ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 225 ขนมบัวหิมะ
“ต้วนเฉินเซวียน จู่ๆ ข้าก็อยากกินขนมบัวหิมะไส้กุหลาบของร้านอู่เซียงเก๋อ” จู่ๆ ซูเหลียนอวิ้นพลันเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา “จะทำอย่างไรดี”
ขนมชนิดนี้เป็นขนมที่ต้วนเฉินเซวียนชอบกินมากที่สุดอย่างหนึ่ง แน่นอนว่านางเองก็ชอบกินมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อชาติที่แล้วเพื่อเอาอกเอาใจต้วนเฉินเซวียนมากขึ้น นางถึงกับไปต่อแถวที่ร้านอู่เซียงเก๋อหลายครั้งต่อหลายครั้งเพื่อซื้อขนมชนิดนี้โดยเฉพาะ
แต่ด้วยความซื้อยากของขนมชนิดนี้ ต่อให้ซูเหลียนอวิ้นชอบกินมากขนาดไหน แต่เมื่อนับจำนวนครั้งที่นางเคยได้กินคล้ายว่าจะนับนิ้วมือเพียงสองนิ้วก็ครบแล้ว
เนื่องจากร้านอู่เซียงเก๋อนั้นเป็นร้านเก่าแก่ที่โด่งดังในเมืองหลวงแห่งนี้หรืออาจจะทั้งเมืองต้าชั่วเลยด้วยซ้ำ อีกเรื่องหนึ่งก็คือขนมบัวหิมะร้านนี้คือที่สุดของความเป็นกลาง ราคาที่แพงของมันนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ…ความยากในการซื้อ!
ไส้ของขนมบัวหิมะร้านอู่เซียงเก๋อ เป็นไส้ผลไม้ผสมเกล็ดน้ำแข็ง ดังนั้นขนมชนิดนี้จึงเป็นขนมที่นิยมกินกันในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะ และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ก็จะมีขนมชนิดนี้ออกมาวางขายไม่ถึงยี่สิบกล่องเท่านั้น
เนื่องจากมีเหล่าองค์หญิงองค์ชายจากตระกูลใหญ่ๆ มากมายที่อยากซื้อขนมชนิดนี้ ดังนั้นร้านอู่เซียงเก๋อจึงเคยประกาศออกมาด้วยตัวเองว่าต่อให้เป็นฝ่าบาท หากอยากกินขนมที่ร้านของพวกเขาก็ต้องยึดตามกฎระเบียบของร้านด้วย นั่นก็คือต่อแถว!
นั่นเป็นเพราะผู้ที่อยากจะซื้อขนมของร้านมีมากยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถเอาใจทุกคนได้และทำได้เพียงหาวิธีอื่นมาใช้แทนเท่านั้น นั่นก็คือพยายามจัดการอย่างถูกต้องทุกอย่าง หรือถึงแม้จะทำผิดไปบ้างก็ต้องเป็นไปอย่างมีศิลปะ คือผิดพลาดโดยยังให้เกียรติทุกคนอยู่
เนื่องจากการออกมาช้าจนทำให้เข้าแถวอยู่ด้านหลัง สุดท้ายจึงไม่สามารถซื้อขนมบัวหิมะกลับไปได้ย่อมดีกว่าเหตุผลที่ระหว่างการเข้าแถวปรากฏคนของบางตระกูลมาแทรกแล้วปล้นเอาความสำเร็จไป! เพราะไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดก็ไม่ขัดสนเงินทอง ตำแหน่งก็ใหญ่โตพอๆ กัน ดังนั้นการที่ร้านอู่เซียงเก๋อออกกฎมาเช่นนี้ถือว่ามีเหตุผลที่พอเข้าใจได้
“อยากกินหรือ” ต้วนเฉินเซวียนเอ่ยพลางอมยิ้ม
“ใช่แล้ว ข้าอยากกินขนมอันนี้!” ตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่าตนอยากจะหาเรื่องใส่ตัว มิผิด หาเรื่องใส่ตัว!
