เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 201 เป่ยเฉินอี้ มอบตัวจิ่วหุนมา
เพลิงโทสะของเยี่ยเม่ยลุกโหมกระหน่ำ
ซินเยว่เยี่ยนที่มองอยู่ยังตกใจ “คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีผลต่อเจ้าขนาดนี้”
เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองอีกฝ่าย เล่าเสียงนิ่ง “เจ้าจะรู้อะไร ตอนที่เขาหนีเอาชีวิตรอดก็มุ่งตรงมาที่เรือนของข้า จู่ๆ ก็เปลี่ยนทิศทางไป นี่ยังบอกอะไรได้อีกเล่า”
เห็นได้อย่างชัดเจน…
ซินเยว่เยี่ยนสูดลมหายใจลึก พลันรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ ถูกบีบคั้นจนถึงขั้นนี้เขายังเปลี่ยนเส้นทางหนี นี่คือการปกป้อง ยอมตาย แต่ไม่ยอมทำให้นางตกที่นั่งลำบาก
ซินเยว่เยี่ยนกดเสียงต่ำลง “ข้าเข้าใจแล้ว หวังว่าเขาจะปลอดภัย”
เพียงแต่ร่างกายถูกพิษแล้ว ระหว่างทางยังได้รับบาดเจ็บติดต่อกัน บนพื้นยังมีเลือดพิษอยู่ นั่นก็แสดงว่าเขาถูกพิษอีกครั้ง แล้วกระโดดน้ำในฤดูหนาวเพื่อหนีตาย เป็นเช่นนี้…
โอกาสรอดชีวิตของจิ่วหุนยังเหลืออีกเท่าไรกันเชียว
เยี่ยเม่ยไม่พูดมากอีก สำรวจไปยังพื้นที่รอบๆ แม่น้ำอย่างรวดเร็ว บนพื้นยังมีร่องรอยการไล่ล่า ห่างจากฝั่งไปไม่กี่เมตร ถึงไม่พบรอยเท้าอีก
ทว่ายังไม่มีร่องรอยการต่อสู้เช่นเดิม
หมายความว่า
อย่างน้อยจิ่วหุนก็ไม่ตายด้วยน้ำมือของคนชุดดำพวกนี้
มิเช่นนั้นต่อให้บนพื้นไม่มีศพ แต่อย่างน้อยก็ควรมีรอยเลือด
ซินเยว่เยี่ยนเองก็มองเรื่องเหล่านี้ออก เพียงแต่…นางมองแม่น้ำทีหนึ่ง ถามด้วยความระมัดระวังว่า “เจ้าว่าเขาจะ…”
จะตายอยู่ในน้ำหรือไม่
“ไม่มีทาง”
ซินเยว่เยี่ยนยังไม่ทันเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยก็ตัดบทขึ้นมาทันที “จิ่วหุนไม่ใช่เด็กที่อ่อนแอ เขาไม่ตายง่ายๆ แน่”
คำพูดเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่ซินเยว่เยี่ยนมองออกว่าเยี่ยเม่ยก็ลนลานแล้ว
ซินเยว่เยี่ยนไม่รู้ว่าเวลานี้ตัวเองสมควรเอ่ยอะไรออกไป
จู่ๆ เยี่ยเม่ยก็มองแม่น้ำที่เย็นยะเยือกสายนั้นทีหนึ่ง ซินเยว่เยี่ยนเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร ทว่าไม่ทันห้ามปราม เยี่ยเม่ยก็กระโดดลงน้ำไปแล้ว
เยี่ยเม่ยดำลงไป ตามหาจิ่วหุน
ยามนี้ซินเยว่เยี่ยนก็ลนลานอยู่บ้าง วันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ สายน้ำเย็นเฉียบขนาดนี้ เยี่ยเม่ยกระโดดลงไปหาคน หากเกิดขาชาเพราะน้ำเย็นขึ้นมา เกรงว่าชีวิตของอีกฝ่ายคงต้องทิ้งไว้ที่นี่
ทว่าดูจากสีหน้าของเยี่ยเม่ย นางมองออกว่าตนเองห้ามไม่อยู่แน่
ดังนั้น ไม่ว่านางจะกังวลเพียงไหน อย่างดีก็ทำได้แค่เฝ้าอยู่ที่ริมฝั่ง หลังจากเฝ้ารอเยี่ยเม่ยดำน้ำลงไปแต่ละครั้ง แล้วโผล่หัวขึ้นมา รอว่าครั้งไหนที่เยี่ยเม่ยดำนานเกินไป อาจเกิดเรื่องขึ้น นางก็จะรีบโดดลงไปช่วย
หลังจากหนึ่งชั่วยามกว่าผ่านไป
บริเวณแม่น้ำรอบๆ นี้หาจนทั่วแล้ว เยี่ยเม่ยอ่อนล้าสุดกำลัง ภายใต้การช่วยเหลือของซินเยว่เยี่ยน นางก็ขึ้นมาจากแม่น้ำได้ เยี่ยเม่ยกลับดีใจ “แม่น้ำสายนี้ไหลไม่แรงมาก ดังนั้นในระยะเวลาสั้นไม่อาจพัดจิ่วหุนจากไปไกลแน่ ข้าสำรวจอย่างละเอียดแล้ว ยังหาไม่พบ…นั่นก็หมายความว่า จิ่วหุนยังไม่ตาย”
