เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 195 ไม่สู้เจ้าลองใช้ร่างกายตอบแทนสามี
เยี่ยเม่ย “…”
เวลานี้หญิงสาวหน้าแดงก่ำ
จุมพิตของเขาทวีความเร่าร้อนมากขึ้น บรรยากาศคลุมเครือเกินจะปิดบังได้ คล้ายสุรากระตุ้นอารมณ์แตกกระจายออกมาทั่วท้องห้องหับฟุ้งไปด้วยไอปรารถนา
เยี่ยเม่ยผลักเขาออก ฝืนสงบใจลง เตือนเขาคำหนึ่ง “ท่านอย่าลืมว่า ร่างกายของท่าน…”
“ข้าโคจรพลังไปแล้ว”
เขาผละออกจากริมฝีปากนาง ก้มหน้ามองนาง แววตาทอรอยยิ้ม
เยี่ยเม่ยกลอกตาไปซ้ายทีขวาที รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมา หน้าแดงเรื่อ ร่างกายยิ่งร้อนผ่าว
ในหนึ่งวันนี้พวกเขาล้มตัวนอนบนเตียงด้วยกันสองครั้ง อารมณ์พลุกพล่าน ความปรารถนาลุกโชน ในเวลานี้พลันมอดลงอย่างฉับพลันอย่างนั้นหรือ
“แต่ว่า…” เยี่ยเม่ยกวาดตามองไปรอบด้าน ใบหน้าแดงก่ำไม่กล้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กล่าวต่อว่า “แต่ว่าท่านยังไม่หายดี ลมหายใจยังไม่สม่ำเสมอ ข้าว่า ตอนนั้นที่ท่านโมโหจากมาแล้วไม่ลากข้ามาด้วยก็เพราะว่าร่างกายของท่านในตอนนั้นทำไม่ได้”
เมื่อเยี่ยเม่ยกล่าวเช่นนี้ เขาพลันหัวเราะ “ฮูหยินฉลาดขึ้นทุกวัน”
หากไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายของตนในตอนนั้นพร้อมจะเป็นลมล้มไปได้ทุกเมื่อ ต่อให้เขาโกรธแค่ไหนก็คงลากสตรีผู้นี้ออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“แต่ถึงสามีจะยังไม่หายดี ก็มั่นใจว่าจะทำให้ฮูหยินพึงพอใจได้”
คำพูดนี้ยิ่งคลุมเครือเข้าไปใหญ่
ใบหน้าเยี่ยเม่ยคล้ายถูกไฟเผา จู่ๆ นางก็ลุกขึ้นนั่ง ผลักเขาออก “ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหลแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“โอ๊ย”
เมื่อถูกเยี่ยเม่ยผลัก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกุมหน้าอกร้องเจ็บปวด
คิดถึงหลายครั้งที่เขาแสดงออกว่าบาดเจ็บ มีทั้งจริง มีทั้งเท็จ เยี่ยเม่ยก็ไม่อาจมั่นใจว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จได้ในทันที
ครั้นเห็นเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากเขา
เยี่ยเม่ยก็ไม่กล้าคิดมาก เท้าที่จะก้าวออกไปจากห้อง ถอยกลับมาอย่างว่องไว พยุงเขาถามว่า “ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“เป็นสิ เจ็บมาก” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบทันควัน
อวี้เหว่ยที่แอบดูหน้าประตู อดไม่ไหวกลอกตาใส่
ถึงสภาพร่างกายของเตี้ยนเซี่ยน่าเป็นห่วง แต่ว่าเตี้ยนเซี่ยอ่อนแอขนาดนี้ที่ไหนกันเล่า เตี้ยนเซี่ยคือคนที่เคยถูกตีจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลก็ยังไม่ร้องเจ็บเลยสักคำ ก็แค่การเสแสร้งขอความสงสาร เรียกร้องความสนใจต่อหน้าสตรีที่รักเท่านั้นเอง
