เล่ห์รักกลกาล - ตอนที่ 107
ซือหม่าหรุ่ยแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน เมื่อครู่ไม่ใช่ส่งสายตาหากันแล้วเหรอ แสดงออกแล้วว่าพวกนางไม่รู้อะไรทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง
เพราะอะไรตัวนางถึงถูกขายได้เล่า
ซินเยว่เยี่ยนมองใบหน้าเศร้ากะพริบตาปริบของซือหม่าหรุ่ย เยี่ยเม่ยถามหาความจริงออกมาได้ก็ดี เช่นนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่มีทางได้ตำแหน่งสำคัญในใจของเยี่ยเม่ย น้องชายบุญธรรมของนางจะได้มีโอกาสบ้าง
แต่ว่านางไม่กล้าเอ่ยออกมา ทำได้แค่คาดหวังซือหม่าหรุ่ย
นางเชื่อว่าซือหม่าหรุ่ยเป็นคนตรงไปตรงมา ต้องไม่พูดจาโกหกกับเยี่ยเม่ยแน่
ซือหม่าหรุ่ยชะงักนิ่งไปชั่วครู่ มองซินเยว่เยี่ยนอย่างโศกเศร้า และเข้าใจว่าตัวเองถูกขายเสียแล้ว
นางเห็นสายตาของเยี่ยเม่ยมองมาอยู่ที่ตัวนาง ท่านหมอเทวดากุมขมับตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าโศก
ซือหม่าหรุ่ยตบบ่าซินเยว่เยี่ยนหลายที มองเยี่ยเม่ยก่อนเอ่ยว่า “อืม ความจริงเรื่องนี้นางยังเข้าใจได้ชัดเจนกว่าข้ามาก ให้ข้าเล่าในทันทีก็พูดไม่ถูก เจ้าถามนางจะดีกว่า แค่เรื่องของพี่บุญธรรมข้าก็ทำให้ข้าปวดหัวยิ่งนัก ไม่มีจิตใจคิดเรื่องอีก”
หม้อก้นดำ[2]ใบหนึ่งถูกโยนกลับไปอย่างรวดเร็ว
ซินเยว่เยี่ยนกุมมือซือหม่าหรุ่ยด้วยความสะเทือนใจ จากนั้นยังสะอื้นเล็กน้อย “เซียวเซ่อหยางเป็นคู่หมั้นของข้า จิตใจของข้าย่อมเจ็บปวดรวดร้าวมากกว่าเจ้า เรื่องนี้เจ้าพูดเถอะ”
เรื่องนี้เห็นได้ชัดมาก
ใครพูดความจริงคนนั้นตาย หากใครพูดจาโกหกแล้ววันใดวันหนึ่งความจริงเปิดเผย เยี่ยเม่ยย่อมจดจำเรื่องที่โกหกเอาไว้แน่
หลังจาก ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยจบ ซือหม่าหรุ่ยก็กุมมือนางอย่างลึกซึ้ง เอ่ยปากว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบพี่บุญธรรมมาโดยตลอด วันๆ ก็เอาแต่คิดจะขอถอนหมั้นกับเขา เจ้าจะเจ็บปวดรวดร้าวได้อย่างไรเล่า เจ้าดูจะดีใจเสียมากกว่า เจ้าเล่าก็แล้วกัน”
“ไม่ เมื่อก่อนข้าบอกว่าไม่ยินยอม นั่นคือข้าเข้าใจผิดไปเอง นับตั้งแต่พี่ชายบุญธรรมของเจ้าหายตัวไป ข้าเพิ่งรับรู้ว่าในใจคิดถึงเขามากขนาดไหน เจ้าเล่าเถอะ” ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยวาจาเหลวไหล ซ้ำยังเอามือกุมหน้าอก คล้ายกับว่าจวนเจียนจะรับไม่ได้จริงๆ
เซียวเยว่ชิงอยู่ห่างออกไป มองพวกนางทั้งสองด้วยความตะลึง
ในใจเขาย่อมรู้ดีว่า สองคนนี้ผลักไสความรับผิดชอบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย…
ความจริงในใจของเขาเวลานี้ก็เอ่ยประโยคหนึ่ง ความสัมพันธ์ฉันท์สหายระหว่างสตรีอย่างพวกเจ้าบางเบาเหมือนปุยนุ่นเช่นนี้หรือ ในสมองเขาพลันฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คิดถึงสตรีอีกนางหนึ่งที่ถูกสองคนนี้ทิ้งไว้นอกเมือง
