เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 297 ลอบสังหารเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!
“นั่นก็ต้องขอบคุณใบหน้าของข้า!” เยี่ยเม่ยหัวเราะเสียงเย็น อธิบายต่อ “ก่อนที่เขาจะเดินหมากก้าวที่ห้าเพื่อสังหารข้า ต้องคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ข้าจะมีใบหน้าเหมือนกับองค์หญิงจงเจิ้งซีไม่ผิดเพี้ยน! เขาต้องการหาหลักฐานพิสูจน์ฐานะของข้า หลังจากก้าวที่สามไป จึงทำลายหมากของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมีชีวิตรอดอยู่ในตอนนี้ ทั้งชื่อเสียงในชายแดนยังไม่เหม็นเน่าอีกด้วย!”
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทั้งหมดที่เยี่ยเม่ยคิดออกมาได้ ทั้งยังคิดได้หลังจากรับรู้ความสามารถในการวางแผนของเป่ยเฉินอี้
ก่อนหน้านี้นางไม่เข้าใจหมากห้าก้าวที่ว่าเลยสักนิด ในสายตานักฆ่าอย่างนาง คิดสังหารคนเป็นแค่เรื่องยกดาบฟาดฟันเท่านั้น ไม่ต้องทำให้ซับซ้อนเช่นนี้
แต่คงเป็นเพราะนางในยามนี้มีชื่อเสียงในชายแดน อีกทั้งฝีมือติดตัวก็มิใช่ชั่ว ทั้งมีเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและจิ่วหุนคุ้มครอง ไม่อาจสังหารได้ง่ายๆ ดังนั้น เป่ยเฉินอี้จึงต้องจัดฉากออกมาเป็นชั้นๆ
นางไม่ตกหลุมพรางเขาอย่างเต็มตัวก็ต้องขอบคุณใบหน้าของนางหลังจากที่รักษาชีวิตรอดกลับมาได้อีกครั้ง ไม่บุบสลายหรือเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงช่วยนางเอาไว้ครั้งใหญ่!
จิวมั่วเหอฟังคำพูดนี้ก็ตะลึงไป จ้องใบหน้าเยี่ยเม่ย “เจ้าหมายถึงจงเจิ้งซี?”
“ถูกต้อง!” เยี่ยเม่ยตอบไม่เปลี่ยนสีหน้า “แต่ว่าหลังจากเขาพิสูจน์แล้ว ข้าก็เป็นแค่คนที่มีใบหน้าเหมือนผู้หญิงคนนั้นราวกับพิมพ์เดียวเท่านั้น หาใช่นาง ดังนั้นเขาก็ไม่รบเร้าพัวพันข้าอีก แต่ว่าหมากห้าก้าวของเขาก็พินาศไปแล้ว ข้ากังวลว่าเขาไม่เพียงวางแผนการนี้ไว้ แต่ยังมีแผนอื่นอีก!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!” จิวมั่วเหอพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “เป่ยเฉินอี้ถนัดการวางแผนซ้อนแผน ทั้งถนัดการเปิดศึกจากหลายด้าน ครั้งก่อนหน้าที่เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่นำทัพโดยพลการ…”
“เป็นไปได้ว่าจะเป็นแผนการอีกแผนหนึ่ง!” ประโยคสุดท้ายนี้ เยี่ยเม่ยกับจิวมั่วเหอเอ่ยออกมาพร้อมกัน
ครั้งที่แล้วเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่บุกโจมตีเพราะได้ยินว่าพวกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต่อสู้กันที่ชายแดน คิดมาตักตวงผลประโยชน์ แต่ครั้งก่อนหน้านั้น เขาจงใจแพ้ศึก ทำให้คนมองไม่ออกจริงๆ…
เอ่ยถึงยามนี้ เยี่ยเม่ยหรี่ตาลงเอ่ยเสียงนิ่งขรึม “พูดถึงเรื่องวางแผนซ้อนแผน ไม่แน่ว่า ราชาต้ามั่วยังมิใช่คนที่เป่ยเฉินอี้ต้องการร่วมมือด้วย เพียงแต่เป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการของเขาเท่านั้น บางที…ในใจของเป่ยเฉินอี้เห็นเขาเป็นหมากที่หมดประโยชน์ไปแล้ว!”
