ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 403 เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป
ฉินซินหยิ่งมองหน้าถังซี สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังแต่เธอรีบปกปิดไว้ เธอหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาถังซี และจู่ๆ ก็คุกเข่าลง เงยหน้าขึ้นมองถังซี ดวงตาเธอเต็มไปด้วยน้ำตา มองถังซีอย่างน่าสงสาร และวิงวอนขอร้อง “เธอไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่ฉันเอาภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอมา! เธอยอมรับกับการที่ฉันนำภาพสเก็ตช์ของเธอไปใช้ เรื่องนี้ต้องโทษเธอด้วยนะ! ซีซี ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน ก็ไม่มีใครช่วยฉันได้”
“อ้องั้นเหรอ ต้องโทษฉันด้วย เพราะเธอขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของฉันไปอย่างนั้นเหรอ” ถังซีหัวเราะด้วยความโกรธ เธอไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายมากไปกว่าฉินซินหยิ่งอีกแล้ว! เธอมองหน้าฉินซินหยิ่งที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ และยิ้มอย่างเย็นชาถามว่า “เธอหมายความว่าฉันต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เหรอ”
ตามตรรกะของฉินซินหยิ่ง ถ้าหล่อนขโมยมีดไปฆ่าใครสักคน หล่อนก็จะบอกผู้พิพากษาว่า ต้องโทษถังซี เพราะถังซีเป็นคนซื้อมีดเล่มนั้นมา!
“ฉันคงไม่ลำบากขนาดนี้หรอก ถ้าเธอปฏิเสธฉันตั้งแต่แรก!” ฉินซินหยิ่งจ้องหน้าถังซีและกล่าวอย่างไม่พอใจ “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะเธอไม่ห้ามฉัน!”
“เพราะฉันไม่ห้ามเธอ งั้นเหรอ” ถังซีหรี่ตาลง เอื้อมมือไปเชยคางฉินซินหยิ่งขึ้น แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฉันบอกเธอแล้วนะ ว่าฉันให้ภาพสเก็ตช์งานออกแบบของฉันแก่เธอไม่ได้ แล้วเธอทำยังไง เธอขโมยภาพสเก็ตช์พวกนั้น เอาไปอ้างว่าภาพสเก็ตช์ทั้งหมดนั้นเป็นของเธอ! ให้ฉันโทรเรียกตำรวจดีไหม แล้วบอกพวกเขาว่าเพื่อนสนิทของฉันขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของฉันไป ฉินซินหยิ่ง ถ้าฉันทำอย่างนั้นเธอก็อาจจะบอกว่า เพราะในใจฉันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นเพื่อนสนิท และเห็นภาพสเก็ตช์งานออกแบบเหล่านั้นสำคัญกว่าเธอ ใช่ไหม เธอมีข้อแก้ตัวเสมอ!”
ฉินซินหยิ่งชะงัก มองหน้าถังซีด้วยความตกใจ ถังซียิ้มมุมปากและคำรามเบาๆ “ฉันเคยเห็นเธอเป็นเพื่อนสนิทก่อนจะเกิดอุบัติเหตุทางอากาศครั้งนั้น แต่หลังจากวินาทีที่เครื่องบินตก ฉินซินหยิ่ง ฉันก็ไม่ใช่เพื่อนเธออีกต่อไป เพราะฉะนั้นอย่ามาเล่นบทน่าสมเพชเวทนาต่อหน้าฉัน ฉันบอกเธอไปชัดเจนแล้วในร้านกาแฟเมื่อครั้งก่อน ว่าฉันจะไม่เชื่อคำพูดตลบตะแลงของเธออีกต่อไป!
“เธอจำครั้งสุดท้ายที่เธอบอกฉันว่าเธอรักเฉียวเหลียงได้ไหม ในเมื่อเธอแสดงตัวว่าเป็นเพื่อนฉัน อยู่เคียงข้างฉัน แล้วเธอกล้าพูดกับฉันอย่างนั้นได้ยังไง! เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ!” ถังซีกล่าวพร้อมกับปล่อยคางฉินซินหยิ่งในทันทีและตะคอกว่า “เธออยากให้ฉันสาธยายสิ่งที่เธอทำกับฉันจริงๆ เหรอ!”
ฉินซินหยิ่งจ้องมองถังซีอย่างตกตะลึง ขณะที่ถังซีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกล่าวว่า “ทีแรกฉันไม่อยากแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจะลืมไปเองในที่สุด แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เพราะเธอโทษว่าฉันไม่ห้ามเธอตั้งแต่แรก ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะบอกความจริงเสียตอนนี้เลย อย่างน้อยเธอจะได้ไม่โทษฉันอีกในภายหน้า!”
ถังซีเผยแพร่ข้อความในไมโครบล็อก จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วยิ้มให้ฉินซินหยิ่ง “ฉันหวังว่าคงยังไม่สายเกินไป!”
ฉินซินหยิ่งรู้สึกว่าหัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดบัญชีไมโครบล็อก และไปดูที่หน้าบล็อกของถังซี
ถังซี : ฉันเคยคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป แต่ตอนนี้ฉันพบว่ามีเพียงฉันฝ่ายเดียวที่คบเธอเป็นเพื่อน เธอไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อนเลย เธอขโมยของของฉัน แต่บอกว่านั่นเป็นความผิดของฉัน เพราะฉันไม่ห้ามเธอ! ฉันไม่ต้องการเพื่อนแบบนี้
“ถังซี!” ฉินซินหยิ่งจ้องถังซีเขม็งอย่างดุดัน ขณะอ่านข้อความนั้น “เธอจะทำลายฉันเหรอ!”
