เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 119
ว่ากันตามจริงแล้ว ในใจนางเกิดความรู้สึกประเภทที่ว่าตนเองไม่ทันระวังเดินตกหลุม ในเสี้ยวเวลานี้มีแต่ยิ่งทวีความชัดเจนขึ้น
สิ้นเสียง
บุรุษหน้าตาหล่อเหลาบนเตียงก็ทำตัวราวกับกระดูกอ่อนยวบก็ไม่ปาน ล้มพับมาทางนาง
เขารวบนางไว้ในอ้อมอก แขนที่ดูเหมือนอ่อนแรงความจริงกลับมีเรี่ยวแรงรัดเอวนางแน่น ไม่ปล่อยให้หญิงสาวมีโอกาสขัดขืนดิ้นรนหลีกหนี
น้ำเสียงน่าฟังดังขึ้นที่ข้างหูแฝงไปด้วยความเย้ายวนใจคน “แม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนเวียนหัว เจ้ารีบพยุงเยี่ยนขึ้นมาพักผ่อนสักหน่อย”
เยี่ยเม่ย “…”
เยี่ยเม่ยอยากเตะโด่งเขาตกเตียงภายในทีเดียวได้หรือไม่
เห็นเขาเหมือนปลาหมึกเกาะเกี่ยวร่างนางไว้อย่างหน้าไม่อาย เยี่ยเม่ยยื่นมือออกอย่างจนใจ เตรียมผลักเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ในระหว่างที่หญิงสาวออกแรงผลัก
น้ำเสียงอ่อนโยนของเขา ก็ดังขึ้นที่ข้างหูนางอีกครั้ง “แม่นางเยี่ยเม่ย ไฉนต้องปฏิเสธด้วยเล่า สำหรับแม่นางเยี่ยเม่ยแล้ว เยี่ยนก็มีพลังดึงดูดมิใช่หรือ หากกอดกันไว้ทำให้คนรับรู้ถึงความอบอุ่น ไฉนต้องผลักไสกันและกัน เพื่อไปเผชิญความหนาวเหน็บตามลำพัง”
ต้นฤดูหนาวก็เย็นอยู่บ้างจริงๆ
เยี่ยเม่ยเพิ่งตื่นขึ้นมา เลิกผ้าห่มออกลุกขึ้นนั่ง ก็หนาวอยู่บ้าง
เป็นอย่างเขาว่า คนสองคนกอดกันอยู่แบบนี้ ก็จะทำให้อุ่นขึ้นมา เยี่ยเม่ยก็มีความรู้สึกดีๆ ให้เขาจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธเขาตรงๆ
เยี่ยเม่ยคิดว่าเจ้าคนนี้มีความสามารถในการล้างสมองอย่างสูงส่ง ใช้คำพูดไม่กี่ประโยค มีพลังในการล่อลวงใจคน ถึงกระทั่งทำให้นางรู้สึกว่า ยามนี้หากนางผลักเขาออกให้ได้ จะแสดงออกว่านางไม่เพียงเสแสร้ง ทั้งยังคิดเล็กคิดน้อย
เยี่ยเม่ยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ผลักเขาออก
ครั้นเห็นหญิงสาวไม่ผลัก องค์ชายสี่กับอวี้เหว่ยที่มุมกำแพงสองคนยังดีใจได้ไม่ทันไร
เยี่ยเม่ยพลันช้อนตาขึ้น มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน น้ำเสียงเย็นเยียบ เอ่ยช้าๆ ว่า “ท่านขาดความรักจากแม่หรือไง”
บาดเจ็บแล้วถึงต้องให้นางกอดเอาไว้
นี่เป็นการแสดงออกของคนที่ขาดคนเอาใจใส่ ไม่ได้รับความอบอุ่น รู้สึกไม่มีความปลอดภัยชัดๆ
ถึงเยี่ยเม่ยยังไม่โง่งมถึงขั้นคิดว่าอีกฝ่ายเห็นนางเป็นแม่ แต่นางมั่นใจว่าเขาขาดความรักจากมารดาจริงๆ
อวี้เหว่ยเบือนหน้าเงียบๆ มองความว่างเปล่าด้านหลังตนเอง ความสัมพันธ์ของเตี้ยนเซี่ยกับฮองเฮา ไม่แน่นแฟ้นจริง แต่เตี้ยนเซี่ยหาได้ใส่ใจความรักของมารดา ไม่รู้ว่าไฉนแม่นางเยี่ยเม่ยถึงเอ่ยเช่นนี้….
มุมปากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกระตุกเล็กน้อย
อาการบาดเจ็บของเขาเป็นของปลอม การต้องการความอบอุ่นและความห่วงใยในยามนี้ย่อมเป็นของปลอม ก็ทำเพื่อหาเหตุผลกอดนางเท่านั้น ใครจะรู้ว่าสตรีนางนี้กลับเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา
เขาเงียบไปสักพัก ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายกลับเผยความผิดหวัง รอยยิ้มที่เก็บอยู่ในดวงตา น้ำเสียงไพเราะน่าฟังค่อยๆ กล่าว “ถูกแล้ว แม่นางเยี่ยเม่ยพูดไม่ผิดเลย นับตั้งแต่เล็กเสด็จแม่ไม่ใส่ใจเยี่ยน เยี่ยนขาดความอบอุ่นและความห่วงใยมาโดยตลอด ไม่เพียงเท่านี้ เสด็จพ่อและพี่น้องทั้งหลายยังหวังให้เยี่ยนตาย เฝ้าหาแผนการทำร้ายตลอดทั้งเช้าค่ำ ความจริงเยี่ยนมีชีวิตอยู่เหนื่อยมาก ทั้งอันตรายมาก”
อวี้เหว่ยพลันเบือนหน้าหนี
ยกนิ้วหัวแม่มือให้กับเตี้ยนเซี่ยของเขา ในใจคิดว่า ‘สวรรค์ กระบวนท่าแกล้งทำตัวน่าสงสาร ใช้ได้ดียิ่ง เพียงแต่…’
รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เหนื่อยมาก ทั้งยังอันตรายมาก ไม่ใช่เตี้ยนเซี่ย แต่เป็นบรรดาพี่น้องของเตี้ยนเซี่ย ทั้งรวมถึงฝ่าบาทด้วยกระมัง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยออกมา
เยี่ยเม่ยมุ่นคิ้วแน่น นางรู้อยู่แล้วว่าจิตใจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องเข้มแข็งกว่าที่เขาอธิบายออกมามาก แต่อย่างไรวันนี้เขาก็บาดเจ็บ หรือว่าคนหลังบาดเจ็บ จะอ่อนแอเป็นพิเศษ ถึงได้ทนไม่ไหวเอ่ยคำพูดจากใจกับนางกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ เยี่ยเม่ยกลับตบบ่าปลอบโยนเขา “ชีวิตไม่เป็นดังใจปรารถนา พวกเขาวางแผนต่อกรท่าน กลับกันก็เพราะท่านแข็งแกร่งมาก ทำให้พวกหวาดกลัว”
อวี้เหว่ยลูบหน้าตัวเอง…ดีมาก เยี่ยเม่ยเริ่มปลอบโยนเตี้ยนเซี่ยแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่พูดจา ดูคล้ายเสียใจเกินไป
เยี่ยเม่ยถอนใจ ตบบ่าเขาอีกครั้ง เอ่ยว่า “ในเมื่อได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องไม่น่ายินดีอีกแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านวางใจเถอะ ข้าจะปกป้องท่านเอง”
อวี้เหว่ย “…” หากวันไหนที่ปีศาจอย่างเตี้ยนเซี่ยยังต้องการผู้อื่นปกป้อง อย่างนั้นเกรงว่าฟ้าจะถล่มลงมาแล้ว
แม่นางเยี่ยเม่ยนี่เป็นพวกชอบไม้อ่อนตัวจริง…
แสร้งทำตัวน่าสงสารหน่อย ยังพอช่วยอะไรได้บ้าง
ความจริงหลังจากเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยยังกระตุกมุมปาก หลายวันที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่เห็นความสามารถของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน คนผู้นี้ร้ายกาจจะแย่ หากต้องการให้นางปกป้องจริงๆ หญิงสาวรู้สึกว่าเพ้อฝันเกินไป
