เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 15
แม่ทัพหลี่ได้ยินรีบหันมองซือถูเฉียงข้างกายผู้ได้รับความห่วงใยไปเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้พื้นนองไปด้วยเลือด
ขาของนางถูกหัก ไม่ใช่แค่กระดูกหักเท่านั้น แต่เป็นน่องขาทั้งหมด นางกลิ้งด้วยความเจ็บปวด ขาครึ่งท่อนค่อยๆ โผล่พ้นออกมาจากขากางเกง
สภาพในตอนนี้ค่อนข้างน่าสยองคุ้งคาวเลือด แม้กระทั่งบุรุษที่อยู่เผชิญสนามรบมาหลายปีอย่างเขายังตกใจจนเบือนหน้าหนี แต่ก็อดไม่ไหวเหลียวกลับไปมองอีกหน่อย
เวลานี้เตี้ยนเซี่ยถามว่าเขาต้องการความห่วงใยหรือไม่…
แม่ทัพหลี่อารามตกใจร้องไห้คร่ำครวญ “เตี้ยนเซี่ย กระหม่อมไม่ต้องการความห่วงใยจากท่าน กระหม่อมห่วงใยตัวเองได้ กระหม่อมแค่อยากขอโอกาสไถ่โทษ ให้กระหม่อมออกไปตามแม่นางผู้นั้นกลับมาให้เตี้ยนเซี่ย กระหม่อมตั้งใจอย่างเต็มกำลัง ไม่ให้เตี้ยนเซี่ยผิดหวัง!”
เขาพูดออกมาเช่นนี้ เดิมคิดว่าเมื่อเอ่ยออกมาแล้ว คงต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
ทว่าคิดไม่ถึงว่าคนเบื้องหน้าเขา จ้องมองหน้าเขาอย่างจริงจังชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเจ้าก็ไปหาเถอะ อย่าทำให้เยี่ยนผิดหวัง! ทันทีที่เยี่ยนผิดหวัง เจ้าจะได้รับความห่วงใยจากเยี่ยนมากขึ้น ทำให้เจ้าสำนึกถึงความงดงามเกินเปรียบของโลกใบนี้!”
อวี้เหว่ย “…” เตี้ยนเซี่ย ใครก็ตามที่ได้รับความ ‘ห่วงใยจากท่าน’ ไม่มีทางคิดถึงความงดงามในโลกใบนี้แน่
“พ่ะย่ะค่ะ! พ่ะย่ะค่ะ! ขอบพระทัยในความเมตตาของพระองค์” แม่ทัพหลี่น้ำตาไหลนองหน้า แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความยินดี
นิสัยของเตี้ยนเซี่ยยากคาดเดา ตอนนี้สามารถปล่อยเขาไปได้ก็นับว่ามหัศจรรย์แล้ว ยังดีที่มีทางรอด เขาตะเกียกตะกายหมุนตัว ทะยานออกไปในความมืด
เห็นเงาร่างจากไปด้วยความยินดีของเขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยๆ หันข้าง มองอวี้เหว่ย ถามว่า “เขาดีใจอะไร”
อวี้เหว่ยก็แปลกใจเช่นกัน “เกรงว่าจะดีใจว่ามีหนทางรอด! แต่เตี้ยนเซี่ย ท่านใจกว้างกับแม่ทัพหลี่มากผิดปกติ!”
ตามนิสัยที่เรียกว่าเลวร้ายไร้เหตุผลของเตี้ยนเซี่ย สามารถให้ ‘โอกาส’ แม่ทัพหลี่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
“ใจกว้าง?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคลี่ยิ้มน้อย ๆ มือไพร่หลัง เอ่ยสง่างาม “ความใจกว้างของผู้มีปัญญาคือยอมทนเจ็บปวดก่อน มีเป้าหมายคือทรมานฝ่ายตรงข้ามให้ถึงขีดสุด สำหรับผู้ด้อยปัญญายึดเอาการให้อภัยอย่างเจ็บปวดเป็นความใจกว้าง ซ้ำยังปลอบตนเองว่าคือเมตตา เจ้าคิดว่า เยี่ยนเป็นผู้มีปัญญาหรือด้อยปัญญา”
“นี่…” อวี้เหว่ยตะลึง
ถัดมาก็ได้ยินคนเอ่ยเนิบๆ “เจ้าคิดว่าอาศัยฝีมือแม่นางท่านนั้น แม่ทัพหลี่จับตัวนางได้หรือ”
อวี้เหว่ยส่ายหัวทันที กลืนน้ำลายเฮือก “เกรงว่าจะไม่!”
