ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 83 พรหมลิขิต
“ตรงนี้แดดแรงยิ่งนัก” หรงซู่เอามือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง “เข้ามาคุยกันในห้องก่อนเถิด ข้าจะช่วยรับฟัง”
ต้วนเฉินเซวียนไม่ใส่ใจเขา เพราะเรื่องนี้ของเขา…
หรงซู่รินชาสองแก้วแล้ววางไว้ตรงหน้าต้วนเฉินเซวียน “นั่งลงก่อนศิษย์น้อง ครั้งนี้มาหาศิษย์พี่ด้วยเรื่องใด?”
“หากไม่มีเรื่องจะมาหาท่านไม่ได้หรือ?” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เนื่องจากเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหรงซู่ ต้วนเฉินเซวียนจึงอดไม่ได้ที่จะตอกเขากลับไปบ้าง
“ไม่มีเรื่อง?” สายตาของหรงซู่ปรากฏแววขบขัน “ศิษย์น้อง เช่นนั้นเจ้าคงทำไม่ถูกเท่าไหร่นัก แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนว่างไม่มีธุระอะไรให้ทำ แต่ศิษย์พี่ของเจ้าไม่ได้ว่าง ตอนนี้ศิษย์พี่มีงานกองหนึ่งที่ยังสะสางไม่เสร็จ ไหนๆ ศิษย์น้องก็ไม่มีธุระอะไรแถมมาถึงที่นี่แล้วเช่นนั้นก็มาช่วยศิษย์พี่ทำงานสักหน่อยดีกว่า ถือว่าเป็นสิ่งทดแทนค่าชาที่เจ้าดื่มไปเมื่อครู่ก็แล้วกัน ชาปี๋หลัวชุนชั้นดี ราคาพันชั่งเชียวนะ”
“ฝันไปเถอะ” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ยพลางวางแก้วชาลงอย่างใจเย็น “ข้าได้รับบาดเจ็บ”
“อ้อ เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อขอรับการตรวจรักษา?” หรงซู่พยักหน้า “แต่เจ้าก็ต้องยอมให้ข้าดูว่าตรงไหนบาดเจ็บ มิเช่นนั้นศิษย์พี่จะคิดค่าตรวจและเก็บเงินค่ารักษาได้อย่างไรเล่า”
เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นท่าทางเจ้าเล่ห์เพทุบายของหรงซู่เช่นนี้แล้วก็แอบด่าในใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เจอกันมานาน นับวันศิษย์พี่ก็ยิ่งเหลี่ยมจัดมากขึ้นเรื่อยๆ!
แต่ไม่ว่าในใจของเขาจะด่าอย่างหยาบคายและใช้ถ้อยคำฟังไม่ได้มากแค่ไหน ต่อหน้าต้วนเฉินเซวียนยังคงวางท่าสงบนิ่งแล้วเอ่ยว่า ” เมื่อคืนวานที่มือของข้าโดนพิษ ท่านช่วยตรวจดูหน่อยว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง”
หรงซู่มองไปยังมือด้านขวาที่ต้วนเฉินเซวียนยื่นออกมาให้ เขาเพียงเหลือบมองแวบเดียวก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เจ้านำพิษออกไปหมดแล้วนี่ กลับไปรักษาแค่รอยมีดก็พอแล้ว”
ต้วนเฉินเซวียนขมวดคิ้ว “จริงหรือ?” เนื่องจากท่าทางของหรงซู่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นเพียงแค่การกวาดตามองคร่าวๆ แล้วพูดส่งๆ ไปเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกวางใจไม่ได้จริงๆ
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า” หรงซู่บีบดูที่แขนของต้วนเฉินเซวียน “ให้ศิษย์พี่ตัดแขนข้างนี้ของเจ้าออกไปหรือ? จะได้รักษาที่ต้นเหตุไปเลย?”