อย่างไรเสียในเมื่อมีจิ่วหุนผู้น่ารักอยู่ที่นั่น เตี้ยนเซี่ยที่น่ารักไม่พอก็ได้แต่ทำตัวน่าสงสารแล้ว เฮ้อ…น่าเห็นใจจริงๆ
เยี่ยเม่ยไม่กล้าผลักเขาตามอำเภอใจอีก
นางพยุงเขาเหมือนจับกระดาษบางเบา พยุงอย่างระมัดระวัง ในใจรู้สึกสำนึกเสียใจ รู้สึกว่าตัวเองหยาบกระด้างนัก “ขอโทษด้วย ข้า…ใครใช้ให้เมื่อครู่ท่าน…”
ซือหม่าหรุ่ยเตือนแล้วว่า สภาพร่างกายของเขายังไม่แข็งแรง ดังนั้นทำไมนางถึงผลักเขาแรงขนาดนั้นกันนะ
แต่ว่าสถานการณ์เมื่อครู่ก็ชวนให้กระอักกระอ่วนจริงๆ คำพูดคลุมเครือพวกนั้น ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนไร้ประสบการณ์ เป็นแม่นางที่ไม่เคยมีความรัก จะทนรับการเกี้ยวพาราสีแบบนั้นได้เหรอ ดังนั้น…นางอดคิดมาไม่ได้ ถึงได้ตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา
“สามีสำนึกผิดแล้ว” เขากลับโอนอ่อนคล้อยตาม ฟังน้ำเสียงตำหนิและไม่พอใจของนางออก ก็รีบอ่อนลงทันที
คราวนี้เยี่ยเม่ยคิดจะอาละวาดก็ทำไม่ได้
เยี่ยเม่ยประคองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนอนลงบนเตียง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ท่านอย่าได้ทรมานตนอีกเลย พักผ่อนก่อนวันหนึ่ง ร่างกายฟื้นฟูก่อนค่อยว่ากัน แต่ว่าข้ายังแปลกใจอยู่บ้าง ตามหลักแล้ว พรุ่งนี้ท่านถึงเริ่มโคจรพลังไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้กลับมาก็เริ่มรักษาตัวเองทันที”
ยังไม่ทันพักฟื้นจิตใจ ก็เริ่มฟื้นฟูกำลังแล้ว ทำแบบนี้ผลลัพธ์ย่อมไม่ได้เกิด ในทางกลับกันอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงกับร่างกายของเขาได้
ถึงเยี่ยเม่ยไม่เข้าใจเรื่องกำลังภายในมากนัก ทว่าความรู้พื้นฐาน นางก็พอเรียนรู้จากเคล็ดวิชาเสี่ยวเถียนไช่อยู่บ้าง
เมื่อเยี่ยเม่ยถาม
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคลี่ยิ้มแล้ว ดวงตาคู่ร้ายมองนาง เอ่ยเสียงเบาสบายว่า “แต่โลกใบนี้คนที่รังเกียจเยี่ยน กลับไม่สามารถให้โอกาสเยี่ยนพักผ่อนได้สักคืนเดียว”
เยี่ยเม่ยนิ่งไป
อวี้เหว่ยที่หน้าประตูก็นิ่งไปเช่นกัน
ความหมายก็คือ…
ความหมายก็คือ ความจริงแล้วที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสามารถควบคุมชะตาชีวิตของผู้อ่อนแอได้ ก็เพราะเขาเข้มแข็งมากพอ แต่ทันทีที่เขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ เริ่มบาดเจ็บ เริ่มสูญเสียพลังในการต่อสู้ เช่นนั้นเหล่าคนที่จับจ้องเขาอยู่ จะทำให้เขาตายอย่างรวดเร็ว
เขารู้ทั้งรู้ว่าเมื่อตัวเองยื่นมือช่วยจิ่วหุน จะทำให้ตกอยู่สภาพอันตราย แต่เขาก็ยังทำเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เขาเกลียดจิ่วหุนมาก
สิ่งเหล่านี้ทำให้เยี่ยเม่ยเงียบไปสักพัก เอ่ยจากใจจริงว่า “ขอบคุณท่านมาก”
