บัลลังก์พญาหงส์ - ตอนที่ 493 คาดเดา
ระหว่างนั้นไทเฮาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กลับเรียกให้จางหมัวหมัวมาปรนนิบัติเท่านั้น ถาวจวินหลันและพวกพระชายาจวงอ๋องจึงทำได้แค่ถอยออกไปเท่านั้น
พระชายาจวงอ๋องและพระชายาอู่อ๋องล้วนผิดหวัง แต่เดิมคิดว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีได้แสดงความกตัญญู แต่คิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะไม่ให้โอกาสพวกนางได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย
ถาวจวินหลันกลับไม่คิดเช่นนั้น นางคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ คำสั่งของไทเฮานั้นผิดแผกไปจากเดิม ทำไมไม่เรียกให้พวกนางไปปรนนิบัติ กลับเรียกเพียงแค่จางหมัวหมัวเข้าไปเท่านั้น? นี่กำลังระแวงพวกนางหรืออย่างไร? แต่พวกนางมีอะไรให้ระแวงเล่า?
ถาวจวินหลันวิเคราะห์ทีละจุดอย่างละเอียด ลองหาความจริงที่ละจุด และความจริงก็เผยออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะว่าตอนที่จางหมัวหมัวออกมา ก็ให้นางกำนัลเข้าไปเปลี่ยนผ้าห่มและผ้าปูเตียง
แม้จะบอกว่าจางหมัวหมัวแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่นางก็ยังเห็นความผิดปกติและความตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย รวมไปถึงดวงตาแดงก่ำของจางหมัวหมัว เห็นได้ชัดว่าจางหมัวหมัวร้องไห้มาก่อนแล้ว
ถาวจวินหลันพลันคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา จึงถลึงตาโตเช่นเดียวกัน แต่นางก็ไม่กล้าถามจางหมัวหมัวโดยตรง แต่กลับหาโอกาสเรียกหมอหลวงที่รออยู่เรือนข้างๆ มาถามเล็กน้อย แน่นอนว่าลับหลังคนอื่น
“สถานการณ์ลมจับของไทเฮารุนแรงขนาดไหนกัน?” ฝ่ายตรงข้ามเป็นหมอหลวงเครายาวขาวโพลนแล้ว นางย่อมไม่กังวลเรื่องไม่เหมาะสมระหว่างหญิงชายอีก
หมอหลวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลูบเคราอยู่สักพักแล้วถึงพูดอย่างจริงจังว่า “จะบอกว่ารุนแรงก็ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้นขอรับ แต่จะบอกว่าเบาหรือก็ไม่ ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากไทเฮาตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการเป็นเช่นไร”
“อย่างเช่นอาการในตอนนี้เล่า?” ที่ถาวจวินหลันอยากถามคือสิ่งนี้
หมอหลวงครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วตอบ “อาจจะไม่เป็นอะไรเลย แต่ก็อาจจะเดินเหินหรือขยับร่างกายไม่สะดวกไปชั่วคราว”
“เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นใช่หรือไม่?” ถาวจวินหลันเห็นว่าหมอหลวงหลุดออกมาแล้ว ไม่เร่งรีบ ถามเพียงแค่สิ่งที่ตนเองอยากถามเท่านั้น
“นี่…” หมอหลวงส่ายหน้า สุดท้ายแล้วก็พูดตามตรง “ยังไม่ชัดเจน”
“ถ้าเช่นนั้นขยับไม่สะดวกรุนแรงมากที่สุดจะเป็นเช่นไร?” ถาวจวินหลันเริ่มมั่นใจอยู่บ้างแล้ว แต่กลับถามต่อไป
หมอหลวงมองถาวจวินหลันวูบหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็พูดออกมาว่า “อัมพาต ขยับไปที่ไหนไม่ได้ แต่สติปัญญายังครบถ้วน”
ถาวจวินหลันสั่นสะท้านทันที หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าเวทนาและน่ากลัวเกินไปแล้ว มีเพียงแค่สติปัญญาที่ยังแจ่มแจ้ง แต่ร่างกายกลับไม่สามารถขยับได้ นี่ไม่ใช่การทรมานกันหรืออย่างไร? คนธรรมดาที่ไหนจะรับเรื่องเช่นนี้ได้?