“ไม่ผิด!” จิวมั่วเหอเห็นด้วย ถอนหายใจ “เป่ยเฉินอี้ผู้นี้ ความคิดล้ำลึกสุดหยั่งได้ ข้าจิวมั่วเหอถึงจะฉลาดหลักแหลม ใต้หล้านี้มีเพียงไม่กี่คนที่เทียบกับข้าได้ แต่เมื่อเปรียบกับเขาแล้ว…ก็เหมือนการรำขวานต่อหน้าหลู่ปัง!”
ศัตรูแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าเยี่ยเม่ยหรือจิวมั่วเหอต่างไม่กล้าประมาท
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา เอ่ย “หากเทียบกันด้านแผนการไม่อาจเทียบเขาได้ หวังว่าการร่วมมือของพวกเราจะช่วยก่อให้เกิดโอกาสชนะขึ้นมาได้!”
นางถือกำเนิดมาจากฐานะนักฆ่า แต่ไหนแต่ไรมาไม่ต้องเปลืองสมองมาก สิ่งที่มีมากคือกลวิธีการสังหารคนเท่านั้น
ถึงจิวมั่วเหอจะเป็นขุนนางการเมือง แต่ก็เป็นคนต้ามั่ว ส่วนมากมักรบทัพจับศึก
เมื่อเผชิญกับเป่ยเฉินอี้ที่ชำนาญการวางแผนมาหลายปี ใครต่างก็ไม่มีความมั่นใจ แต่ว่าเมื่อพวกเขาร่วมมือกัน บางทีผลลัพธ์อาจต่างออกไป!
“ต้องทำได้แน่!” ในสายตาของจิวมั่วเหอเป็นประกายมุ่งมั่นทะยานสู่ความสำเร็จ
ครึ่งชีวิตของเขาลงไปเพื่อแผนการนี้แล้ว เขาไม่อาจพ่ายแพ้และไม่อนุญาตให้ตัวเองพ่ายแพ้
เมื่อเอ่ยถึงยามนี้ เขาพลันฉุกคิดอะไรขึ้นได้ มองเยี่ยเม่ยถามว่า “เพราะอะไรถึงมีแค่เราสองคนร่วมมือกันเล่า ได้ยินว่าเจ้ากับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหมั้นหมายกันแล้ว หรือเขาไม่คิดช่วยเจ้า หรือว่าเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บวันนี้ เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างที่เล่าลือกัน พวกเจ้า…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยก็มองเขาเย็นชา “ข้าว่าท่านจะเป็นผู้ร่วมมือที่ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ใช่สตรีปากยื่นปากยาวพูดมาก”
จิวมั่วเหอ “…”
เขาลูบจมูกเอ่ยว่า “ก็ได้!”
สตรีปากยื่นปากยาวพูดมาก คำเรียกนี้เขาไม่อยากแบกรับไว้เลย ในเมื่อเยี่ยเม่ยไม่ชอบให้ถาม อย่างนั้นก็ไม่ถามแล้วกัน
เยี่ยเม่ยมองเขา “ท่านจะลงมือจากจุดไหน”
ให้จิวมั่วเหอก่อกวนความสัมพันธ์ เป้าหมายย่อมอยู่ที่เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เพราะความเชื่อถือที่ราชาต้ามั่วมีให้คนผู้นี้ ครั้งนี้ราชาต้ามั่วจึงยอมร่วมมือกับเป่ยเฉินอี้ กระทั่งยอมไม่ใช่งานจิวมั่วเหอ
จิวมั่วเหอมองเยี่ยเม่ย ถามอย่างสนใจว่า “เจ้าจะสังหารเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่?”
เยี่ยเม่ยยักไหล่ ไม่ตอบรับทั้งไม่ปฏิเสธ
จิวมั่วเหอพลันหลุดหัวเราะออก “สตรีใจอำมหิตนัก! แต่ว่าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ไม่อาจฆ่าได้!”
