ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 254.3 เลี้ยงธิดาบุญธรรมหวังจะได้โอรส แอบเซ่นไหว้ผู้วายชน (3)
- Home
- ยอดหญิงอันดับหนึ่ง
- ตอนที่ 254.3 เลี้ยงธิดาบุญธรรมหวังจะได้โอรส แอบเซ่นไหว้ผู้วายชน (3)
เจี่ยงอวี๋ได้ฟังสีหน้าเหนื่อยล้าจึงได้ผ่อนคลายลง
ในขณะนั้นเอง นางกำนัลก็ส่งเสียงเข้ามาว่า “คังเฟยขอพบอยู่นอกตำหนักเพคะ”
“ไม่พบ ไม่พบ ไล่กลับไปเสีย บอกไปแล้วมิใช่หรือไร ฝ่าบาททรงอนุญาตข้าแล้ว หากนางอยากจะได้องค์หญิงคืนก็ให้ไปหาฝ่าบาท!” เจี่ยงอวี๋ตำหนิ
“เหมือนว่าคังเฟยจะมิได้มาเอาองค์หญิงคืนนะเพคะ นางบอกว่าจะมาขอโทษเรื่องเมื่อเช้า” นางกำนัลรายงานอีกครั้ง
เจี่ยงอวี๋สีหน้าผ่อนคลาย บอกแล้วว่าแม่นางสวีผู้นี้ เพื่อองค์หญิงแล้วจะสามารถตัดขาดกับตนได้หรือ นางฝืนเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “เชิญคังเฟยเข้ามาเถิด”
สวีคังเฟยเข้าตำหนักมาก็ถวายคำนับให้ แม้สีหน้าจะยังคงหดหู่ แต่ก็ไม่ร้อนรนเหมือนเมื่อเช้าแล้ว นางเอ่ยเสียงเบาว่า “เมื่อเช้าหม่อมฉันไม่ทันจะตั้งสติได้ จึงเสียมารยาทให้แล้ว ขอฮุ่ยเฟยโปรดอย่าได้ถือสาเลยเพคะ พอกลับไป หม่อมฉันไปครุ่นคิดดู ตัวเองช่างจิตใจคับแคบเกินไปจริงๆ ฮุ่ยเฟยดูแลหม่อมฉันมาโดยตลอด ทั้งยังมีสัมพันธ์อันดีกับหม่อมฉันเสมอ จะปฏิบัติไม่ดีต่อติ้งอี๋ได้หรือ ติ้งอี๋ได้มีพระมารดาเพิ่มขึ้น ก็เป็นโชคดีของนาง ยิ่งไปกว่านั้นฮุ่ยเฟยก็มีเหตุผล หม่อมฉันจะไม่ช่วยเหลือเรื่องเล็กแค่นี้เลยหรือ พอได้คิดเช่นนี้แล้ว หม่อมฉัน เฮ้อ ช่างเลอะเลือนไปจริงๆ เพคะ!”
เจี่ยงอวี๋ฟังอย่างพออกพอใจยิ่ง นางดึงมืออีกฝ่ายให้นั่งลง “เจ้าคิดได้ ข้าก็วางใจแล้ว ความสัมพันธ์ของเราดีงามเพียงนี้ ลูกสาวเจ้า มิใช่ลูกสาวของข้าหรือไร ข้าต้องเลี้ยงดูสั่งสอนนางอย่างดีแน่นอน พอข้ามีเองแล้ว ก็จะหาเหตุผลส่งติ้งอี๋คืนให้แก่เจ้า”
สวีคังเฟยใบหน้ากระตุกอย่างยากที่จะสังเกตเห็น แอบถุยอยู่ในใจ ต่อให้ความสัมพันธ์ดีกว่านี้ บุตรธิดาก็ต้องเอามาถวายให้เจ้ารึ รอเจ้ามีเอง เกิดชาตินี้ไม่มีมาเล่า ทว่านางกลับฝืนแย้มยิ้ม “ดี ดี อ้อจริงสิเพคะ เวลานี้ ติ้งอี๋น่าจะนอนแล้วกระมัง”
เจี่ยงอวี๋เห็นนางมองไปรอบๆ ก็รู้ว่าจะเป็นห่วงลูกสาว จู่ๆ ก็แยกจากกันกะทันหัน ต้องหักใจมิได้แน่นอน ในเมื่อนางยอมทนคล้อยตามถวายลูกสาวมาให้แก่ตน ก็จะเป็นคนดีให้สักครั้งหนึ่ง จึงเอ่ยว่า “อืม ติ้งอี๋เด็กคนนี้ น่ารักน่าเอ็นดู ถูกชะตากับข้าด้วย ข้าถูกใจยิ่ง พูดคุยกับนางมาทั้งคืน เพิ่งจะถูกแม่นมอุ้มไปในห้อง หากคังเฟยอยากจะดูก็เข้ามาดูเถิด”
สวีคังเฟยรีบลุกขึ้น ขอบคุณไม่สิ้น “ขอบพระทัยฮุ่ยเฟยเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันดูองค์หญิงก่อนค่อยไปนะเพคะ” กล่าวจบก็เดินยังหน้าห้องนอนของเจี่ยงอวี๋ เลิกม่านขึ้น