อวี้เหว่ยด้านนอกถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ความจริงเรื่องในวันนี้ เขารู้สึกว่าเตี้ยนเซี่ยเลอะเลือนมาก ใช้พลังฝึกฝนขั้นหนึ่งออกไป ภายในหนึ่งวันนี้หากไม่ฝืนโคจรเพื่อฟื้นฟูกำลัง ยอดฝีมือคนใดก็ได้สามารถทำร้ายจนเตี้ยนเซี่ยไม่อาจโต้ตอบกลับไป แต่เมื่อฝืนโคจรพลัง ก็จะส่งผลกระทบกับชีพจรในร่างกาย
แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น…
ใครใช้ให้ฐานะของเตี้ยนเซี่ยอันตรายเกินไป อย่าว่านิสัยและการกระทำของเตี้ยนเซี่ยขัดตาคนจำนวนมากเลย อาศัยฐานะองค์ชายสี่ของเขา เกรงว่าเขาไม่ต้องทำอะไร คนที่มีใจต่อบัลลังก์ก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสสังหารเตี้ยนเซี่ยไปแน่
เขาไม่ยินยอมเอ่ยปัญหานี้ออกมา ทำให้นางรู้สึกผิดและโทษตัวเอง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับหยอกเย้านางอย่างตรงไปตรงมา “ฮูหยิน ระหว่างสามีภรรยาพูดจาขอบคุณก็ห่างเหินเกินไป หากเจ้าคิดขอบคุณข้าจริงๆ ไม่สู้วันนี้เจ้าเป็นฝ่ายเริ่ม ให้ร่างกายตอบแทนสามี”
เยี่ยเม่ยส่ายหน้า รู้แก่ใจว่าคนผู้นี้ไม่อยากให้นางโทษตัวเอง
หญิงสาวถอนหายใจ ห่มผ้าให้เขา “ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ คืนนี้จะให้ข้าเฝ้าไหม”
ถึงเขาจะโคจรพลังแล้ว วรยุทธ์น่าจะฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง ทว่าในใจเยี่ยเม่ยก็พอรู้อยู่ หากคืนนี้มีคนคิดสังหารเขา ก็ยังคงน่าอันตรายเหมือนเดิม
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับหัวเราะ
“ฮูหยินยินยอมเฝ้าไข้เยี่ยน เยี่ยนย่อมดีใจ แต่ฮูหยินก็ต้องเข้าใจ บุรุษเข้มแข็งอย่างเยี่ยน ไม่ต้องการการปกป้องจากสตรีของตนเด็ดขาด หากอ่อนแอถึงขั้นนั้น จะปกป้องสตรีที่ตนรักได้อย่างไรเล่า นี่หาใช่การโอ้อวดฝีมือ แต่ฮูหยินสมควรเชื่อในความสามารถของเยี่ยน”
เขาอยากรั้งนางไว้ แต่ด้วยนิสัยของนาง หากรั้งเอาไว้คงนั่งเฝ้าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน
เขาจะทนได้เหรอ
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากโคจรพลัง ถึงลมปราณเขาจะฟื้นฟูกลับมาไม่ถึงห้าส่วน แต่คิดเอาชีวิตเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
เยี่ยเม่ยเห็นสีหน้าจริงใจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่คล้ายล้อเล่น ทั้งไม่เหมือนกำลังฝืนตัวเอง จึงวางใจ
แต่ว่า
นางรู้สึกว่า นับตั้งแต่นางพบเป่ยเฉินอี้ ทำให้เขาเกิดความหึงหวง ตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้บุรุษเบื้องหน้าคล้ายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ถึงแม้ยามเชื่อฟัง เขาไม่ได้ขัดคำสั่งนาง ทว่าความเข้มแข็งโดยเนื้อแท้ของเขายังแสดงออกมา
เยี่ยเม่ยถอนหายใจยาว มองเขาอย่างระวัง เอ่ยปากเสียงเย็น “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ข้ารู้สึกหากพวกเราสองคนเป็นอย่างนี้ต่อไป ท่านยังเข้มแข็งแบบนี้ ไม่ช้าข้าคงสูญเสียตำแหน่งใหญ่ที่สุดในบ้านไปแล้ว”