หากไทเฮา…นางนึกถึงบางเรื่อง แล้วก็รู้สึกถึงกระแสความเย็นที่พัดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
เพราะเรื่องนี้ ตอนที่ถาวจวินหลันกลับไปอีกครั้ง จึงดูขวัญหนีดีฝ่อ อาการของไทเฮาดูแล้วไม่เลวร้าย อาจด้วยอาบน้ำทำความสะอาดมาแล้ว ทั้งร่างจึงดูสดชื่นขึ้นไม่น้อย “ฮ่องเต้เป็นอย่างไรบ้าง?” ไทเฮาเอ่ยปากถาม นอกจากน้ำเสียงมีแววอ่อนแรงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีความผิดปกติอะไรอีก
เรื่องนี้กลับไม่มีคนรู้ เห็นสถานการณ์เงียบไป ถาวจวินหลันก็ก้าวขึ้นไปพูดเสียงเบาว่า “ได้ยินว่าไม่ได้เป็นอะไรมากเพคะ เพียงแค่กริ้วมากเท่านั้น ท่านอ๋องเองก็คอยดูสถานการณ์ทางนั้นอยู่เพคะ ไทเฮาไม่ต้องกังวลไป คิดดูแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมาก หากไทเฮาเป็นกังวล ก็ให้คนไปถามได้นะเพคะ”
ไทเฮาพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดว่าจะให้คนไปถาม เพียงแค่พูดอีกว่า “องค์รัชทายาทเล่า?”
เรื่องนี้ก็ไม่มีคนรู้เช่นเดียวกัน ยังคงเป็นถาวจวินหลันที่ออกหน้าตอบว่า “ได้ยินว่าไม่เป็นอะไรมากเช่นกันเพคะ ตอนนี้พระชายาองค์รัชทายาทก็คอยเฝ้าดูอยู่เพคะ”
“ส่งให้คนไปดู” ไทเฮาสั่ง พูดอีกว่า “ให้คนไปดูทางด้านฮ่องเต้ด้วยเช่นกัน ให้จางหมัวหมัวไปถ่ายทอดคำ บอกฮ่องเต้ว่า เขาเป็นฮ่องเต้ ให้เขาจำเรื่องนี้เอาไว้!”
ถาวจวินหลันรับคำ และก้าวขึ้นไปช่วยกระชับผ้าห่มให้ไทเฮา สุดท้ายก็ถามอีกว่า “ไทเฮาอยากเสวยอะไรหรือไม่เพคะ?” พอคิดดูแล้วไทเฮายังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน ภายในระยะเวลานี้เพียงแค่กรอกยาลงไปถ้วยหนึ่งเท่านั้น น่าจะเริ่มหิวแล้ว
ไทเฮาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ส่ายหน้า
“ซวนเอ๋อร์และหมิงจูคอยอยู่ข้างนอกเพคะ ไทเฮาอยากพบหรือไม่เพคะ?” ถาวจวินหลันเห็นไทเฮามีท่าทีเช่นนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ที่มากกว่าคือความหดหู่ รู้สึกเพียงแค่ความคาดเดาในใจนั้นจะต้องได้รับการทดสอบ
ไทเฮายังคงส่ายหน้าปฏิเสธ ตลอดการกระทำนี้ ทั้งร่างกายไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ถาวจวินหลันคอยมองอยู่ รู้สึกกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข
“พวกเจ้าออกไปเถิด ที่ควรจะกลับไปก็กลับไป ไม่ต้องมาปรนนิบัติ” ไทเฮาคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วก็สั่งเช่นนี้ พอพูดจบก็เหมือนเหนื่อยมากแล้ว ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ถาวจวินหลันถอนหายใจเบาๆ แล้วมองไปยังพระชายาจวงอ๋องและพระชายาอู่อ๋องที่ยังอยากแสดงความกตัญญู ก่อนพูดว่า “ไทเฮาเหนื่อยแล้วเกรงว่าจะต้องพักสักครู่หนึ่ง พวกเราออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า”
พระชายาจวงอ๋องมองถาวจวินหลันอย่างไม่พอใจ แต่เดิมนางคิดอยากจะพูดอีกสักสองสามคำ แต่เมื่อถาวจวินหลันพูดเช่นนี้ นางเองก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก
ถาวจวินหลันเองก็ไม่สนใจ เพียงแค่เดินนำไปก่อนเท่านั้น พระชายาจวงอ๋องและพระชายาอู่อ๋องก็ได้แต่เดินตามออกไปอย่างผิดหวังเท่านั้น
ถาวจวินหลันถ่ายทอดคำของไทเฮาให้จางหมัวหมัวทราบโดยที่ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่คำเดียว
จางหมัวหมัวพูดว่า “ในเมื่อไทเฮาตรัสเช่นนี้แล้ว ข้าเองก็ไม่อาจรั้งพระชายาทุกท่านได้อีก ข้าเองก็ต้องไปหาฮ่องเต้ ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
จางหมัวหมัวเป็นคนเก่าแก่ที่ใกล้ชิดข้างกายไทเฮา แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่กล้าไม่ไว้หน้า แล้วจะเอาอะไรมาเทียบกับพระชายาเพียงไม่กี่คนเล่า? ดังนั้นจึงได้แต่แยกย้ายกันกลับไปเท่านั้น
ถาวจวินหลันกลับไม่ได้เดินตามไปด้วย แต่ไปตามหาซวนเอ๋อร์และหมิงจู นางอยากรอหลี่เย่กลับจวนพร้อมกัน อีกอย่าง นางยังไม่ได้ยืนยันการคาดเดา จึงไม่คิดอยากจะจากไปทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
แต่นางเองก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนไทเฮา ดังนั้นจึงทำได้แค่รอให้จางหมัวหมัวกลับมา
ยังดีที่จางหมัวหมัวไม่ได้ไปนานนัก เวลาผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็กลับมา เห็นนางยังไม่จากไปไหน จางหมัวหมัวก็มีท่าทีตื่นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ทำไมชายารองถาวยังไม่กลับเล่าเจ้าคะ?”