“อ้อ?” เยี่ยเม่ยกลับไม่เข้าใจ มองเขาทีหนึ่ง ทำท่าทางว่าข้ากำลังรอฟังอยู่
จิวมั่วเหออธิบายทันที “ง่ายมาก ตอนนี้ราชาต้ามั่วเชื่อใจเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ กันข้าออกไปไว้ข้างหนึ่ง คนทั้งราชสำนักต้ามั่วต่างรู้ดีว่าข้ากับเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มีความสัมพันธ์เหมือนน้ำกับไฟ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถูกลอบสังหาร คนที่จะถูกสงสัยเป็นคนแรกก็คือข้า อย่างนั้นราชาต้ามั่วคงไม่เชื่อใจข้าอีกต่อไป คิดจะทำอะไรก็ยิ่งยากเย็น!”
“เจ้าพูดถูก!” เยี่ยเม่ยพยักหน้า เดิมนางคิดว่าขอเพียงสังหารเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เรื่องก็จะง่ายดาย คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้ยังซับซ้อนอีกขั้นหนึ่ง
จิวมั่วเหอยักไหล่ “ดังนั้น เรื่องนี้ต้องลงมือจากข้า แต่ก็ไม่ง่ายดายนัก ทว่าไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไร ก็ยังปลอดภัยกว่าเจ้าลงมือกับเป่ยเฉินอี้มากนัก อย่างไรเสียเมื่อเทียบกับเป่ยเฉินอี้ ราชาต้ามั่วก็ไม่นับว่าอันตราย ส่วนรายละเอียดแผนการ ข้าต้องคิดให้รอบคอบก่อน !”
เยี่ยเม่ยฟังไปก็ครุ่นคิด นางคิดแผนการออก มองจิวมั่วเหอเอ่ยเสนอว่า “หากเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่อาศัยความเชื่อของราชาต้ามั่วกดดันเจ้าไว้ แต่ว่าหาก…เขาสูญเสียความเชื่อใจไปล่ะ”
นางเอ่ยออกมาจิวมั่วเหอลูบคาง ชื่นชมว่า “เจ้ากลับคิดไปในทางเดียวกับข้าเลย!”
“เช่นนั้นก็ทำตามนี้!” เยี่ยเม่ยตัดสินใจทันที จากนั้นเอ่ยว่า “หากต้องการให้ข้าช่วยอะไร ข้าจะร่วมมือกับเจ้าทันที !”
“ได้!” จิวมั่วเหอรับคำ “อย่างนั้นข้าขอตัวก่อน!”
“ไปเถอะ!”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า
รอจนเงาร่างของจิวมั่วเหอหายไปในความมืด เยี่ยเม่ยถอนใจเบาๆ พลันนึกเย้ยหยันตัวเอง นางเริ่มวางแผนการแล้ว ซ้ำยังเป็นเหมือนกับขุนนางเจ้าเล่ห์ คิดทำลายความเชื่อมั่นที่ราชาต้ามั่วมีให้กับเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ใช้วิธีการต่ำช้านำมาซึ่งชัยชนะ
แต่ว่าเมื่อเดินบนหนทางของการแก้แค้น นางไม่มีสิทธิ์ใจอ่อน ทั้งไม่มีทางถอยกลับ
นางมองฝ่ามือของตน หัวใจก็กระตุก
ฝ่ามือนี้เปื้อนเลือดมามาก นางไม่อาจใจอ่อน ทั้งต้องเริ่มคุ้นเคยตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป!
……
ในโรงเตี๊ยมมีเสียงราบเรียบเอ่ยว่า “เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเกิดเรื่อง…”
ประโยคนี้เป็นน้ำเสียงนิ่งๆ ถึงเป็นคำถามแต่ก็ฟังไม่เข้าใจความหมาย
เฉิงฉู่ตอบทันที “อืม! นายท่าน พวกเรา…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ กูเยว่อู๋เหินตัดบทว่า “เจ้าลองวิเคราะห์แนวคุ้มกันของชายแดน บอกข้าว่าหากตอนนี้ลอบสังหารเป่ยเฉินเสียเยี่ยนโอกาสสำเร็จมีเท่าไร”