น่าสงสารเซียวเยว่ชิงที่เป็นคนยุคโบราณ จึงไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ประเภทนี้ สามารถใช้คำว่ามิตรภาพดอกไม้ประดิษฐ์อธิบายได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้ความรู้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ถึงได้แต่เรียกว่าความพันธ์บางเบาราวปุยนุ่น
เยี่ยเม่ยมองพวกนางด้วยความแปลกใจ เอ่ยว่า “ก็แค่คำพูดไม่กี่ประโยคเท่านั้น มีอะไรยากนักหรือ พวกเจ้าปวดใจเสียจนแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็พูดไม่ออกแล้วหรือ”
ความจริงพวกนางสองคนผลักไสกันไปมาอยู่นานเช่นนี้
นางเข้าใจดีทักษะการผลักไสกันไปมาเช่นนี้ ความจริงก็มากพอทำให้มองเรื่องทั้งหมดชัดเจนแล้ว
ซินเยว่เยี่ยนได้ยินเยี่ยเม่ยเอ่ย พลันรู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่ขายซือหม่าหรุ่ย หากรู้แต่แรกว่าซือหม่าหรุ่ยจะไม่พูด ทั้งยังลากตัวเองลงน้ำด้วย นางไม่มีทางทำให้เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้
นางตัดสินใจด้วยไหวพริบ มองซือหม่าหรุ่ย “ความจริงก็ไม่มีอะไรน่าเสียใจ ก็เพราะว่าพวกเราเห็นแม่ทัพเซียวเอ่ยแล้ว ถึงพวกเราจะไม่เข้าใจชัดเจนว่าเขาพูดอะไร แต่พวกเราเชื่อว่า เขาเป็นถึงแม่ทัพ เรื่องราวง่ายดายเช่นนี้ยังไม่อาจอธิบายยได้ชัดเจนอีกเหรอ พวกเราก็ไม่ต้องเปลืองน้ำลายเอ่ยอีก”
เซียวเยว่ชิง “…”
นี่มันอะไรกัน
ตอนนี้เริ่มตัดขาดความเกี่ยวข้องกับตนเองแล้ว แสดงออกว่าเมื่อครู่ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คำพูดของเขาสักคำพวกนางก็ไม่ได้ยิน ดังนั้นต่อให้คำโกหกถูกเปิดโปง ก็มีแต่เขาคนเดียวที่หลอกลวงแม่นางเยี่ยเม่ย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกนางทั้งสิ้น
ซือหม่าหรุ่ยฟังคำพูดของซินเยว่เยี่ยน ก็คิดตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว นางพยักหน้า รีบทำเป็นไม่ได้ยิน “จริงด้วย เมื่อครู่แม่ทัพเซียวพูดว่าอะไรนะ พวกเราไม่ได้ยินเลยสักน้อย คำเดียวก็ฟังไม่ได้ยินเลย แต่ว่าเจ้าลองคิดดูเถอะ เขามีฐานะอำนาจ หากเรื่องเล็กๆ แค่นี้พูดไม่ชัดเจนอีก ราชสำนักเป่ยเฉินเลี้ยงเอาไว้ก็สิ้นเปลืองเปล่า ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเป็นต้องเปลืองคำพูด จริงสิ ยุ่งวุ่นวายมาทั้งคืน ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”
“ข้าก็เหมือนกัน พวกเรากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องในที่นี้มอบให้แม่ทัพเซียวผู้เดียวก็เพียงพอ” ซินเยว่เยี่ยนรีบเอ่ยรับทันที
เซียวเยว่ชิงจนคำพูด
แม่ทัพหนุ่มหลงคิดว่าตัวเองได้รับคำสั่งให้โกหก คราวนี้ดีเลย แม่นางทั้งสองนั้นดึงดันโยนหม้อก้นดำมาให้เขา แม่นางเยี่ยเม่ยย่อมจำภาพคำโกหกในวันนี้ได้อย่างล้ำลึกแน่ เขาเริ่มกังวลอนาคตของตัวเองเสียแล้ว
เห็นความไม่ปกติอย่างเปิดเผยของพวกนาง เยี่ยเม่ยขมวดคิ้วแน่น