“ฉันทำลายเธอเหรอ เธอลืมสิ่งที่เธอทำกับฉันไปแล้วเหรอ” ถังซีมองหน้าฉินซินหยิ่งอย่างไม่แยแส และยิ้มให้เธออย่างเย็นชา “ยังไงก็ตาม เธอจะอ่านข้อความที่ฉันโพสต์ก่อนหน้าก็ได้นะ”
ฉินซินหยิ่งรีบก้มหน้าลงอ่านข้อความที่ถังซีเผยแพร่ก่อนหน้านี้ แล้วเธอก็เบิกตากว้าง จ้องหน้าถังซีอย่างไม่อยากเชื่อ ถังซีลุกขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม ขณะเหลือบตาลงมองฉินซินหยิ่งซึ่งนั่งอยู่บนพื้น และกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันมีความสุขมากนะที่ได้เจอเธอ ฉันคิดว่าเธอจะขอโทษฉัน แต่เธอทำให้ฉันผิดหวัง”
ถังซีกล่าวแล้วหันหลังเดินจากไป ฉินซินหยิ่งจ้องมองไปที่รูปภาพใต้ข้อความ…
ถังซี : ฉันมาพบเธอเพราะยังเห็นว่าเธอเป็นเพื่อน ฉันหวังว่ามิตรภาพของเราจะคงอยู่ตลอดไป [รูปภาพ]
ที่อยู่ในภาพนั้นคือประตูร้านกาแฟแห่งนี้…
ฉินซินหยิ่งตัวแข็งทื่ออยู่นานพอสมควร กว่าจะลุกขึ้นวิ่งออกไป เพื่อตามถังซีที่กำลังขึ้นรถให้ทัน เธอรีบวิ่งไปเกาะประตูรถ มองถังซีด้วยสายตาวิงวอนพร้อมกับขอร้อง “ฉันผิดไปแล้ว! ยกโทษให้ฉันได้ไหม ฉันผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว! เธอช่วยลบโพสต์ทีได้ไหม!”
ถังซีมองหน้าฉินซินหยิ่งอย่างไม่แยแส “ทำไมต้องฉันลบ”
“ซีซี ฉันรู้ว่าฉันผิด! ฉันรู้จริงๆ! ได้โปรดลบโพสต์นั้นออก! ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน ฉันจะสารภาพต่อสาธารณชน เธอเพียงแค่ลบโพสต์นั้นได้ไหม แล้วเราจะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!”
ถังซีจ้องมองฉินซินหยิ่งที่กำลังขอร้องด้วยน้ำเสียงร่ำไห้ เธอดึงมือหนี และมองหน้าเฉียวเหลียง กล่าวว่า “ไปได้แล้ว”
“ถังซี เธอบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ!” ฉินซินหยิ่งเปลี่ยนน้ำเสียงทันที และมองถังซีด้วยสายตาดุดัน
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง ส่งสัญญาณไม่ให้เขาขับรถออกไป เธอลดกระจกรถลง และมองฉินซินหยิ่งด้วยสายตาเป็นคำถาม ฉินซินหยิ่งมองถังซีอย่างเย็นชา กล่าวว่า “ระหว่างทางมาที่นี่ฉันเจอผู้ชายหลายคนที่กำลังตามหาเธอ ฉันก็เลยพาพวกเขามาด้วย!”
ถังซีขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็มีรถหลายคันแล่นเข้ามาล้อมรถเธอไว้ ฉินซินหยิ่งมองหน้าถังซีเขม็ง ดวงตาเธอเปล่งประกายเยือกเย็น “ในเมื่อเธอไม่ให้โอกาสฉัน เธอก็ไปลงนรกซะเถอะ!”
ถังซีคว้ามือเฉียวเหลียง กำลังจะพาเขาไปจากที่นี่ด้วยทักษะอเนกประสงค์ แต่เฉียวเหลียงห้ามเธอไว้ ถังซีขมวดคิ้ว เฉียวเหลียงส่ายศีรษะให้เธอ “เราต้องแก้ปัญหานี้ ตระกูลคลอสจำเป็นต้องได้รับบทเรียน”
ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยสายตามีคำถาม เฉียวเหลียงปิดหน้าต่างและประตูรถ แล้วต่อสายโทรศัพท์
ทันใดนั้นรถคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาชนรถเขา รถยนต์ของเฉียวเหลียงคันนี้ผลิตขึ้นโดยหลงเซี่ยว ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ และติดตั้งกระจกกันกระสุน กระสุนปืนจึงไม่สามารถยิงเข้ามาในรถได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซีตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอขมวดคิ้ว มองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งจับมือเธอไว้ และช่วยเธอข้ามจากเบาะหลังมานั่งที่นั่งข้างคนขับ
เฉียวเหลียงลูบศีรษะถังซี ถามด้วยรอยยิ้ม “คุณกลัวไหม”
ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันแค่คิดว่าคงไม่ดีแน่ ถ้าฉันไปงานเลี้ยงอาหารค่ำของลอเรนซ์สาย”