ถาวจวินหลันยิ้ม แสดงท่าทีให้แม่นมพาซวนเอ๋อร์และหมิงจูออกไป จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรอหมัวหมัวโดยเฉพาะ ข้ามีเรื่องอยากถามหมัวหมัว”
จางหมัวหมัวขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วนางจะตอบหรือไม่ เพียงแค่มองถาวจวินหลันเท่านั้น
ถาวจวินหลันเก็บรอยยิ้มไป ใบหน้าเคร่งขรึมเผชิญหน้ากับสายตาของจางหมัวหมัว จากนั้นก็พูดว่า “สุขภาพของไทเฮามีปัญหาอะไรหรือไม่?”
สีหน้าของจางหมัวหมัวพลันตื่นตกใจ แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา กลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว “คำพูดนี้มาจากที่ใดเจ้าคะ?”
เห็นจางหมัวหมัวไม่ยอมบอกเอง ถาวจวินหลันก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เพียงแค่มองจางหมัวหมัวและพูดความคิด การคาดเดาของตนเอง “เมื่อครู่นี้ไทเฮาให้หมัวหมัวไปดูแลคนเดียว นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ที่จริงแล้วหลังจากไทเฮาตื่นขึ้นมา ข้าเองก็สังเกตดูอย่างละเอียด นอกจากกระพริบตาและพูดคุยสนทนาแล้ว ไทเฮาก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย และที่มากไปกว่านั้นคือ หากไม่ได้เป็นอะไรมาก เหตุใดไทเฮาต้องไล่พวกเราออกไป? ถ้าไม่ใช่เพราะจะปิดบังอะไรบางอย่าง ไทเฮาก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
พูดไปพลาง ถาวจวินหลันก็จับสังเกตท่าทีของจางหมัวหมัวไปพลาง แม้แต่จางหมัวหมัวกะพริบตานั้นก็มองเห็นอย่างชัดเจน ไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของจางหมัวหมัว?
และเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงของจางหมัวหมัวอย่างชัดเจน นางถึงได้ยิ่งมั่นใจเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเกิดปัญหาใหญ่กับไทเฮาขึ้นจริง อีกทั้งยังไม่ต่างอะไรจากที่นางคาดคิดเอาไว้มากนัก
ใจนั้นดิ่งลงต่ำ แต่นางก็ไม่กล้าแสดงออกทางใบหน้า สุดท้ายแล้วก็พูดเพียงแค่ว่า “หมัวหมัว ท่านไม่จำเป็นต้องปิดบังข้า ข้าไม่พูดออกไปเป็นแน่ แม้ว่าจะไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น ข้าเองก็ต้องคำนึงถึงท่านอ๋องของข้าอยู่ดี ความสำคัญของไทเฮาต่อท่านอ๋องนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าจางหมัวหมัวเริ่มคล้อยตาม
แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จางหมัวหมัวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถาวจวินหลันกลับฉวยโอกาส พูดว่า “ไม่สู้ว่าข้าพูด แล้วหมัวหมัวเพียงแค่ส่ายหน้า พยักหน้าเท่านั้นก็พอแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้หมัวหมัวเองก็ไม่ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของไทเฮา”
จางหมัวหมัวลังเล แล้วก็พยักหน้า
ถาวจวินหลันจึงพูดว่า “ข้าถามหมอหลวงมาแล้ว หมอหลวงบอกว่าหากรุนแรงก็อาจทำให้ไทเฮาขยับเขยื้อนไม่สะดวก ยามนี้ไทเฮามีอาการเช่นนี้หรือไม่?”