ไม่ไกลจากเตียงของเจี่ยงอวี๋นัก มีเตียงเด็กเล็กทำจากไม้แพร์ขาโค้งตั้งอยู่ แพขนตาขององค์หญิงติ้งอี๋ยังมีหยาดน้ำตาเปื้อนอยู่ เดิมทีก็นอนติดที่กลัวคนแปลกหน้าอยู่แล้ว จึงนอนหลับไม่สนิท พอได้ยินเสียงฝีเท้าเห็นว่ามารดามาหาก็ฮึมฮัมจะปีนขึ้นมา “เสด็จแม่ ข้าอยากกลับไปตำหนักท่านแม่ ข้าไม่อยากอยู่กับฮุ่ยเฟย”
สวีคังเฟยดวงใจดั่งโดนมีดเฉือน นางนั่งลงปิดปากองค์หญิงไว้ กล่อมลูกสาวให้สงบ ขยับไปใกล้ข้างหู ทั้งหลอกล่อปลอบโยนทั้งข่มขู่ว่า “ติ้งอี๋ ตั้งแต่วันนี้ไป ตราบใดที่ฮุ่ยเฟยอยู่ข้างกายเจ้า เจ้าก็ร้อง ร้องยิ่งดังยิ่งดี ฮุ่ยเฟยโดนโวยวายใส่จนรำคาญ ไม่แน่ว่าอาจจะเอาเจ้ามาคืนแม่ แต่เรื่องนี้มีแค่เจ้ากับแม่ที่รู้เท่านั้น อย่าได้บอกคนอื่น ได้ยินหรือไม่ มิฉะนั้นก็จะกลับมามิได้อีกเลย”
องค์หญิงติ้งอี๋จึงไม่งอแงจะกลับอีก นางซุกเข้าไปในผ้าห่มพยักหน้า แล้วหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
สวีคังเฟยลูบใบหน้ารูปไข่ของลูกสาวไปมา ลุกขึ้นมองไปยังแม่นมตำหนักถงกวงที่ดูแลลูกสาว “องค์หญิงชินกับการห่มผ้าผืนเดิม ตอนที่ข้ามาได้เอามาด้วยแล้ว สาวใช้ข้ากำลังถืออยู่ เจ้าถือเข้ามาเถิด ต่อไปก็ห่มผืนนี้ให้เสีย”
“เพคะ” แม่นมรีบออกไป
สวีคังเฟยอาศัยจังหวะที่ภายในห้องไม่มีใคร เดินไปยังมุมหน้าประตูของห้อง บนพื้นมีกระถางกำยานสี่ขาที่เอาไว้ไล่มดไล่แมลงซึ่งแต่ละห้องแต่ละตำหนักล้วนจัดสรรไว้
ตำหนักในวังหลวงใหญ่เกินไป ภายในมีห้องไม้มากมาย กระถางกำยางนี้มีไว้เพื่อกันปลวกโดยเฉพาะ ปกติแล้วมักจะใส่ผงกำมะถันไว้เล็กน้อยวางไว้ทุกมุมบนพื้นห้อง ไม่ไปสนใจมัน สามารถเผาไหม้ได้เป็นสิบวันครึ่งเดือนโดยไม่สะดุดตา ไม่เหมือนกระถางธูปหอมพวกนั้นที่วางอยู่กลางห้องดึงดูดสายตาคน
นางดึงลิ้นชักเล็กๆ ใต้กระถางกำยานกำจัดแมลงออกมา ด้านในเป็นผงกำมะถันที่บดเล็กละเอียด แล้วล้วงห่อบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ ผสมผงด้านในนั้นเข้าไป
จนฝีเท้าแม่นมเดินเข้ามาใกล้ สวีคังเฟยจึงได้รีบล้วงเอาบางอย่างที่เป็นประกายแวววาวออกมา มันคือปิ่นมุกอันหนึ่งเรืองรองสีทองอร่าม ทำด้วยทองทั้งด้าม ประดับด้วยหงส์สยายปีกตัวหนึ่ง กระพือปีกราวกับมีชีวิต ดูๆ แล้วราคาสูงค่า ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะเอามาประดับได้
สวีคังเฟยกวาดตามองไปรอบๆ หามุมหัวเตียงมุมหนึ่ง ยัดปิ่นหงส์ทองคำอันนั้นเข้าไป แล้วปิดม่านเดินออกมา
หลังจากนั้นไม่กี่วัน วังหลังก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าฮุ่ยเฟยสภาพจิตใจไม่สงบสุขอยู่ทุกวัน พอล้มนอนกับหมอนก็จะเอาแต่ฝันร้ายไปต่างๆ นานา วันที่สองจิตใจก็ไม่คึกคัก ใจเหม่อใจลอย ไม่นานก็ซีดเซียวไปไม่น้อย เชิญหมอหลวงมาดูคราหนึ่ง ร่างกายกลับปกติดี
