เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 244 ฮูหยินทนแยกจากเป่ยเฉินอี้ไม่ได้เชียวหรือ
อ้อ
เยี่ยเม่ยสะอึกไปเล็กน้อย ไม่เขาใจเรื่องนี้เลยสักนิด กลับรู้สึกว่าเขาที่เป็นเช่นนี้ดูอันตรายอยู่ไม่น้อย ครั้งก่อนที่เห็นท่าทางแบบนี้ของเขา…
นั่นคือตอนเขาหึง
ครั้งนี้…
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ครั้งนั้น คิดถึงความประหม่าและอ่อนแอของตัวเอง เพื่อกันไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง เยี่ยเม่ยรีบอธิบายทันที “ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ที่อยู่กับเป่ยเฉินอี้ก็เพราะถูกเขารั้งตัว ท่านอย่าได้คิดเหลวไหล!”
“อย่างนั้นหรือ” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบ ในตาร้ายกาจแผ่ความอันตรายออกมา เขากวาดตามองไปที่ร่างของเยี่ยเม่ย เสียงน่าฟังค่อยๆ กล่าวว่า “ฮูหยินคิดว่า สามีตาบอดหรืออย่างไร”
เยี่ยเม่ยชะงัก “หืม”
นี่มันคำพูดอะไรกัน
จากสายตาของเขา เยี่ยเม่ยก็มองบนร่างของตัวเองบ้าง เห็นผ้าคลุมขนเตียวบนกาย นางพลันมุมปากกระตุก
ในขณะที่กลัดกลุ้มว่าจะตอบคำพูดนี้อย่างไรดี เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ดึงผ้าคลุมขนเตียวบนร่างนางออก โยนกลับไปที่รถม้าของเป่ยเฉินอี้โดยไร้ความอ่อนโยน
เป่ยเฉินอี้ยื่นมือออกมารับผ้าคลุมไว้ บุรุษทั้งสองมองหน้ากัน
ในแววตาปรากฏกระแสเพลิง…
ถัดมา
เยี่ยเม่ยเพิ่งรับรู้ว่าผ้าคลุมบนร่างตนเองไม่อยู่แล้ว กลับเป็นผ้าคลุมขนเตียวสีเงินราวขนจิ้งจอกคลุมที่ร่างตน
นี่คือผ้าคลุมที่อยู่บนร่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เยี่ยเม่ยหางตากระตุก คนผู้นี้เจ้าคิดเจ้าแค้นกับเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังแสดงออกมาบนใบหน้า จำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองเป่ยเฉินอี้ เส้นเสียงน่าฟังของเขา ค่อยๆ ดัง “ทำไมกัน เสด็จอาคิดท้าทายความอดทนของเยี่ยนหรือ”
น้ำเสียงเป่ยเฉินอี้ยังทุ้มต่ำเหมือนเคย “ท้าทายแล้วจะทำไม”
เขาตอบกลับมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับยิ้มออก หลังจากรอยยิ้มจางหายไป บรรยากาศโดยรอบหลายลี้เกิดความกดดัน
ถึงขั้นเครียดขึงขึ้นมาแล้ว!
…..
