เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 161 อี้อ๋องมาถึงแล้ว
อวี้เหว่ยหมดคำพูด เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร แม่นางเยี่ยเม่ยก็กลายเป็นหัวข้อหลักไปแล้วใช่หรือไม่
เขามองเตี้ยนเซี่ยหน้าตาจริงจังด้วยความมึนงง “เตี้ยนเซี่ย แม่นางเยี่ยเม่ยรับปากแต่งงานแล้ว…”
ยังมีอะไรให้แข่งขันกันอีกเล่า หรือว่าแม่นางเยี่ยเม่ยยังจะรับปากแต่งงานพร้อมกันสองงานด้วย
จากนั้นอวี้เหว่ยก็เสริมด้วยเหตุผลอีกว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยไม่ใช่คนพูดจากลับกลอก พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น”
ดังนั้นเตี้ยนเซี่ยก็ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น
ถัดมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตวัดสายตามองเขาทีหนึ่ง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย ทั้งยังใช้แววตาราวกับมองสุกรโง่งมมองอวี้เหว่ย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยปากเนิบๆ ว่า “ความพ่ายแพ้ของคนจำนวนมากบนโลก ก็เป็นเช่นเดียวกับเจ้านั่นแหละ หลงคิดว่ากอบกุมชัยชนะเอาไว้มั่นแล้ว จึงไม่ตั้งใจรักษาไว้ให้ดี สุดท้ายชัยชนะในมือก็ถูกผู้อื่นแย่งชิงไป”
หลังจากเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่สนใจอวี้เหว่ยอีก หมุนกายกลับเข้าห้อง
อวี้เหว่ยยืนอยู่หน้าประตู ครุ่นคิดครู่หนึ่ง พยักหน้าหงึกหงัก
ก็ถูก มีเหตุผลมาก
ก็เหมือนกับจิ้งหรีดของเขา ที่เดิมทีหลงคิดว่าจิ้งหรีดอยู่ในมือแล้ว ชีวิตที่แสนน่าเบื่อภายภาคหน้าก็จะถูกคลี่คลายไปได้
ผลลัพธ์คือหลังจากตนได้รับจิ้งหรีด ยินดีจนลืมตัวทำงานผิดพลาด สุดท้ายจิ้งหรีดที่ได้รับมาก็ถูกบีบให้เหยียบตาย
อวี้เหว่ยคิดแล้วก็ปาดน้ำตา เห็นความทุกข์ตรม “จริงด้วย คำพูดของเตี้ยนเซี่ยมีเหตุผล”
ยามนี้เขาค้นพบแล้ว เตี้ยนเซี่ยในเวลานี้มีแต่แม่นางเยี่ยเม่ย ส่วนในสายตาของตัวเขาในยามนี้ก็มีเพียงจิ้งหรีด
เมื่อใคร่ครวญดูเขาพลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ รีบพุ่งเข้าไปในห้อง “เตี้ยนเซี่ย เมื่อครู่ท่านเพิ่งหักป้ายหยกออกเป็นสองส่วน นี่เป็นสิ่งที่ไว้แสดงฐานะองค์ชายของท่าน หากฝ่าบาททรงรู้เข้า ทั้งยังราชวงศ์อีก ฐานะองค์ชายของท่านจะไม่อาจรักษาไว้ได้”
เมื่ออวี้เหว่ยเอ่ยจบ คนในห้องส่งเสียงไม่ยี่หระออกมา “ฐานะองค์ชาย สำคัญมากนักหรือ”
อวี้เหว่ย “คือ…”
ก็ได้ สำหรับองค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง องค์ชายสามก็คงสำคัญมาก แต่สำหรับเตี้ยนเซี่ยแล้ว ดูคล้ายไม่มีผลกระทบมากนัก
แล้วก็จริงดังความคิด น้ำเสียงสบายๆ ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง “คนไม่มีความสามารถ ถึงตั้งใจรักษาฐานะของตนจนเกินเหตุ ส่วนผู้มีความสามารถ ความสามารถก็คือฐานะ”
