เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 270 แผนการของเยี่ยเม่ย!
สาวใช้พลันนิ่งไป
ทุกสิ่งที่ท่านหญิงเผชิญ ความจริงหาใช่แค่เรื่องพิการ ถูกปฏิเสธงานแต่ง ยังมีเรื่องหลังจากที่ถูกปฏิเสธการแต่งงานแล้ว พบกับคำประชดประชันเสียดสีในจวนเสนาบดี จนถึงเรื่องที่คุณชายถูกเนรเทศ รวมถึงฮูหยินล้มป่วย
แม้แต่ท่านหมอยังบอกเลย สภาพร่างกายในยามนี้เกรงว่าใช้ยาพยุงอาการไปเท่านั้น ไม่รู้ว่าร่างกายของฮูหยินจะทนรับได้ถึงเมื่อไหร่
บรรดาอนุทั้งหลายของท่านเสนาบดีแต่ละคนก็เริ่มโอหังขึ้นมาในยามนี้ บอกว่าฮูหยินอบรมบุตรธิดาไม่ดี ถึงได้ก่อเรื่องเลวร้ายให้กับจวนเสนาบดี ทำให้ท่านเสนาบดีไม่พอใจในตัวฮูหยิน
ดังนั้นท่านเสนาบดีจึงไม่ไปเยี่ยมฮูหยิน ทั้งไม่มาเยี่ยมท่านหญิงด้วย
ส่วนคนฉวยโอกาสรังแกคนก็เริ่มลบหลู่ท่านหญิง แค่สาวใช้ไม่กี่คนถึงกับกล้าวิจารณ์ลบหลู่ท่านหญิง ลองคิดดูแล้วท่านหญิงจะไม่โมโหได้อย่างไร
ในเมื่อเปลี่ยนไปเช่นนี้ รอจนภายหน้า ท่านหญิงยังจะใช้ชีวิตในจวนได้อย่างสงบหรือ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเยี่ยเม่ย หากมิใช่นางปรากฏตัว สถานการณ์คงไม่ดำเนินมาถึงขั้นนี้
“แต่ว่า…” ต่อให้ครุ่นคิดมาถึงขั้นนี้ แต่สาวใช้ยังคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ “ท่านหญิง อย่าว่าแต่พวกเราทำสำเร็จได้ยากเลย ต่อให้สำเร็จ ผลลัพธ์ก็เกินจะแบกรับไว้ได้! หากองค์ชายสี่เกิดโทสะ ต้องการให้จวนเสนาบดีทั้งหมดตกตายตามไปด้วย นี่…”
ค่าตอบแทนนี้จะสูงไปหรือไม่
ยามนางเอ่ยออกมา สีหน้าซือถูเฉียงพลันปรากฏแววชั่วร้าย มองสาวใช้เอ่ยปากว่า “อย่างนั้นก็ยิ่งดี! ข้ามีชีวิตเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย พี่ชายกับมารดาข้าก็มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ท่านพ่อไม่เพียงไม่ใส่ใจพวกเรา ซ้ำยังปล่อยให้พวกสารเลวเหล่านั้นเหยียบย่ำเราสามแม่ลูก ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ซือถูเฉียงยิ้มเย็นชา เอ่ยต่อว่า “ข้ามีชีวิตไม่ดี พวกเขาก็อย่าหวังจะอยู่ดีได้ พาทุกคนลงนรกไปด้วยกันเลยก็ดี!”