เจี่ยงอวี๋กลัวว่าอาหารการกินหรือไม่ก็ที่หลับที่นอนจะโดนใครมาลงมือลงไม้ใส่ ตรวจอาหารและไขมันที่สัมผัสทุกวันก็ปกติดี ความจริงแล้วในใจก็รู้ดี เกรงว่าจะเป็นเพราะองค์หญิงติ้งอี๋
องค์หญิงคนนี้วันแรกที่มาตำหนักถงกวงก็ไม่เคยยิ้มเลย ตอนที่ตนไม่อยู่ยังพอว่า แต่ทุกครายามเห็นตนเข้าก็ร้องห่มร้องไห้โหยหวน
คิดไปคิดมา หากมิใช่องค์หญิงติ้งอี๋โวยวายจนนางสภาพจิตใจอ่อนแอแล้วจะยังมีสาเหตุใดอีก
เจี่ยงอวี๋จึงยิ่งรังเกียจ แต่ก็หมดทางเลือก จำต้องอดทนอย่างหนักต่อไป
วันนี้ เจี่ยงอวี๋ก็ยังคงนอนหลับไม่สบาย พลิกตัวไปมาฝันอยู่ครึ่งค่อนคืน เช้ามาเพิ่งจะลากสังขารอันหนักอึ้งขึ้นมาได้ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของนางกำนัลคนหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดภายในห้องอยู่
เจี่ยงอวี๋เดิมทีก็ไม่ค่อยมีสติดี โดนทำให้ตกใจเข้าก็เกือบจะขวัญกระเจิงหนีหายไปแล้ว นางตบลงไปฉาดใหญ่ “เด็กนั่นร้องไห้กระจองอแงอยู่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ สุนัขรับใช้อย่างพวกเจ้าก็โดนแพร่เชื้อใส่ด้วยหรือ อยู่ดีๆ จะร้องขึ้นทำไม!”
สาวใช้คนนั้นถือปิ่นมาให้ผู้เป็นนายดู “ตอนที่บ่าวทำความสะอาดหัวเตียงเห็นสิ่งนี้เข้าเพคะ เดิมทีคิดว่าเป็นเครื่องประดับของเหนียงเหนียง แต่พอดูให้ละเอียดดีๆ กลับมิใช่ เหมือนว่าจะเป็น…”
“เป็นของผู้ใด” เจี่ยงอวี๋ขมวดคิ้วยื่นมือรับมา หลังจากมองให้ชัดเจนแล้วสีหน้าก็พลันเปลี่ยน
ปิ่นทองหัวหงส์ นี่มัน…
เป็นของท่านป้าเจี่ยงฮองเฮา
เมื่อก่อนนางเข้าไปตำหนักเฟิ่งจ๋าบ่อยๆ จะไม่คุ้นกับเครื่องประดับบนโต๊ะเครื่องแป้งของท่านป้าได้อย่างไร ปิ่นทองชิ้นนี้เป็นหนึ่งในเครื่องประดับผมที่ท่านป้ารักมากที่สุด เคยปักอยู่บ่อยครั้งทีเดียว
“เหตุใดจึง…” เหตุใดของของคนตายนี้จึงมาอยู่ที่นางได้กัน เจี่ยงอวี๋เดิมทีก็จิตใจไม่สงบสุขอยู่แล้ว ถูกปิ่นทองนี่ทำเอาเหงื่อเย็นผุดซึมออกมาทั่วร่าง ขนลุกขนพอง
สาวใช้คนสนิทเข้ามา ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตกใจเช่นกัน ขนลุกไปทั่วร่าง แต่ก็ทำได้เพียงปลอบใจว่า “เหนียงเหนียงอย่าตกใจไปเพคะ เมื่อก่อนเหนียงเหนียงมักจะไปตำหนักเฟิ่งจ๋า หวีผมจัดทรงถวายเจี่ยงฮองเฮาก็มิใช่น้อยครั้งเสียที่ไหน อาจจะมีครั้งใดที่ไม่ได้ตั้งใจเกี่ยวมาในแขนเสื้อเอากลับมาด้วย ไม่ทันระวังตกอยู่ภายในตำหนัก ก็ไม่รู้นะเพคะ”
เหตุผลนี้ช่างฝืนใจยิ่ง ไม่ได้ไปตำหนักเฟิ่งจ๋าเป็นปีๆ แล้ว ซ้ำยังย้ายตำหนักมาแล้วคราหนึ่ง ย้ายจากตงกงมายังตำหนักถงกวงในวังหลัง อาภรณ์เครื่องประดับส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนใหม่นานแล้ว จะเก็บจนถึงวันนี้ให้มาตกออกจากอาภรณ์ในวันและเวลานี้ได้อย่างไร!
เจี่ยงอวี๋โดนของรักของหวงชิ้นนี้ของเจี่ยงฮองเฮาทำเอาสภาพจิตใจไม่สงบสุขกว่าเดิม มื้อเช้าทานไปได้สองคำก็ผลักออก ในขณะนั้นเอง สวีคังเฟยก็มาถวายพระพร