อวี้เหว่ยพลันหยุดพูด ความจริงก็เป็นเช่นนี้ เหล่าเสด็จพี่ทั้งหลายของเตี้ยนเซี่ยไร้ความสามารถ ก็ได้แต่ทุ่มเทกำลังรักษาฐานะของตนเพราะว่าสิ่งนี้คือทุกอย่างของพวกเขา ส่วนความสามารถของเตี้ยนเซี่ยไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครกล้าดูแคลน
ต่อให้ราชวงศ์รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยทำป้ายหยกหายแล้ว ก็ไม่ถึงขั้นขับไล่เตี้ยนเซี่ยออกจากตระกูล อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มีความสามารถนั้น…
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
……
เยี่ยเม่ยออกจากเมืองด้วยจิตใจสับสน ในสมองยังมีภาพเรื่องราวเมื่อครู่ฉายซ้ำไปมา
ป้ายหยกครึ่งชิ้นที่เอว กำลังย้ำเตือนนางว่าเรื่องเมื่อครู่คือความจริง ไม่ได้จินตนาการไปเอง ความจริงแล้วนางในเวลานี้กำลังใคร่ครวญปัญหาหนึ่ง ตัวนางหยาบคายเกินไปหรือเปล่า
ถึงเยี่ยเม่ยจะมั่นใจในตรรกะการคิดวิเคราะห์ของตนเองเป็นอย่างมาก จากการแสดงออกของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในตอนนี้ การอยู่ร่วมกันของพวกนางในภายหน้าจะมีความทุกข์น้อยมาก แต่…
ความเปลี่ยนแปลงเล่า
ในขณะที่นางกำลังวิเคราะห์ จงใจละเลยปัญหาร้ายแรงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลง
หัวใจของคนเป็นความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
วันนี้เขาเป็นเช่นนี้ แต่ว่าภายหน้าจะเป็นอย่างไร ยามนี้เขายอมนาง แต่วันหน้าเขายังจะยอมนางเช่นนี้ไหม
จุดนี้ใครก็บอกไม่ถูก
เพียงแต่
เยี่ยเม่ยพรูลมหายใจยาว แหงนหน้ามองท้องฟ้า เรื่องราวในโลกหาใช่ทุกเรื่องจะควบคุมเอาไว้ในมือได้ ความเปลี่ยนแปลงภายหน้าก็ถือว่าเป็นบททดสอบของตนเองแล้วกัน
หากมิได้เป็นเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนวางแผนเอาไว้ ล่วงรู้บทสรุปทั้งหมด เช่นนั้นชีวิตคนคงน่าเบื่อหน่าย ไม่ใช่หรือไง
อีกอย่าง หัวใจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเปลี่ยนแปลง แล้วหัวใจของนางก็ไม่แน่ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง
ในขณะที่คิดเซียวเยว่ชิงก็วิ่งเข้ามา “แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านมาตรวจสอบความคืบหน้าของงานหรือ”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า มองเขา “ทุกอย่างดำเนินการเป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นหรือเปล่า”
เซียวเยว่ชิงเอ่ยปากตอบ “ตามความต้องการของท่าน พวกเราใช้ถุงทรายสูงหลายจั้ง สร้างเป็นกำแพงบดบังการมองเห็นของหน่วยสอดแนมต้ามั่ว หลังจากนั้นอาศัยยามฟ้ามืดแอบขุดหลุมเอาไว้ เชื่อว่าคนต้ามั่วกลุ่มนั้นคงยากจะพบพิรุธได้”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เซียวเยว่ชิงยังเสริมต่อไป “อีกอย่างวิธีการขุดหลุมของพวกเรา…”