พาองครักษ์จำนวนมากล้อมแม่นางผู้นั้นไว้ สุดท้ายคนยังหนีไปได้ จะจับได้อย่างไร ต่อให้หาตัวพบ ก็ไม่อาจพากลับมาได้
ดังนั้นเตี้ยนเซี่ยยินยอมในโอกาสอย่างใจกว้างครั้งหนึ่ง หรือเป็นเพราะ…
ถัดมายิ่งได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย ทว่าน่ามอง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยๆ เอ่ยว่า “ดังนั้นการที่เขาเชื่อฟังคำสั่งของญาติผู้น้อง ทำร้ายเยี่ยนและแม่นางในดวงใจของเยี่ยนอย่างโหดเ**้ยม เยี่ยนไม่สมควรใจกว้าง สร้างกุศลเมตตา ให้เขาหลงคิดว่าตัวเองสามารถหนีรอด ทว่าในระหว่างตามหาคนก็ค่อยๆ หมดหวัง รู้จักหวาดกลัว โศกเศร้า รับรู้ถึงความเจ็บปวดของการอยู่ไม่สู้ตายหรอกหรือ ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าเยี่ยนไม่ลงมือ เขาอาจลงมือฆ่าตัวเองก็ได้”
คราวนี้อวี้เหว่ยเข้าใจแล้ว
เตี้ยนเซี่ยจงใจกลั่นแกล้งคน เห็นชัดๆ ว่าแม่ทัพหลี่ไม่อาจพาคนกลับมาได้ ให้โอกาสอีกฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยทำให้สิ้นหวัง สุดท้ายไม่แน่ว่าเตี้ยนเซี่ยยังไม่ทันลงมือ แม่ทัพหลี่อาจจะแตกตื่นจนฆ่าตัวตายเพราะความหวาดกลัวไปก่อนก็ได้ อย่างไรเสียเมื่อก่อนเตี้ยนเซี่ยก็ทรมานคนไปไม่น้อย
อวี้เหว่ยยกมุมปาก ดูอารมณ์ของเตี้ยนเซี่ยผู้ชื่นชอบการทรมานคน อดถามไม่ได้ว่า “แต่เตี้ยนเซี่ย ถ้าหากแม่ทัพหลี่ตื่นกลัวเกินไป จนหวนกลับมาฆ่าท่าน หรือไม่หนีกลับเมืองหลวงไปฟ้องร้องท่านเล่า”
เขาเอ่ยประโยคนี้ออกไป นัยน์ตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเปล่งประกายชั่วร้ายออกมาทันที เผยความไร้เหตุผลบ้าคลั่ง คลี่ยิ้มงดงาม น้ำเสียงอ่อนโยน “หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ วันเวลาที่แสนน่าเบื่อนี้ ต้องน่าสนุกมากขึ้น! การก่อปัญหาไม่หยุด ถึงทำให้ปัญหาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มองพวกมดวิ่งเต้นเพื่อแต่งเติมสีสันให้ชีวิต เจ้าไม่รู้สึกว่าชีวิตเต็มไปความน่าสนใจหรือไง”
อวี้เหว่ย “…” ช่างเถอะ บางทีความสนใจของเตี้ยนเซี่ยก็ต่างกับความสนใจของคนทั่วไป
พูดไปแล้วหากเตี้ยนเซี่ยมิได้มีนิสัยชั่วร้าย ชอบก่อความวุ่นวาย ชอบฆ่าและทรมานคน ทุกคนก็คงไม่เห็นเขาเป็นปีศาจ
ในเวลานี้ซือถูเฉียงที่นอนร้องโอดครวญอยู่นานกำลังหอบหายใจอยู่บนพื้น
นางหมดเรี่ยวแรงร้องไม่ออก เสียงร้องอนาถกลายเป็นเสียงหอบหายใจ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ยินเสียงหอบ ก้มหน้ามองนาง
สายตาคล้ายกับมองมดอ่อนแอ ทว่านัยน์ตาเป็นประกายอ่อนโยน เอ่ยเสียงเนิบว่า “หากแม่นางผู้นั้นสังหารเจ้าเพื่อแก้แค้น เกรงว่าเจ้าคงจบชีวิตไปแล้ว ผู้อ่อนแอหากต้องการมีชีวิตอยู่ ก็อย่าไปหาเรื่องผู้แข็งแกร่ง จงจำคำพูดของข้าไว้ให้ดี นี่คือการสั่งสอนและความเมตตาของเยี่ยนที่มีต่อเจ้า”