จางหมัวหมัวพยักหน้า
ใจของถาวจวินหลันนั้นดิ่งลงต่ำ จากนั้นก็ถามอีกว่า “ทั้งร่างหรือ?”
จางหมัวหมัวส่ายหน้า
คิดถึงเรื่องที่จางหมัวหมัวให้คนไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม ถาวจวินหลันก็พูดต่อไปอย่างขมขื่นว่า “ใต้อกหรือ?”
คราวนี้จางหมัวหมัวพยักหน้า น้ำตาก็ยิ่งไหลพรากอาบแก้ม
ถาวจวินหลันยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงหยิกข้อศอกของตนเองอย่างแรง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เรื่องนี้หมัวหมัวจะต้องปิดบังเอาไว้ให้ดี นอกจากคนที่ปรนนิบัติข้างกายไทเฮาแล้ว อย่าได้ไปบอกใครอีก และจะต้องดูคนพวกนั้นให้ดี”
จางหมัวหมัวพยักหน้า “ไทเฮาเองก็สั่งเช่นนี้เจ้าค่ะ”
“อีกทั้งอย่าพูดถึงทางด้านฮ่องเต้ และองค์รัชทายาทให้ไทเฮารู้เด็ดขาด” ถาวจวินหลันกัดฟันพูด ท่าทางเคร่งเครียด “ตอนนี้ฮ่องเต้เองก็ป่วย เรี่ยวแรงไม่มากพอ ในตอนนี้ฮองเฮามีอำนาจมากที่สุด ฮองเฮาและไทเฮาไม่ถูกกันอยู่แล้ว เกรงว่าฮองเฮาจะฉวยโอกาสนี้ทำอะไรอีก หมัวหมัวจะต้องระมัดระวังให้ดี! เกรงว่าครั้งนี้ไทเฮาคงถูกคนวางแผนเล่นงานเสียแล้ว หากฝ่ายตรงข้ามรู้อาการของไทเฮาจะต้องวางแผนลงมืออีกเป็นแน่ ดังนั้นจะต้องปิดบังเอาไว้ให้แม่นมั่น!”
ถาวจวินหลันพูดคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแฝงความเฉียบคมอยู่เล็กน้อย
จางหมัวหมัวมองไปยังถาวจวินหลันอย่างตกใจ สุดท้ายแล้วก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “บ่าวใช้ชีวิตเป็นประกันเจ้าค่ะ”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใช้เหตุผลที่ไทเฮาต้องรักษาตัวอย่างสงบ ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าเยี่ยม” ถาวจวินหลันยังคงสั่งต่อไป แม้จะบอกว่าตนเองทำตัวเกินเลย แต่ในตอนนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? ภาพรวมสำคัญที่สุด ต่อให้หลังจากนี้ไทเฮาจะมาไล่บี้ถาม ก็ไม่สนใจแล้ว
สั่งจางหมัวหมัวเสร็จแล้ว ถาวจวินหลันก็พูดอีกว่า “บอกไทเฮา ข้าจะช่วยพระองค์หาหมอมีฝีมือให้ จะต้องมีวิธีรักษาได้แน่ ขอให้ไทเฮาตั้งสติเอาไว้ให้แม่นมั่น” ไทเฮาไม่อาจล้มลงได้ มิเช่นนั้นผลกระทบที่มีต่อหลี่เย่ก็จะยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่เปรียบ เมื่อคิดถึงองค์รัชทายาทและฮองเฮา สายตาของถาวจวินหลันก็ฉายแววเฉียบคม รอจนถึงตอนที่ไม่มีทางเลือก นางยินยอมสู้กันจนตัวตาย ใช้ชีวิตของตนเองต่อสู้สักครั้ง เพื่อหลี่เย่ เพื่อซวนเอ๋อร์และหมิงจู นางไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!
สูดลมหายใจเข้าลึก นางไม่ไปดูไทเฮาอีก จากนั้นก็พาซวนเอ๋อร์ออกจากวังหลวงไป หากไทเฮาไม่มีเรื่อง นางย่อมต้องรอหลี่เย่กลับจวนพร้อมกัน แต่ตอนนี้นางไม่สนใจแล้ว นางจะต้องรีบกลับจวนในทันที จากนั้นก็จะต้องคิดหาหมอที่มีฝีมือดีเหล่านั้นมาให้ได้
นางกลัวว่าหมอในกรมหมอหลวงจะพึ่งพาไม่ได้