เนื่องจากหากไม่รีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้ เดี๋ยวนางก็จะต้องแต่งงานกับเขาแล้ว! พอถึงตอนนั้น สถานที่แปลกใหม่ที่นางไม่คุ้นเคย แล้วนางจะไปแสดงอิทธิฤทธิ์ที่มีอยู่เต็มหัวใจของนางเพื่อกลั่นแกล้งต้วนเฉินเซวียนได้อย่างไร
อีกอย่างตระกูลต้วนก็มีต้วนเฉินเซวียนเป็นลูกชายเพียงคนเดียว เมื่อถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่จะใช้งานต้วนเฉินเซวียนเลย แต่นางอาจจะต้องคอยตามรับใช้ต้วนเฉินเซวียนไปทุกที่ต่างหาก เพราะครอบครัวที่มีลูกชายเพียงคนเดียวส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเลี้ยงดูเช่นนี้
เนื่องจากเป็นคนโปรดคนเดียวของบ้าน ดังนั้นเขาจะต้องได้รับการทะนุถนอมอย่างมาก! ทว่านางเองก็ได้รับการเลี้ยงดูเหมือนไข่ในหินจากบิดามารดามาตั้งแต่ยังเล็ก บทเรียนจากชาติที่แล้วนางได้ลิ้มรสเพียงพอแล้ว ดังนั้นชาตินี้…การปรณนิบัติต้วนเฉินเซวียน? ไม่มีทางอย่างแน่นอน!
อีกอย่างคืนนั้นในวังหลวง ต้วนเฉินเซวียนก็ได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าชีวิตนี้จะให้พวกเขาสองคนสลับสถานะกัน หากเป็นเช่นนั้นก็ดีเช่นกัน ตอนนี้โอกาสแรกได้มาถึงแล้ว เพราะคำพูดนั้นไร้น้ำหนัก เรื่องอะไรก็ตามล้วนต้องลงมือกระทำให้เห็นจริงๆ ถึงจะถูกต้อง!
ดังนั้นตอนนี้…นางจึงอยากกินขนมบัวหิมะไส้กุหลาบ ก็แค่อยากกินขึ้นมา จะให้ทำอย่างไรได้!
“อยากกินก็ไม่เห็นยาก ข้าไปซื้อมาให้เจ้าก็จบแล้ว” สำหรับซูเหลียนอวิ้นผู้ที่มีคำร้องขอไม่บ่อยนัก ในความคิดของต้วนเฉินเซวียนนอกจากจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องวุ่นวายอะไรแล้ว เขากลับยังรู้สึกว่าซูเหลียนอวิ้นกำลังให้โอกาสเขาอยู่?
เพื่อให้เขาได้ใช้ความพยายามเพื่อลบล้างความผิด? ความรู้สึกต่อกันจะได้ดีขึ้น อีกอย่างก็แค่ซื้อของกินเท่านั้น อย่าว่าแต่รอบเดียวเลย ต่อให้เป็นสิบรอบสำหรับเขาแล้วก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะว่า…“แต่ว่าข้าอยากกินตอนเที่ยง” ซูเหลียนอวิ้นยกแขนขึ้นแล้วชี้ไปนอกหน้าต่าง “หากตอนก่อนเที่ยงท่านยังซื้อมาไม่ได้ล่ะก็ ท่านก็ไม่ต้องพยายามอีกเพราะตอนเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด การได้กินขนมอันนี้ในตอนเที่ยงถึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด อีกอย่างหากปล่อยเอาไว้นานเกินไปเกรงว่าเกล็ดน้ำแข็งที่อยู่ในขนมคงจะละลายหมดไม่เหลือแน่”
แน่นอนว่าเมื่อชาติก่อนซูเหลียนอวิ้นเคยซื้อขนมชนิดนี้มาก่อน ดังนั้นหนทางการไปซื้อขนมบัวหิมะกุหลาบเป็นอย่างไรนั้น นางย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี!
อย่าว่าแต่ตอนเที่ยงเลย ต่อให้เป็นตอนนี้ก็เกรงว่าคงจะมีคนมากมายมารอต่อแถวซื้อตั้งแต่เช้ามืดแล้ว! เพราะการต่อแถวซื้อของที่นี่ถือเป็นเรื่องยาก ดังนั้นตอนที่ร้านอู่เซียงเก๋อเปิดร้านในตอนเช้า เพียงแค่ประตูร้านถูกเปิดออกขนมชนิดนี้ก็จะถูกแย่งซื้อไปจนไม่เหลือดังนั้นการที่ซูเหลียนอวิ้นเสนอความต้องการนี้ อันที่จริงแล้วคือไม่มีทางที่จะสามารถทำสำเร็จได้แน่ อีกอย่างนางยังต้องการกินตอนเที่ยงโดยที่ไม่ให้เกล็ดน้ำแข็งที่อยู่ในไส้ละลาย ซึ่งนี่ยิ่งทำให้ภารกิจนี้ยากขึ้นไปใหญ่!