ไม่ว่าชิงเกอ หรือเสี่ยวกวน ต่างตระหนักได้จับด้ามกระบี่เตรียมอารักขาผู้เป็นนาย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจ้องเป่ยเฉินอี้ น้ำเสียงของเขายังคงสบายๆ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ท้าทายแล้วจะทำไมหรือ ในเมื่อเสด็จอาถามอย่างนี้แล้ว เช่นนั้นเยี่ยนก็ทำได้แต่เอาชีวิตของเสด็จอา ให้ท่านรับผิดชอบการท้าทายของตัวเองซะ! อย่างไรเสียพวกเราอาหลานกัน หากไม่สำเร็จความต้องการจบชีวิตของเสด็จอา จะแสดงให้เห็นว่าเยี่ยนไม่เคารพเสด็จอาไม่ใช่หรือ”
เขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ คนทั้งหมดต่างมุมปากกระตุก
องค์ชายสี่ช่างถนัดการกลับดำเป็นขาว ถนัดการกลับเรื่องเท็จเป็นเรื่องจริง ขณะจะต่อสู้สังหารคนแล้ว ยังพูดจาว่าเป็นเคารพเป่ยเฉินอี้ไปได้
อีกทั้ง
สิ้นเสียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป่ยเฉินอี้กลับหัวเราะเบาๆ เอ่ยเสียงขรึมว่า “ข้ามีความคิดจะต่อสู้กับเจ้าสักครั้ง แต่ว่าตอนนี้ หลานออกจากเมืองมาอย่างง่ายดาย เคยคิดถึงความปลอดภัยของจิ่วหุนหรือไม่”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เยี่ยเม่ยแววตาสั่นไหวทันที
นางหันกลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน จริงด้วย ก่อนนางออกมาได้ฝากฝังเมืองกับจิ่วหุนไว้กับเขา ไฉนเขาถึงตามออกมาแล้วด้วยเล่า
เขาออกจากเมืองมาแล้ว จิ่วหุนจะเป็นอย่างไร
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแววตาลุ่มลึก จ้องเป่ยเฉินอี้ ถามว่า “ความหมายของเสด็จอาคือ ท่านเตรียมจัดฉากสังหารจิ่วหุนอีกครั้งหรือ”
“ถูกต้อง!” เป่ยเฉินอี้ยอมรับตามตรง จากนั้นกวาดตามองเยี่ยเม่ย “แม่นางเยี่ยเม่ย กล้าเดิมพันหรือไม่”
ยามนี้ เยี่ยเม่ยเข้าใจแล้วว่าเขาต้องการถามอะไร
กล้าเดิมพันหรือไม่
หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสังหารเป่ยเฉินอี้อยู่ที่นี่ จิ่วหุนจะถูกลอบสังหาร อาศัยเพียงพวกซือหม่าหรุ่ยไม่มีทางรับไหวแน่
นางย่อมไม่กล้าเดิมพัน
นางรีบหันกลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยว่า “อย่าสนใจเขาอีกเลย พวกเรากลับกันเถอะ!”
เมื่อนางกล่าวจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้มหน้ามองเยี่ยเม่ย เอ่ยว่า “ก่อนเยี่ยนออกจากเมือง ได้สั่งให้องครักษ์เงาคุ้มกันจิ่วหุนแล้ว คนของเสด็จอาจะลอบสังหารเขา หาใช่เรื่องง่าย!”
เขาเอ่ยไปสายตาก็ตกอยู่ที่ร่างเป่ยเฉินอี้ แววตาฉายความอันตราย
เป่ยเฉินอี้หัวเราะเบาๆ กวาดตามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน จากนั้นมองตรงไปที่ใบหน้าเยี่ยเม่ย “หลานส่งคนไปคุ้มกันจิ่วหุนแล้ว ข้าก็ส่งคนไปสงหารจิ่วหุน นั่นก็พูดได้ว่าความเป็นตายของจิ่วหุนมีโอกาสครึ่งต่อครึ่ง! แม่นางเยี่ยเม่ย สถานการณ์ในเวลานี้ เจ้าน่าจะเข้าใจกระมัง”
เมื่อเขาอธิบาย แววตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเย็นเยียบลง และก็เข้าใจว่าเป่ยเฉินอี้คิดอาศัยความใส่ใจของเยี่ยเม่ยที่มีต่อจิ่วหุนเพื่อหนีจากที่นี่
เยี่ยเม่ยก็ไม่โง่ นางรู้ว่าเป่ยเฉินอี้มีแผนอย่างไร ครั้งก่อนตอนเขาประมือกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่มือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน วันนี้เขาเอ่ยออกมาก็เพื่อรักษาชีวิต
แต่ต่อให้รู้ทันความคิดเป่ยเฉินอี้ เยี่ยเม่ยก็ไม่กล้าเสี่ยง
นางหันมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอีกครั้ง “ครั้งนี้แล้วกันไปเถอะ ความปลอดภัยของจิ่วหุนสำคัญกว่า คนของเขาไม่แน่จะสังหารจิ่วหุนได้ คนของท่านก็ไม่แน่ว่าจะปกป้องจิ่วหุนได้ ซือหม่าหรุ่ยก็ดูไม่มีวรยุทธ์อะไรนัก อันตรายเกินไป อีกอย่าง…”
อีกอย่าง เป่ยเฉินอี้ยังมีการติดต่อกับคนของต้ามั่ว
ใครจะรู้ว่า เขายังจะวางแผนร่วมมือกับคนต้ามั่วสังหารจิ่วหุนหรือไม่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็มิใช่โง่งม เยี่ยเม่ยคิดได้ เขาย่อมคิดออกและก็เพราะคิดออก ในใจยิ่งไม่ยินดี นางใส่ใจเจ้าเด็กน้อยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นขนาดนี้ เขาย่อมดีใจไม่ออก!
