ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 263.1 สมรสพระราชทานร่วมกัน ปมในใจของแม่นางหัน (1)
ทว่า ยามนี้เขาไหนเลยจะมาสนใจเรื่องพวกนี้ ในราชสำนักกับวังหลังตอนนี้ เรื่องใดบ้างคนใดบ้างไม่โดนบีบอยู่ในฝ่ามือเขา แนวโน้มของเขามหาศาลดั่งไฟโหมที่ราดด้วยน้ำมัน ไม่มีใครเทียบได้ เหลือแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก็จะเข้าวังหลังได้อย่างถูกต้องเปิดเผย จะมีใครกล้ามาตำหนิได้ ที่แอบไปหา เกรงว่าไม่ใช่เขาหวาดกลัว แต่ไม่อยากให้คนนินทาลับหลังชิ่นเอ๋อร์ก็เท่านั้น
ภายในส่วนลึกของวังหลวง ทุกคนต้องทำตามกฎตามธรรมเนียม มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กฎของวังกลายเป็นฝุ่นธุลีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นั่นก็คือฮ่องเต้
เขามาถึงขั้นที่ไม่ต้องสนใจคำนินทาครหาแล้ว แต่นางที่เป็นไทฮองไทเฮากลับไม่อาจไม่ตักเตือนได้ ข่มอารมณ์ครู่หนึ่ง จึงสั่งการว่า “จูซุ่น เจ้าไปตำหนักฉงเหวินดูว่าอุปราชว่างหรือไม่ หากว่างอยู่ก็เชิญเขามาสักหน่อย ข้ามีเรื่องในครอบครัวอยากจะพูดกับเขา”
จูซุ่นรีบขานรับแล้วออกไปทันที
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม จูซุ่นก็กลับมา พอหม่าซื่อเห็นว่าด้านหลังไม่มีเฉินอ๋อง แต่กลับเป็นผู้ดูแลใกล้ชิดข้างกายฉินอ๋องอย่างซือเหยาอันแทน
“วันนี้ท่านอ๋องประชุมอยู่กับอี๋ซื่ออ๋องและคนอื่นๆ ที่พระที่นั่งอี้เจิ้งตลอดทั้งวัน เกรงว่าจะมาตำหนักฉือหนิงได้ช้าหน่อย ดังนั้นจึงรับสั่งให้กระหม่อมมาขออภัยแก่ไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
ประชุมเรื่องใด เจี่ยไทเฮาก็รู้อยู่แก่ใจ เกรงว่าจะเป็นเรื่องครองราชย์ในอีกไม่กี่วันนี้ วันนั้นหลังจากได้ทราบว่าอี๋ซื่ออ๋องกลับเมืองหลวง นำทัพมาขอร้องให้ฉินอ๋องขึ้นครองราชย์ นางก็รู้แล้วว่า เรื่องที่เจ้าสามจะสืบราชบัลลังก์ต่อคงหนีไปไม่พ้นแล้ว
ช่างเถิด บ้านเมืองไม่อาจขาดกษัตริย์แม้แต่วันเดียวจริงๆ ตระกูลใหญ่ไร้เสาหลัก และยังไม่รู้ว่ามีคนนอกมากน้อยเพียงใดที่จะอาศัยจังหวะอ่อนแอบุกเข้ามาคิดอยากจะแบ่งโจ๊กสักถ้วย ยิ่งไปกว่านั้นบ้านเมืองกำลังหนักหน่วง
เจี่ยไทเฮาเกิดความรู้สึกผิดต่อฝ่าบาทที่อยู่ไกลถึงแดนเหนือและไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร กลับไม่อยากเห็นแผ่นดินตกสู่ความวุ่นวายโกลาหล จึงได้เห็นด้วยอย่างเงียบๆ ตั้งแต่แรก