เขาพูดจบแล้วก็หมุนกายจากไป
อวี้เหว่ยมองซือถูเฉียงด้วยความเห็นใจ รีบติดตามฝีเท้าเตี้ยนเซี่ยไปอย่างว่องไว
คนชอบเตี้ยนเซี่ยมีมากมาย เหตุใดไม่มีใครกล้าเข้าหาง่ายๆ อีก นั่นไม่ใช่เพราะนิสัยน่าหวาดกลัวของเตี้ยนเซี่ยหรือ ไม่รู้ว่าท่านหญิงฉางเล่อไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หลงผิดว่าตนเป็นญาติผู้น้องเตี้ยนเซี่ย เตี้ยนเซี่ยจะเห็นนางต่างออกไป คราวนี้เห็นดีแล้วหรือยัง
“เตี้ยนเซี่ย พวกเราจะไปที่ไหนต่อ” อวี้เหว่ยถาม
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกระตุกมุมปาก รอยยิ้มงามคล้ายแมวเปอร์เซียสูงสง่า ทว่าภายใต้ฝีเท้าไม่กี่ก้าว ทำให้คนเห็นภาพมายา คล้ายกับว่าเขาเดินไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น เมื่อหันมองอีกทีเห็นร่างของเขาห่างออกไปกว่าร้อยหมี่ สายลมพัดชายเสื้องดงามของเขาพลิ้วไหว ประดุจดั่งม้วนภาพวิจิตรในราตรีอันยาวนาน
เขาหัวเราะเบา ๆ “องค์ชายอย่างข้าอาบน้ำแต่งตัวตั้งครึ่งชั่วยาม กลับไม่ได้มอบกายให้แม่นางในดวงใจ เจ้าว่า…ต่อไปพวกเราจะไปไหนดี แน่นอนว่าต้องไปตามหานาง ลงโทษที่จากไปไม่ร่ำลา ปลอบโยนจิตใจที่บอบช้ำขององค์ชายอย่างข้า”
อวี้เหว่ยตัวสั่นไปชั่วขณะ
ปรายตามองเตี้ยนเซี่ยของเขา ลงโทษ…ลงโทษอย่างไรกัน
……
ภายในความมืดมิด เยี่ยเม่ยเดินทางอย่างเร่งร้อน
นางสวมชุดสีดำ โจนทะยานด้วยความรวดเร็วคล้ายกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด สายคาดเอวยาวนั้น ตอนนี้พันเก็บไว้ที่เอวนางเหมือนเดิม
ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้น ใบหน้างดงามดูกระฉับกระเฉงในยามค่ำคืน นัยน์ตาเผยไอเย็นเยียบเสมือนยมทูตที่ถูกส่งมาจากขุมนรกอเวจี
ด้านหลังมีคนติดตามนาง
ระยะห่างไปสามเมตร นางเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ดีดตัวทะยานขึ้นยังยอดไม้
ไม่ช้าก็เห็นเหล่าองครักษ์ มุ่งจากถนนสายหลักมาทางนี้
องครักษ์ผู้หนึ่งถามขึ้นว่า “ไปไหนแล้ว”
“ไม่รู้!” เบื้องหน้าเป็นทางแยกสามสาย พวกเขาเห็นนางวิ่งมาที่นี่แล้วจู่ๆ ก็ไม่เห็นเงาอีก
อีกคนหนึ่งเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น พวกเราแยกกันตามไหม”
“ดี!”
ทหารกลุ่มหนึ่งแยกออกเป็นสามทาง มุ่งไปคนละทิศ
เยี่ยเม่ยอยู่บนต้นไม้ครู่หนึ่ง รอจนพวกเขาจากไปจนหมดแล้ว ค่อยกระโดดลงจากต้นไม้ ปัดฝุ่นออกจากมือของตน
นางเกียจคร้านไม่อยากสังหารคนถึงหนี ใครจะคิดว่าคนเหล่านี้ยังติดตามนางมาตั้งไกล รู้หรือไม่ว่ายามที่ไม่มีคนจ่ายเงินให้นางขายชีวิตให้ ครั้นเห็นคนอ่อนแอพวกนั้น นางก็เป็นสตรีมีเมตตาฆ่าคนไม่ลงเช่นกัน?
นางส่ายหัว เดินมุ่งหน้าต่อไปอีกไม่กี่ก้าว เห็นเงาร่างสีดำกลุ่มหนึ่งที่มุมกำแพง…