เมื่อหรงซู่เอ่ยจบก็เงยหน้าขึ้นพลางยิ้มเย้าแหย่ แต่เมื่อเห็นสายตาลึกล้ำของต้วนเฉินเซวียนเช่นนั้นก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ฮ่าๆ ศิษย์น้อง ผ้าพันแผลขอเจ้าเก่าแล้วล่ะ ศิษย์พี่พันแผลให้เจ้าใหม่ดีกว่า เดี๋ยวข้าไปเอายาก่อน”
หรงซู่เดินไปพลางสังเกตการณ์ นี่คงมีคนไม่กลัวตายมากวนอารมณ์คุณชายผู้นี้อีกกระมัง? เขาหวังว่าต้วนเฉินเซวียนคงจะไม่เอาความคับแค้นมาระบายใส่ที่นี่จนพังพินาศไปก็พอแล้ว
ผ่านไปเนิ่นนาน หรงซู่จึงเดินช้าๆ ออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ยื่นมือออกมาตรงๆ ข้าจะจัดการให้เอง”
ต้วนเฉินเซวียนมิได้เอ่ยสิ่งใด เนื่องจากความสนใจทั้งหมดของเขาตอนนี้ตกไปอยู่บนขวดยาที่หรงซู่ถือออกมา
“ศิษย์พี่ ยานี้ของท่าน…”
“ฮะ?” มือของหรงซู่ที่กำลังใส่ยาอยู่สั่นไหว “ทำไมหรือศิษย์น้อง?”
ต้วนเฉินเซวียนจะต้องหาเรื่องอะไรเขาอีกแน่! หรงซู่ตะโกนอยู่ในใจอย่างขุ่นเคือง เพียงต้วนเฉินเซวียนเอ่ยเรียกเขาว่าศิษย์พี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอนแล้ว!
“ศิษย์พี่ ท่านเคยให้ยานี้กับผู้ใดมาก่อนหรือไม่?” ต้วนเฉินเซวียนยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ ทว่าหรงซู่ไม่ตกหลุมพรางนี้ เพราะต่างก็เป็นคนที่รู้นิสัยกันและกันเป็นอย่างดี ยิ่งต้วนเฉินเซวียนพยายามยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจมากเพียงใด หรงซู่ก็ยิ่งไม่เชื่อเขามากขึ้นเท่านั้น
“ไม่เคยให้”
“เอ๊ะ?”
“ข้าเคยแต่ขายเท่านั้น” หรงซู่ก้มหน้าไม่ยอมมองเห็นสีหน้าของต้วนเฉินเซวียนแล้วเอ่ยต่อว่า “ศิษย์พี่ของเจ้าเป็นคนจนจะให้ของคนอื่นโดยไม่คิดเงินได้อย่างไรกัน เจ้าว่าไหมล่ะ ข้ามีแต่จะขายเท่านั้น”
ต้วนเฉินเซวียน “…”
ความเคร่งขรึมใจกว้าง…รวมกันได้เป็นคนเช่นนี้! หรงซู่เจ้าไม่ช่างหน้าไม่อายเสียเลย!
“ทำไมหรือ? เจ้าสนใจตัวยาของศิษย์พี่หรือ? เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่น้องของพวกเราสองคน ศิษย์พี่จะลดให้เจ้าร้อยละยี่สิบ”
“ไม่สนใจ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว” ต้วนเฉินเซวียนส่ายหน้าเงียบๆ “แต่ข้ากลับสนใจผู้ที่มาซื้อยาของท่านไป”
“แต่คนที่ขายให้ไปมีตั้งมากมาย ข้าจะไปจำได้อย่างไรเล่า” หรงซู่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ว่าแต่เจ้าถามถึงเรื่องนี้ไปทำไมกัน?”
“ไม่มีอะไร”
ต้วนเฉินเซวียนเงียบขรึมและจ้องเขม็งไปยังหรงซู่ที่กำลังพันแผลให้ตนอยู่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายาที่ซูเหลียนอวิ้นใส่ให้เขานั้นมาจากหรงซู่แน่นอน แต่ผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนอย่างซูเหลียนอวิ้น เหตุใดถึงสุรุ่ยสุร่ายมาซื้อยาของหรงซู่ได้?