เพราะแค่ตอนเช้าขนมนี้ก็จะถูกแย่งซื้อไปจนหมดแล้ว ยกเว้นเสียแต่ว่าต้วนเฉินเซวียนจะบากหน้าตนไปขอซื้อจากคนที่ซื้อได้เรียบร้อยแล้ว มิเช่นนั้นแล้ว…ซูเหลียนอวิ้นก็ยังนึกไม่ออกว่าจะมีวิธีใดที่จะทำให้เขาซื้อขนมกลับมาได้
“ของที่เจ้าอยากได้ อย่าว่าแต่ขนมหนึ่งจานเลย ต่อให้เป็นดาวบนท้องฟ้า หากเจ้าต้องการข้าก็จะหามาให้”
อย่างนั้นก็ไปเอามาสิ? ข้าเองก็อยากได้ดาวบนท้องฟ้าเหมือนกัน! ทำอย่างไรดีนะ ซูเหลียนอวิ้นแอบบ่นในใจ พูดจาแต่ละคำนั้นน่าฟังยิ่ง รอให้ทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดจาเลอะเทอะกับนางก็แล้วกัน!
“ท่านยังไม่ไปอีกรึ” ซูเหลียนอวิ้นเลิกคิ้ว
“เอาล่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แล้ว แต่ก่อนที่จะไป…เจ้าต้องให้ของบางอย่างกับข้าก่อน ข้าถึงจะสบายใจ” ต้วนเฉินเซวียนเอานิ้วชี้ไปชี้ที่แก้มขวาของตัวเอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยการหยั่งเชิงและรอคอย
“ท่านอยากโดนตบรึ” ซูเหลียนอวิ้นยื่นมือออกมา “ข้าย่อมสนองความต้องการของท่านได้อย่างแน่นอน” สีหน้าเศร้าใจใดๆ นางไม่สนใจทั้งนั้น! นางรู้เพียงว่าการชี้ไปที่แก้มขวาของตัวเองนั้นหมายความว่าอยากโดนตบ! อย่าพยายามอธิบายความหมายอื่นให้นางฟังเลย นางไม่อยากรู้และไม่สนใจสักนิด!ต้วนเฉินเซวียนลดมือลงอย่างสิ้นหวัง ก็ได้ เดิมทีเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อยู่แล้ว ทว่าความจริงที่รู้อยู่แก่ใจหากเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่โดนปฏิเสธจริงๆ แล้ว ถือว่าแย่กว่ากันเยอะ!
“ผูหลิว!” ต้วนเฉินเซวียนเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป ซูเหลียนอวิ้นก็รีบเรียกพวกผูหลิวลงมา
“คุณหนูใหญ่เรียกข้าหรือ!” แกร่กๆๆ เพียงชั่วครู่คนทั้งห้าก็กระโดดลงมาจากคานด้านบน
“อืม ข้ามีเรื่องอยากให้พวกเจ้าช่วย” เวลาผ่านมานานแล้ว ซูเหลียนอวิ้นชินชากับการปรากฏตัวพรวดพลาดออกมาอย่างรวดเร็วของพวกเขาแล้ว “เห็นพวกเจ้าบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ตอนนี้ข้ามีงานที่จะให้พวกเจ้าทำแล้ว นั่นก็คือพวกเจ้าสักคนหนึ่งรีบสะกดรอยตามต้วนเฉินเซวียนไป ไปดูว่าคราวนี้…เขาใช้ลูกไม้อะไรอีก” เพราะก่อนที่ต้วนเฉินเซวียนจะออกไป แววตาของเขานั้นแน่วแน่จริงจังมาก ทำให้ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่า ภารกิจที่นางคิดออกมาในครั้งนี้…ไม่ยากสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย?