออกไป
……
โรงเตี๊ยมชายแดน
ภายใต้การชักนำของเฉิงฉู่ พวกนางก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องกูเยว่อู๋เหิน ซินเยว่เยี่ยนพลันกุมท้องตัวเองร้องขึ้นว่า “โอ๊ย ข้าปวดท้องมาก! ต้องท้องเสียแน่ๆ เลย เยี่ยเม่ยเจ้าเข้าไปก่อน ข้าไปสุขาอีกเดี๋ยวจะมาหาเจ้า!”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยพลางแสดงละครกุมท้องวิ่งไปแล้ว
เฉิงฉู่มองด้วยความอึ้งทึ่ง ในใจคิดว่าผู้อาวุโส ต่อให้ท่านคิดจะช่วยส่งเสริมพวกเขา ก็ไม่ต้องแสดงอย่างกะทันหันเช่นนี้ได้ไหม นี่เหมือนนักแสดงเข้าสิงไปแล้วจริงๆ!
เฉิงฉู่มองเยี่ยเม่ย “แม่นาง เชิญ!”