ยามนี้ เจี่ยไทเฮาจึงส่งเสียงอืมออกมา “ทำเรื่องสำคัญย่อมสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ไม่อาจมาได้ก็ให้ฝากคำมากับจูซุ่นก็พอแล้ว เหตุใดต้องให้เจ้าวิ่งมาเองด้วย ข้าก็ไม่ได้ใจคับแคบเช่นนั้นเสียหน่อย”
ซือเหยาอันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบว่า “ท่านอ๋องทราบว่าไทฮองไทเฮากังวลเรื่องใด ดังนั้นจึงได้ให้กระหม่อมมาทูลบอก ให้ไทฮองไทเฮาวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
“หืม” เจี่ยไทเฮาเลิกคิ้วขึ้น
ซือเหยาอันก้มหน้าลงพลางเอ่ยว่า “ทางด้านวังหลัง หมู่นี้ท่านอ๋องคงไม่ได้ไปอีกแล้ว ขอไทฮองไทเฮาโปรดวางพระทัย และไม่ต้องทรงให้คนรับใช้ในหอเหยาไถจับตาดูไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เจี่ยไทเฮาคิดไม่ถึงว่าเจ้าสามจะรู้แต่แรกว่าตนส่งคนให้จับตาดูไว้ จึงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ในเมื่อเขารู้แล้ว ยังกล้าจะไปอย่างโจ่งแจ้งอีก แสดงให้เห็นว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิด นางนิ่งอยู่นานจึงเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า “โอ้ คำยืนยันนี้ ข้ายากจะเชื่อได้จริงๆ”
“ท่านอ๋องบอกว่า” ซือเหยาอันเงยหน้าขึ้น “อีกไม่กี่วันค่อยไปอย่างถูกต้องเปิดเผย และจะได้ไม่ทำให้ไทฮองไทเฮาเป็นห่วงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากเจ้าสามขึ้นครองราชย์ จะต้องเอาแม่นางอวิ๋นกลับเข้าในวังหลังตนคืนแน่ เจี่ยไทเฮาฟังความนัยประโยคนี้ของซือเหยาอันแล้วก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่เห็นเขาจงใจส่งซือเหยาอันมาเตือน ในใจก็เต้นโครม หากแต่งตั้งให้นางสักตำแหน่งหนึ่งไปอย่างลวกๆ จะตั้งใจมาบอกตนเช่นนี้ได้อย่างไร จึงตรัสว่า “มีอันใดจะพูดเจ้าก็ว่ามาเถิด”
ซือเหยาอันประสานมือค้อมกายลง อธิบายออกไปโดยตรงเช่นกัน “เจตนาของท่านอ๋องคืออยากจะแต่งตั้งแม่นางอวิ๋นเป็นหวงกุ้ยเฟย พอครบหนึ่งปี แสดงให้เห็นว่าไร้ข้อบกพร่องค่อยให้ขึ้นเป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
หม่าซื่อโพล่งขึ้นว่า “นะ…นี่ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก คนอื่นๆ ต้องคัดค้านแน่! หนึ่งคือแม่นางอวิ๋นเป็นคนวังหลังของฝ่าบาท สองคือยามนี้เป็นได้แค่เหม่ยเหริน จู่ๆ เลื่อนขั้นไปสูงเพียงนั้น…”