“ข้าเองก็คิดว่าอาศัยความสามารถของเขา ไม่สมควรตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาบาดเจ็บแล้ว ต่อให้ตกลงไปในแม่น้ำ ก็น่าจะไปได้ไม่ไกล พวกเราลองหาดูรอบๆ ริมแม่น้ำดูก่อน” ซินเยว่เยี่ยนรีบเสนอ เพราะกลัวว่าเยี่ยเม่ยจะทำเรื่องอันตรายอย่างดำน้ำหาคนอีกครั้งหนึ่ง
ต่อให้เยี่ยเม่ยมีร่างกายแข็งแรงเป็นเหล็กกล้า ในฤดูหนาวเช่นนี้ดำน้ำหาคนมีแต่จะแข็งตายเท่านั้น
“อืม” เยี่ยเม่ยปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตามหาคนไปรอบๆ พร้อมกับซินเยว่เยี่ยน
เวลานี้มีแต่พวกนางเท่านั้นที่ตามหาคนได้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสูญเสียกำลังภายในขั้นหนึ่งไป ต่อให้เขาฝืนโคจรลมปราณฟื้นฟูกำลัง แต่เยี่ยเม่ยเข้าใจดี กำลังวังชาของเขายังไม่ฟื้นฟูกลับมา หากฝืนออกมาสั่งให้คนทั้งหมดช่วยตามหา เกรงแต่ว่าจะทำให้ผู้คนพบเห็นว่าเขาร่างกายอ่อนแอ นำอันตรายมาสู่ชีวิตของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้
อีกอย่างเจ้าเมืองหลินกับแม่ทัพเซียวดูจิ่วหุนถูกไล่สังหาร นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าในใจของพวกเขา นักฆ่าอย่างจิ่วหุนสมควรตาย อย่างนั้นหวังให้พวกเขาช่วยหาคน ไม่แน่ว่าพวกเขาจะตกลง ต่อให้ตกลง เยี่ยเม่ยก็ไม่วางใจ
ฝีเท้าของคนทั้งสองนับว่าก้าวไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้เยี่ยเม่ยพละกำลังถดถอย แต่เพราะความร้อนใจจึงเดินได้ว่องไวนัก
ผ่านไปสักพัก ก็ตรวจสอบบริเวณรอบแม่น้ำจนครบถ้วน แต่ก็ยังไม่พบร่องรอย
เยี่ยเม่ยกลัดกลุ้มไม่น้อย ทั้งกังวล “ไม่มีร่องรอยเลย”
ซินเยว่เยี่ยนมองเยี่ยเม่ยทีหนึ่ง มุ่นคิ้วเอ่ยว่า “ร่างกายเจ้าเปียกหมดแล้ว หากยังไม่กลับไปเปลี่ยนชุดอีก ไม่ช้าเจ้าต้องป่วยแน่ หากเจ้าป่วย ก็ยิ่งไม่มีใครปกป้องเขาอีกแล้ว เจ้ากลับไปเปลี่ยนชุดก่อน พวกเราค่อยหาวิธีการกันใหม่”
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว ก็ไม่ขยับเขยื้อน นางยืนนิ่งตรงที่เดิม ใคร่ครวญเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ใครอยากให้เกิดมีเรื่องกับจิ่วหุน
หลังจากมีเรื่องกับจิ่วหุนแล้วส่งผลเสียถึงใครมากที่สุด ใครได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุด
ใครที่มีโอกาสเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
หากจิ่วหุนไม่ตาย และไม่อาจหนีไปได้ด้วยตัวเอง อย่างนั้นต้องมีคนพาตัวเขาไปแน่ อย่างนั้นคนผู้นั้นคือใครกัน แล้วเป้าหมายที่เอาตัวจิ่วหุนไปคืออะไร
คำถามแต่ละคำถามผุดขึ้นมาไม่หยุด
ในไม่ช้า สมองเยี่ยเม่ยคิดถึงคำพูดของจิวมั่วเหอ เป่ยเฉินอี้แอบวางแผนเล่นงานนาง อย่างนั้น…เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเป่ยเฉินอี้หรือไม่
ซินเยว่เยี่ยนเห็นว่าหลังจากตัวเองพูดจบ เยี่ยเม่ยก็ไม่ขยับอีก ยามนี้ยิ่งร้อนรน “เยี่ยเม่ย เจ้าต้องรักษาสุขภาพ ไม่เช่นนั้น…”
“ข้าจะไปหาเป่ยเฉินอี้”
เยี่ยเม่ยก้าวเท้าออก เดินสวบๆ กลับเข้าไปในเมือง
เป่ยเฉินอี้?
ซินเยว่เยี่ยนตะลึงอึ้งเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเยี่ยเม่ยถึงได้มีบทสรุปเช่นนี้ นางรีบติดตามฝีก้าวของเยี่ยเม่ย ถามว่า “เป่ยเฉินอี้เหรอ เรื่องนี้เกี่ยวกับเขาเหรอ เจ้ามีหลักฐานหรือไม่”
“ไม่มี”
เยี่ยเม่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา
ฝีก้าวของนางยังไม่หยุดนิ่ง รีบเอ่ยต่อว่า “ข้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเป่ยเฉินอี้ แต่ข้าคิดแล้ว คนที่ทำเรื่องนี้ได้หมดจดเช่นนี้ต่อให้ไม่ใช่เขา แต่เขาก็คือคนที่น่าสงสัยมากที่สุด”
ซินเยว่เยี่ยนงุนงง “หมายความว่าอย่างไร”
หรือว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จิ่วหุนพิษกำเริบพอดี ถึงถูกลอบสังหาร
ฝีเท้าของเยี่ยเม่ยไวมาก ตอบกลับไปทันที “จิ่วหุนบาดเจ็บวันแรก ทำไมถึงมีคนมาลอบสังหารเขาทันที อีกทั้งพวกทหารที่เดิมชมชอบจิ่วหุนมาก จู่ๆ ก็รู้ฐานะของจิ่วหุนในวันนี้พอดิบพอดี จึงไม่ยอมช่วยเหลือเขา อีกอย่างการลอบสังหารครั้งนี้รอบคอบ รัดกุมมาก แม้แต่สภาพร่างกายของจิ่วหุน หรือว่าเวลาใดที่ใช้พิษกับจิ่วหุนแล้วจะประสบความสำเร็จก็คำนวณไว้เรียบร้อย เรื่องนี้เมื่อเอามาร้อยเรียงกัน เจ้ารู้สึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ”
ซินเยว่เยี่ยนตะลึงงัน “เจ้าพูดถูก ต่อให้เป็นเรื่องบังเอิญก็ไม่น่าบังเอิญมาเกี่ยวเนื่องกันแบบนี้”
ส่วนสายตาเยี่ยเม่ยในเสี้ยวนาทีนี้เยือกเย็นลง “ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ ผู้บงการยังคำนวณได้ว่า วันนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะต้องใช้กำลังภายในขั้นหนึ่งช่วยจิ่วหุน ไม่ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะแข็งแกร่งปานใด คืนนี้ก็ต้องพักฟื้นเท่านั้น ส่วนคนข้างกายเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคืนนี้ก็ต้องคอยคุ้มกันความปลอดภัยอยู่ข้างกายเจ้านาย…”
อย่างนั้นคืนนี้คนที่จะออกมาช่วยได้ก็เหลือแค่คนเดียว ซินเยว่เยี่ยนก็แค่บังเอิญติดตามมาเท่านั้น
“แผนการล้ำเลิศปานนี้ นอกจากเป่ยเฉินอี้ ทั่วทั้งชายแดนข้ายังคิดถึงคนที่สองไม่ออก เป่ยเฉินเสียงไม่มีทางมีมันสมองเช่นนี้แน่” เยี่ยเม่ยสรุป
ซินเยว่เยี่ยนนิ่งไปแล้ว คิดว่าคำพูดของเยี่ยเม่ยมีเหตุผล
ระหว่างเอ่ย เยี่ยเม่ยก็มาถึงหน้าประตูห้องเป่ยเฉินอี้ นางเตะองครักษ์ที่เข้ามาขวางทางออก ใช้เท้าถีบประตูห้อง
หลังจากเยี่ยเม่ยเดินเข้าประตูมา ก็แผดเสียงดังว่า “เป่ยเฉินอี้ ส่งตัวจิ่วหุนมา”