แม้ว่ายาของหรงซู่จะเป็นยาเทวดาอย่างแท้จริง แต่ผู้หญิงอ่อนแอบอบบางอย่างนางจะได้รับบาดเจ็บสองวันทีสามวันครั้งได้อย่างไร อีกทั้งวันนั้นซูเหลียนอวิ้นยังใช้ไปหลายห่อ แต่เขากลับไม่เห็นว่านางจะมีทีท่าเสียดายแต่อย่างใด เพราะจากนิสัยการคิดราคายาของหรงซู่แล้ว…เกรงว่ายาเพียงเล็กน้อยนั่นมูลค่าคงไม่ต่ำกว่าหมื่นตำลึง
ที่ผ่านมาจวนแม่ทัพขึ้นชื่อว่าตระกูลที่มีเที่ยงตรง ไม่นิยมความหรูหราฟุ่มเฟือย ดังนั้นแม้ว่านางจะได้เงินเดือนแต่ก็คงได้ไม่มากนัก
เช่นนั้นซูเหลียนอวิ้นได้ยาไปจากที่นี่ได้อย่างไร…
แน่นอนว่าอีกสิ่งหนึ่งที่กระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ของต้วนเฉินเซวียนที่สุดคือ รูปแบบการพันแผลที่มือขวาของเขา
แม้ว่าวันนั้นซูเหลียนอวิ้นจะพันแผลให้เขาอย่างลวกๆ แต่เมื่อนำวิธีการพันแผลของนางมาเทียบกับวิธีของหรงซู่ที่พันให้เขาแล้วมีความคล้ายคลึงกันถึงแปดส่วน
“ศิษย์น้องกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?” ผ่านไปเนิ่นนานกว่าหรงซู่จะเอ่ยปากถาม
“กำลังคิดเรื่องเรื่องหนึ่งอยู่” ต้วนเฉินเซวียนเอานิ้วเคาะไปที่โต๊ะ “ศิษย์พี่ ท่านรู้จักซูเหลียนอวิ้นแห่งจวนแม่ทัพหรือไม่?”
“ฮะ?” ดวงตาของหรงซู่ปรากฏแววแห่งการครุ่นคิด จากนั้นจึงยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า “เคย…มีโอกาสได้พบกันครั้งสองครั้ง” หากนับเพียงแต่ในชาตินี้ หรงซู่กับซูเหลียนอวิ้นเคยพบหน้ากันเพียงสองครั้งเท่านั้น
“ศิษย์พี่ไปข้องเกี่ยวกับนางได้อย่างไร?” ต้วนเฉินเซวียนเหล่ตามอง คิ้วเลิกสูงขึ้นราวกับกำลังคลางแคลงใจ
“พรหมลิขิตกระมัง” หรงซู่ลุกขึ้นยืนแล้วเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าไกลโพ้น “เมื่อมีพรหมลิขิตต่อกัน ย่อมมีโอกาสได้พบกันอย่างแน่นอน”
ต้วนเฉินเซวียนพยายามข่มความรู้สึกไม่พอใจนั้นเอาไว้ เขาไม่อยากจะสนทนากับหรงซู่อีกต่อไปจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “อ้อ เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าขอตัวก่อน”
“ศิษย์น้องเดินระวังด้วย หากมีเวลาค่อยแวะมาใหม่”
ทว่าในตอนนั้นหากต้วนเฉินเซวียนหันหน้ากลับมาอีกก็จะได้เห็นสีหน้าสะใจและขบขันของหรงซู่ที่ไม่ว่าจะปิดอย่างไรก็ปิดไม่อยู่
สุดท้ายขณะที่ต้วนเฉินเซวียนกำลังจะเดินออกจากป่าไผ่ไป เสียงของหรงซู่ก็ดังสะท้อนตามหลังมาว่า “จริงสิศิษย์น้อง เมื่อครู่ศิษย์พี่ยังมีคำถามที่ยังมิได้ถามเจ้าอยู่”
“อะไรเล่า?” ต้วนเฉินเซวียนไม่ได้หันหน้ากลับมา น้ำเสียงของเขารำคาญสุดทน
“คือว่าศิษย์น้องรู้จักร้านขายอาวุธใดที่ตีกระบี่เก่งๆ หรือไม่? ศิษย์พี่อยากจะซื้อกระบี่สักเล่ม เพราะได้ยินมาว่าใกล้จะถึงพิธีปักปิ่นของคุณหนูซูแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้พบกันสองครั้ง แต่ศิษย์พี่คิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็ควรจะมอบอะไรให้สักหน่อยถึงจะคุยกันได้”
ต้วนเฉินเซวียนนิ่งคิดเป็นเวลานานจึงเอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดท่านถึงอยากมอบกระบี่ให้สตรี?”
หรงซู่กล่าวว่า “เพราะว่าคุณหนูซูเคยพูดเองว่ามีความสนใจของประเภทนี้ แต่ว่านานๆ ทีศิษย์พี่จะลงเขาสักครั้ง เช่นนั้นวานศิษย์น้องซื้อกระบี่สักเล่มแล้วส่งไปให้นางแทนจะดีกว่า ถือซะว่าเป็นค่ารักษาที่ข้าพันแผลและใส่ยาให้เจ้าเมื่อครู่ก็แล้วกัน”