“มอมอ แม่นางอวิ๋นเคยเป็นพระชายาของฉินอ๋องมาก่อน หากท่านอ๋องขึ้นครองราชย์ ตามหลักการแล้วแม่นางอวิ๋นก็ควรจะได้เป็นมารดาแผ่นดินเสียด้วยซ้ำ แต่ระหว่างนั้นเกิดข้อผิดพลาดขึ้นนิดหน่อย ยามนี้ท่านอ๋องยอมถอยก้าวหนึ่ง เจ็บปวดทรมานเหมือนเจาะใจคว้านเนื้อแล้ว” น้ำเสียงพลันเปลี่ยน แล้วแย้มยิ้มบางโดยไม่ทราบสาเหตุขึ้นอีกครั้ง “ส่วนเสียงคัดค้านนั้น ขอเพียงไทฮองไทเฮาเห็นด้วย โดยรวมแล้วก็ไม่มีใครเห็นต่างแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“หมายความว่าอย่างไร” เจี่ยไทเฮาเอ่ยอย่างสงสัย
“ท่านอ๋องรู้ตัวเองดีว่ามิได้ฉวยโอกาสสืบราชบัลลังก์ แต่เป็นการใช้โอกาสนี้ ได้รับการพึ่งพาจากขุนนางและความหวังจากไทฮองไทเฮา จึงโชคดีได้ขึ้นครองราชย์ในระหว่างนั้น หนึ่งคือท่านอ๋องไม่อยากมีความไว้วางใจทางลบ อยากจะตั้งอกตั้งใจรับมือกับศึกทางแดนเหนือและช่วยเหลือฝ่าบาท สองนั้นสตรีในวังหลังน้อยนิด ทายาทก็ไม่มาก หากมีวันหนึ่งฝ่าบาทกลับมา ก็จะได้ถือโอกาสคืนวังหลวงให้แก่ฝ่าบาทแต่โดยดีโดยไม่มีการขัดขืน ด้วยเหตุนี้ท่านอ๋องจึงตัดสินใจล้มเลิกการเลือกสนมในทุกๆ ปี วังหลังไร้คนอยู่แล้ว ในราชสำนักก็จะไร้ครอบครัวฝั่งสนมชายา แล้วจะมีเสียงคัดค้านมาจากที่ใดได้พ่ะย่ะค่ะ”
นะ…นี่เขาจะล้มเลิกการมีสนมชายารึ เจี่ยไทเฮาตกใจ เรื่องถอดถอนสตรีในวังหลัง ประวัติศาสตร์ในราชวงศ์ก่อนๆ กลับมีฮ่องเต้ไม่กี่พระองค์เคยทำไว้ แต่ส่วนใหญ่กลับไม่ได้ออกราชโองการประกาศอย่างชัดแจ้ง หากเขาเพิ่งจะครองราชย์แล้วทำเช่นนี้ กลับเป็นคนแรกของต้าเซวียนเลยทีเดียว
และไม่ต้องพูดถึงว่าประโยคนี้ไม่ใช่คำพูดสวยหรูที่โกหกมดเท็จไม่จริงใจ ความหมายนี้ พวกพรรคฝ่ายปกป้องฮ่องเต้ที่ไม่พอใจฉินอ๋อง เกรงว่าก็คงโดนเขาซื้อมาแล้วทุกคนแน่
ยังไม่ทันจะขึ้นครองราชย์ก็สังเกตุใจคนอย่างเชี่ยวชาญแล้ว ตำแหน่งฮ่องเต้นี้ ไม่ให้เขาทำแล้วจะให้ใครมาทำให้มั่นคงได้อีก
ในวังหลวงเริ่มจัดงานขึ้นครองราชย์ฮ่องเต้พระองค์ใหม่กันแล้ว แต่ละภาคส่วนยุ่งกันขึ้นมา
ตั้งแต่คราก่อนที่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์มาจนถึงยามนี้ เวลาไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ บรรดาคนในวังต่างแอบสะทกสะท้อนใจ คิดไม่ถึงว่ารัชศกหลงชังฮ่องเต้จะมีไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ แต่ฮ่องเต้ที่อายุสั้นมีอยู่แค่คนเดียวเสียที่ไหน ได้แต่โทษฝ่าบาทที่ยามนี้ดวงไม่ดีนัก
บรรดาชายาสนมในวังหลังของหลงชังฮ่องเต้จากตื่นตระหนกไม่สบายใจไปจนถึงตกอกตกใจหวาดผวาก็จำต้องยอมรับอย่างมืดมน แจกจ่ายไปแจ้งล่วงหน้าให้เตรียมตัวออกจากวังเพื่อเข้าวัด หรือไม่ก็เข้าตำหนักไทเฟยเพื่อเลี้ยงดูครึ่งชีวิตที่เหลือ
หลายวันผ่านพ้นไป ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว
ในหมู่ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างคึกคัก ฝ่าบาทออกรบด้วยพระองค์เองถูกจับไปเป็นเชลย ราชสำนักวุ่นวาย แดนเหนือโกลาหล โชคดีที่ฉินอ๋องพระเชษฐาของฝ่าบาทและเป็นองค์ชายสามของฮ่องเต้พระองค์ก่อนกลับมาจากแดนเหนือ ปราบปรามสถานการณ์ไว้ได้ ทำให้บ้านเมืองยืนยาว
สำนักดาราศาสตร์เลือกวันมงคล ซย่าโหวซื่อถิงสวมหมวกกุ่นเหมี่ยน[1]กราบไหว้ฟ้าดินไปจนถึงศาลบูรพกษัตริย์ ดำเนินพระราชพิธีเสด็จขึ้นครองราชย์ มีเหล่าขุนนางเข้าไปแสดงความยินดี
รัชศกใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น กลายเป็นรัชศกหงจยามาแทนที่รัชศกหลงชังซึ่งสั้นพอๆ กับดาวตก
ราชโองการแรกของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์ก็คือเพื่อจดจ่อกับราชกิจบ้านเมืองจึงงดเลือกสนมเข้าวังหลังเป็นการชั่วคราว
รัชศกหงจยาปีที่หนึ่ง มีบรรยากาศใหม่ๆ
เพียงแต่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เรื่องใหญ่เรื่องแรกมักจะเป็นการปูนบำเหน็จให้แก่ขุนนางข้างกายฝ่าบาทที่มีคุณูปการ รัชศกนี้ก็เช่นกัน
ประกาศราชโองการออกไป ในราชสำนักมีคลื่นลูกใหม่มาแทน บางคนพลอยได้ดิบได้ดีตามนายไปด้วย บางคนก็ตกต่ำลงโคลน
นอกจากจะระงับการเลือกสตรีเข้าวังหลังและรวบรวมจิตใจฝ่ายพรรคฮ่องเต้พระองค์เก่าแล้ว ราชโองการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮ่องเต้พระองค์ใหม่คือรวบรวมอำนาจไว้ที่กษัตริย์ยกเลิกระบอบสมุหนายก ขุนนางสกุลอวี้คนอื่นๆ ยังคงเหลือไว้ ซึ่งเกียรติฐานะวงศ์ตระกูลนับร้อยปีก็ยังรักษาไว้ไม่เปลี่ยน แต่ไม่มีตำแหน่งสมุหนายกแล้ว สกุลอวี้สูญเสียตำแหน่งกลุ่มขุนนางด้านอักษรไป ไม่มีพลังที่จะเหนือไปกว่าขุนนางในราชสำนักคนอื่นๆ อีกแล้ว
อวี้เหวินผิงแม้จะตายไปแล้ว แต่รากฐานตระกูลของสกุลอวี้นับร้อยปีกลับยังคงฝังรากหยั่งลึก แตกกิ่งก้านสาขา
ซย่าโหวซื่อถิงสนับสนุนบัณฑิตที่มีคุณธรรมอันดีงามคนหนึ่งในบรรดาทายาทสายตรงของสกุลอวี้มาเป็นหัวหน้าตระกูล แทนสมุหนายกอวี้ที่แต่เดิมควบคุมดูแลกิจการของตระกูลอยู่
การกระทำนี้ทำให้ทั้งราชสำนักและปวงชนทอดถอนใจไม่สิ้น คนที่ฝ่าบาททรงเลือกมา จะต้องเป็นคนสนิทที่เอนเอียงไปทางฝ่าบาท รับฟังคำสั่งของฝ่าบาท ให้ผู้นำตระกูลคนใหม่ผู้นี้ช่วยฝ่าบาทดูแลอำนาจของสกุลอวี้ ก็เท่ากับว่าฝ่าบาทไปควบคุมตระกูลอวี้ด้วยพระองค์เองทั้งตระกูล
———————
[1] หมวกกุ่นเหมี่ยน หมวกที่ห้อยระย้าลูกปัดเก้าสาย หมายถึงมงคลเก้าอย่าง