สาวใช้ได้ฟัง พลันรู้สึกขนลุกขนพอง มองซือถูเฉียงที่มีท่าทีคลุ้มคลั่ง เตรียมให้คนทั้งหมดตกตายตามกัน ยามนี้นางบังเกิดความเกรงกลัวว่าหากเรื่องแพร่ออกไป ตัวนางพลอยก็จบชีวิตไปด้วย
ในขณะที่คิดสายตาซือถูเฉียงก็มองบนใบหน้าสาวใช้ นางถามเย็นชาว่า “ทำไม เจ้าไม่กล้าหรือว่ากลัวตาย หรือคิดจะไปฟ้องท่านพ่อ”
สาวใช้ตะลึงงัน รีบคุกเข่าลง “ท่านหญิง ชีวิตของข้าเป็นฮูหยินมอบให้ ตอนนั้นหากมิใช่เพราะฮูหยินซื้อตัวข้ากับน้องสาวมาจากพวกขอทาน เกรงว่าข้าน้อยคงถูกขายเข้าหอนางโลมไปนานแล้ว ตอนนี้มีชีวิตหรือตายก็ยังไม่รู้ ฮูหยินมอบข้าให้คุณหนู ให้พวกเราสองคนดูแลคุณหนู บ่าวจะทรยศคุณหนูได้อย่างไร”
นางกลัวตายไม่ผิดแน่ แต่อย่างไรนางก็เป็นคนจงรักภักดี
“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทรยศข้า!” ซือถูเฉียงเอ่ยออกมา ก็กล่าวต่อ “เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ! หากเจ้าทรยศข้า นับตั้งแต่ตอนที่คนพวกนี้เริ่มเหยียบย่ำข้า เจ้าก็คงทิ้งข้าไปเข้ากับพวกอี๋เหนียงนานแล้ว ข้าเชื่อในความภักดีของเจ้า!”
เวลานี้สาวใช้ปาดน้ำตาที่จวนเจียนไหลออกมา มองซือถูเฉียง “ขอบคุณท่านหญิงที่เชื่อไว้วางใจ บ่าวไม่มีทางทรยศต่อความเชื่อใจของท่านแน่!”
“อย่างนั้นก็ดี!” ซือถูเฉียงพยักหน้า กำหมัดแน่น เอ่ยเสียงดุร้าย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็รีบไปจัดการซะ! ในเมื่อข้า ท่านแม่และพี่ชายมีคืนวันที่ไม่ดี อย่างนั้น…ท่านพ่อผู้ไร้หัวจิตหัวใจของข้า ซ้ำยังมีพวกสารเลวที่เรือนหลังของบิดาก็อย่าหวังจะมีชีวิตที่ดีเลย”
นางพูดไปพลางมองสาวใช้ กำชับว่า “ทันทีที่เรื่องเหล่านี้สำเร็จ เยี่ยเม่ยจะตาย ความจริงหากสืบออกมาไม่ได้ก็ดี ต่อให้สืบกระจ่างแล้ว อย่างมากข้าก็ชดใช้ด้วยชีวิต อย่างไรเสียชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้หวังอีก แต่พี่เยี่ยนสามารถช่วยข้าล้างแค้น สังหารคนในจวนเสนาบดีที่ทำร้ายข้ากับท่านจนหมดสิ้น ทำไมข้าจะไม่ดีใจกัน อีกอย่าง…”
เมื่อเอ่ยถึงยามนี้ สายตาของซือถูเฉียงแน่วแน่ขึ้นมา “ทันทีที่เป็นเช่นนี้ ทันทีที่เยี่ยเม่ยตาย พี่เยี่ยนจะต้องจดจำข้าในใจไปตลอด ไม่มีทางลืมเลือน!”