แต่ว่า…
เมื่อได้ยินเขาบอกว่าตัวเองน่าสงสาร นางก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงความคุมความสงสารที่อยู่ในใจไม่ได้ ถึงต้องให้สัญญาออกมา
ว่าไปแล้ว คำพูดเช่นนี้ยามปกติสมควรเป็นบุรุษเอ่ยกับสตรีไม่ใช่หรือไง
ในขณะที่เยี่ยเม่ยกำลังสงสัยว่าตัวเองรุกเกินไปแล้ว เป็นผู้หญิงแกร่งเกินไปหรือไม่
น้ำเสียงชวนฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแฝงไปด้วยความขบขันระคนอ่อนโยน ค่อยๆดังขึ้น “ได้รับความจริงใจและคำสัญญาจากแม่นางเยี่ยเม่ย เป็นโชคดีที่สั่งสมมาของเยี่ยน”
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้ใครปกป้อง
ต่อให้เป็นเสินเซ่อเทียน ก็ไม่แน่ว่าจะได้เปรียบไปจากเขามากเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ตัวเองแกล้งทำตัวน่าสงสาร ได้ยินคำพูดเช่นนั้นของนาง เขาก็ควบคุมความยินดีเอาไว้ไม่อยู่
ราวกับว่าน้ำผึ้งบ้านใคร พลันถูกยกไปนึ่ง ทำให้อากาศเต็มไปด้วยไอหวานล้ำ อบอวลไม่จางหาย
เมื่อได้ฟังคำเขา ใจที่อึดอัดของเยี่ยเม่ยเมื่อครู่ ค่อยสงบลง
หญิงสาวพยักหน้า “พอแล้ว ท่านอย่าพูดอะไรพวกนี้อีกเลย รักษาตัวให้ดี จิตใจจะได้ฟื้นฟูเร็วหน่อย”
“อืม”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรับคำด้วยเสียงน่าฟัง สายตาทอรอยยิ้ม
รอยยิ้มนั้น ช่าง…เจ้าเล่ห์นัก แววตานั้นเผยความตื่นเต้นและร้อนแรงของปีศาจร้ายที่ทำแผนการประสบผลสำเร็จ อันตรายถึงขั้นคนไม่กล้าสบตา
แต่เสียดาย เยี่ยเม่ยผู้ก้มหน้าก้มตาเห็นใจที่เขาตกอยู่ในสภาพน่าอนาถขนาดนี้กลับมองไม่เห็นเลยสักน้อย
ส่วนอวี้เหว่ยที่หลบอยู่มุมกำแพงนานสองนาน เห็นเยี่ยเม่ยตกหลุมพรางเช่นนี้ เขาพลันไม่รู้ว่าสมควรดีใจที่เตี้ยนเซี่ยพัฒนาสติปัญญาและความคิดอ่านได้โจนทะยานเช่นนี้ดี หรือว่าเห็นใจแม่นางเยี่ยเม่ยดี
นางถึงขั้นเชื่อว่าปีศาจตนหนึ่งขาดความปลอดภัย และยังต้องการการปกป้อง
ได้แต่โทษว่าเตี้ยนเซี่ยแสดงได้แนบเนียนเกินไปแล้ว…
เฮ้อ…
…..
จิ่วหุนเดินสาวเท้ากว้างเข้าไปที่ห้องของเยี่ยเม่ย
เขามองไปรอบๆ ภายในไม่มีใครเลยสักคน จิ่วหุนพลันมุ่นคิ้ว
เพิ่งจะหมุนตัวออกจากประตู ก็พบเจ้าเมืองหลินเดินเข้ามาหา
จิ่วหุนหาได้ใส่ใจอีกฝ่ายเลยสักน้อย ทำราวกับมองไม่เห็น ก้าวเท้ายาวๆ เดินจากไป จิ่วหุนเป็นคนเช่นนี้ ในโลกรวมถึงในสายตาเขาแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเยี่ยเม่ย คนอื่นๆ เขาหาได้ใส่ใจ และไม่อยู่ในสายตา
เจ้าเมืองหลินจึงเรียกให้เขาหยุด “คุณชายจิ่ว ช้าก่อน ”