ระหว่างพูดไป เซียวเยว่ชิงพลันคลี่ยิ้มออกมา “ต่อให้พวกเขารู้สึกว่ามีปัญหา ก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น ดูไม่ออกแน่นอน ดังนั้นจึงบอกได้คำเดียวว่า ฝีมือของแม่นางเยี่ยเม่ยล้ำเลิศมาก”
“อืม” เยี่ยเม่ยรับคำชมจากเขาตามตรง
อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เป็นแผนของนาง สมควรได้คำชม
เยี่ยเม่ยกำชับอีกประโยคหนึ่ง “ระวังไว้หน่อย มากคนมากคำพูด อย่าให้เกิดข่าวลือแพร่ออกไปได้”
“แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจเถอะ ข้าน้อยใช้คนที่ไว้ใจได้ทั้งหมด ไม่มีปล่อยสายลับปะปนเข้ามาแน่ อีกอย่างข้ากับพวกเขากินอยู่ร่วมกัน สั่งให้ทุกคนช่วยกันสังเกตการณ์ ไม่มีทางปล่อยให้เกิดช่องโหว่เลยสักน้อย ” เซียวเยว่ชิงตัดความเป็นไปได้ที่สายลับจะแฝงกายเข้ามาตั้งแต่จุดเริ่มต้น
เยี่ยเม่ยเอ่ยต่อ “ข่าวที่พวกแม่ทัพทะเลาะกันช่วงบ่ายแพร่ออกไปแล้วหรือยัง”
“เชื่อว่าน่าจะส่งไปถึงหูจิวมั่วเหอแล้ว” เซียวเยว่ชิงได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่รายละเอียดปลีกย่อย เขาไม่เข้าใจชัดเจน
เยี่ยเม่ยพยักหน้าพอใจ “อย่างนั้นก็ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปก็ปิดประตูชายแดนซะ ก่อนจะเปิดศึกกับต้ามั่ว ห้ามไม่ให้ใครออกไปเด็ดขาด กันไม่ให้ใครพบว่าพวกเจ้าขุดหลุมอยู่ที่นี่ส่งข่าวไปถึงต้ามั่วได้”
“ขอรับ” เซียวเยว่ชิงรีบพยักหน้า
ความจริงเขากังวลเหลือเกิน ใช้ถุงทรายช่วยปกปิดไม่ให้คนต้ามั่วสังเกตได้ แต่ว่าพวกเขาขุดหลุมยามค่ำ คืน พวกคนที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างมองเห็น แบบนี้หากมีข่าวแพร่ออกไป…
เยี่ยเม่ยตัดสินใจปิดประตูเมือง เป็นความคิดที่ดีอย่างมิต้องสงสัย
แต่เซียวเยว่ชิงก็เอ่ยต่ออย่างรวดเร็วว่า “แต่ประตูเมืองไม่อาจปิดไว้นาน อย่างไรพ่อค้าที่เดินทางมาต่างต้องทำการค้า ถึงสองฝ่ายทำสงคราม แต่ก็ยังมีพ่อค้าไม่รักชีวิตเดินทางมาที่นี่…”
หากปิดประตูเมืองนานเกินไป จะนำความไม่พอใจให้ชาวบ้านได้
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว ก็เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ไม่ปิดนานหรอก ภายในสองวันทหารต้ามั่วต้องมาแน่”
“เอ๋” เซียวเยว่ชิงมองเยี่ยเม่ยด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร”
หรือว่านางทำนายได้ด้วย
เยี่ยเม่ยไม่ตอบ เพียงเอ่ยว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ทำตามคำสั่งข้าก็พอ”
“ขอรับ” เซียวเยว่ชิงรีบรับคำ
หลังจากเยี่ยเม่ยตรวจสอบเสร็จสิ้น ก็หมุนตัวเตรียมกลับเข้าเมือง
ในเวลานี้เอง มีบ่าวผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาหาเยี่ยเม่ยอย่างลนลาน เอ่ยถามว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย อี้อ๋องเดินทางติดต่อกันทั้งวันทั้งคืนจนมาถึงเมืองชายแดน ท่านจะไปรับหรือไม่”