“ท่านหญิง ความในใจของท่าน บ่าวเข้าใจดี เพียงแต่หากท่านลงมือเช่นนี้จริง ท่านจะไม่อาจถอยกลับแล้ว!” ระหว่างพูด สาวใช้ก็ร้อนรน “อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ นายท่านก็ดีกับท่านมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้เขา…ถูกพวกจิ้งจอกเหล่านั้นทำให้เลอะเลือน”
“ฮ่าฮ่า…” ซือถูเฉียงหัวเราะเยาะคำหนึ่ง แผดเสียง “ดีกับข้าหรือ เมื่อก่อนข้าหลงคิดว่าท่านพ่อโปรดปรานข้ามาก ยามนี้เมื่อคิดดูแล้ว ความจริงก็เพราะผลประโยชน์ของจวนเสนาบดีเท่านั้นเอง รักโปรดปรานข้าเพราะข้ามีประโยชน์ต่อจวนเสนาบดี หากข้าหมดประโยชน์แล้ว ก็เป็นแค่หมากไร้ค่าสามารถโยนทิ้งได้ทุกเมื่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ายังต้องสนใจความเป็นตายของเขาอีกหรืออย่างไร”
“เรื่องนี้…”
ความจริงสาวใช้ยังคิดเกลี้ยกล่อมอีกหลายคำ แต่เมื่อคิดๆ แล้ว การแสดงออกของนายท่านช่วงนี้ ก็ชวนให้คนผิดหวัง จึงไม่โน้มน้าว
ซือถูเฉียงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อเขาไร้คุณธรรม ก็อย่าหาว่าข้าขาดมโนธรรม! บิดาเช่นนี้ เป็นพ่อที่เอาแต่ช่วยนังจิ้งจอกพวกนั้นโยนหินซ้ำเติมคน ข้าไม่ต้องการ อีกอย่าง ทุกวันเจ้าเห็นข้าถูกคนในจวนรังแกไม่สนใจบ้างเชียวหรือ”
เมื่อซือถูเฉียงกล่าวออกมา สาวใช้ที่เดิมทีคุกเข่าอยู่ไม่ลุกขึ้น พลันโขกศีรษะกับพื้นเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี “ท่านหญิง บ่าวเพียงกลัวว่าท่านจะเดินทางผิด บ่าวจะทนดูคุณหนูถูกพวกสารเลวพวกนั้นรังแกได้อย่างไร! ท่านหญิง ท่านวางใจเถอะ สิ่งที่ท่านสั่งการ บ่าวต้องช่วยท่านดำเนินการ ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”
“ดี!” ซือถูเฉียงมองนางคราหนึ่ง ถอนหายใจ “ถึงเวลานี้ คนข้างกายข้าก็มีเพียงเจ้าเท่านั้น!”
สาวใช้ได้ฟัง พลันสะอึกไปเล็กน้อย ในใจคิดว่าท่านหญิงช่างน่าสงสารนัก ท่านหญิงที่เคยสูงศักดิ์ วันนี้ตกลงมาอยู่ในสภาพเช่นนี้…
เมื่อคิดได้ ความภักดีปกป้องเจ้านาย นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “ท่านหญิง ท่านวางใจเถอะ! บ่าวไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน! น้องสาวของบ่าวก็ต้องช่วยเช่นเดียวกัน!”
“อืม!” ซือถูเฉียงยามนี้ค่อยวางใจลง
……
บริเวณแม่น้ำหมิง
เยี่ยเม่ยรออยู่ที่นี่มาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ นางรู้สึกว่าตัวเองโชคดีไม่น้อย พรุ่งนี้เป็นวันตงจื่อ[1] นางเดาว่าปีนั้นคนจำนวนมากตายอยู่ที่แม่น้ำหมิง เช่นนั้นญาติของคนเหล่านั้นต้องมีชีวิตอยู่ ในวันตงจื่อย่อมต้องมาเซ่นไหว้ที่แม่น้ำหมิง
หากเป็นเช่นนั้นจริง โอกาสของนางก็มาถึงแล้ว
ดังนั้นนางเพียงรออีกหนึ่งวัน รอหลังจากฟ้าสางของวันพรุ่งนี้ นางรับรองว่าคนของเป่ยเฉินอี้จะไม่ทันสังเกตได้เลยสักน้อย ว่านางปรากฏตัวที่แม่น้ำหมิง!
นางหันกลับมามองขอบฟ้า ก็รู้ว่าใกล้จะฟ้าสางแล้ว
เยี่ยเม่ยยกสัมภาระที่เตรียมไว้แต่แรก เตรียมตัวลุกขึ้น
นางเชื่อว่าต่อให้เป่ยเฉินอี้เฝ้าอย่างเคร่งครัดเพียงไหน วันนี้นางก็ต้องหาความจริงทั้งหมดกลับมาให้ได้!
[1] วันที่ช่วงกลางวันสั้นกว่ากลางคืน คนจีนนิยมกินบัวลอยในวันนี้