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นเสียงเย็น ปรายตามองเยี่ยเม่ย จากนั้นมองเป่ยเฉินอี้ ค่อยๆ กล่าวว่า “เสด็จอา โอกาสรอดชีวิตไม่ใช่มีทุกครั้ง ท่านจงรักษามันให้ดี!”
เป่ยเฉินอี้ฟังแล้วกลับไม่โมโห ยิ้มตอบ “เป็นเช่นนั้นแน่นอน!”
สิ้นคำพูด เป่ยเฉินอี้คลุมผ้าขนเตียวปิดม่านรถม้าลง สั่งว่า “ไปเถอะ!”
ชิงเกิอพยักหน้ารับ ควบม้าจากไปทันที
พวกเสี่ยวกวนก็ตามขึ้นมาอยู่ข้างกายเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
อวี้เหว่ยมองหน้าเสี่ยวกวนด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ในเมื่อเสี่ยวกวนตามตัวเยี่ยเม่ยพบแล้ว ทำไมไม่เดินทางกับนาง แต่ยังติดตามอยู่ด้านหลังรถม้าเป่ยเฉินอี้อีก เจ้านี่คิดอะไรกันแน่?!
ขณะที่อวี้เหว่ย กลัดกลุ้มอยู่…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองเสี่ยวกวน ชิงเอ่ยปากถาม “ไฉนเจ้าถึงตามอยู่หลังรถม้าเป่ยเฉินอี้”
“คือ…” เสี่ยวกวนสีหน้าทุกข์ตรม ก้มหน้ารายงานตามจริง “คือ คือว่า หลังจากที่ข้าน้อยพบตัวแม่นางเยี่ยเม่ยแล้ว นางบอกว่า นางบอกให้ข้าน้อยติดตามอยู่ด้านหลังก็พอ ข้าน้อยไม่กล้าขัดคำสั่งแม่นางเยี่ยเม่ย ด้วยเหตุนี้ ด้วยเหตุนี้…”
คำพูดต่อมาเขาไม่กล้าเอ่ยแล้ว แต่เขาเชื่อว่าเตี้ยนเซี่ยต้องเข้าใจเขาแน่
อีกทั้งในใจเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากตัวเองเอ่ยออกไป แม่นางเยี่ยเม่ยจะไม่พูดว่านางไม่พอใจในตัวเขา ดังนั้นจึงไม่ร่วมเดินทางกับเขา
อวี้เหว่ยฟังคำตอบของเสี่ยวกวน พลันรู้สึกว่าเจ้านี่ร้ายกาจนัก เขาเอ่ยคำพูดเช่นนี้ ไม่ใช่กำลังก่อเรื่องหรือไง เห็นได้ชัดว่ากำลังยุแยงให้เกิดความน่าสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างแม่นางเยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยน!
เป็นดังคาด…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้มหน้าลง มองเยี่ยเม่ยถามเสียงนุ่มว่า “ดังนั้น ฮูหยินทนแยกจากเป่ยเฉินอี้ไม่ได้เชียวหรือ”