แต่นางก็เข้าใจว่าคงจะถามอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ดังนั้นนางก็ไม่ดึงดันถามต่อไป เพียงแต่เอ่ยวาจาเป็นห่วงใยระหว่างที่พวกนางทั้งสองเตรียมตัวจะเผ่นหนี “เรื่องที่พวกเจ้าลอบเข้าไปตามหาข่าวของราชาดาบที่ต้ามั่ว เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“หวันเหยียนหงบอกสิ่งที่บอกได้มาหมดแล้ว ตอนนี้โอวหยางเทาไปตามหาพี่บุญธรรมของข้าอยู่ หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น” ซือหม่าหรุ่ยสีหน้าจริงจัง รีบตอบว่องไว ในใจกลับยินดีปรีดา ดีเหลือเกิน ในที่สุดก็ไม่ต้องพูดเรื่องเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ถามว่า “อืม พวกเจ้าต้องการให้ช่วยอะไรก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
“ได้” ซือหม่าหรุ่ยรีบตอบรับ แสดงสีหน้ายินดี
เพราะนางรู้ดี ในเมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยกับพวกนางเช่นนี้ก็เท่ากับคบหาพวกนางเป็นสหายแล้ว
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ไม่พูดมากอีก ซือหม่าหรุ่ยและซินเยว่เยี่ยนรีบจากไปโดยเร็ว
หลังจากพวกนางทั้งสองเดินจากไป เซียวเยว่ชิงก็คิดเอามีดแทงพวกนางคนละแผล มองเยี่ยเม่ย เอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย คล้ายกับท่านจะเห็นพวกนางเป็นสหายแล้ว”
“พวกนางยืนหยัดตามหาเบาะแสของราชาดาบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าคุ้มค่าในการคบหา ข้าเห็นพวกนางเป็นสหาย ไม่เห็นแปลกนิ” เยี่ยเม่ยชื่นชมคนเห็นแก่คุณธรรมน้ำใจ เพราะนางก็เป็นคนเช่นนี้
ระหว่างสหายมีแนวคิดเหมือนกันเป็นเรื่องสำคัญ ซือหม่าหรุ่ยและซินเยว่เยี่ยนมีน้ำใจต่อสหายเช่นนี้ ก็คุ้มค่าจะคบหา
“พวกนางหาได้ดีอย่างที่ท่านคิด เซียวเยว่ชิงเบ้ปาก “เมื่อครู่นอกประตูเมือง มีแม่นางผู้หนึ่งดูมีความสัมพันธ์กับพวกนางไม่เลวเลย แต่พวกนางก็ทิ้งแม่นางคนนั้นไว้นอกเมือง ให้พวกเรารีบปิดประตู”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เมื่อครู่ทั้งสองโยนหม้อดำใส่กัน จากนั้นก็โยนมาใส่หัวเขาแล้ว
“จริงหรือ” เยี่ยเม่ยมองเซียวเยว่ชิง
เซียวเยว่ชิงพยยักหน้าหนักแน่น “ใช่ พวกเราต่างก็เห็น” อย่าโทษที่เขาเป็นบุรุษกลับแทงหลัง ใครใช้ให้เมื่อครู่อีกฝ่ายพยายามตัดความเกี่ยวข้อง โยนเผือกร้อนมาใส่เขากันเล่า
หากไม่ใช่เพราะพวกนางฟังคำพูดของเขา แล้วสะดุดไปเล็กน้อย เดินเซไปนิดหน่อย เยี่ยเม่ยก็ไม่ไปถามพวกนางแล้ว
ผลเล่า
หมอก้นดำนี้กลับโยนมาให้เขาแบก
เยี่ยเม่ยพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน พวกนางไม่ใช่คนเช่นนั้น เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันภายหน้า ข้าจะไปดูเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเสียหน่อย”
[1] มิตรภาพดอกไม้ประดิษฐ์ มิตรภาพจอมปลอม ภายนอกดูรักใคร่กลมเกลียว ภายในแก่งแย่งเอาชนะกันเอง
[2] แบกหม้อก้นดำ เป็นสำนวนหมายถึง แพะรับบาป