ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 257.4 สนับสนุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ (4)
อายุยังน้อยแท้ๆ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ! เพิ่งจะครองราชย์ได้เพียงหนึ่งปี ยังมีประสบการณ์น้อยอยู่เลย! เจี่ยไทเฮาฟังจนสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วง ขุ่นเคืองใจไม่สิ้น หน้าอกเจ็บแปลบ แทบจะสลบไปอีกรอบ
“ไทฮองไทเฮาอย่ารีบร้อนไปเพคะ สมุหนายกกับจิ่งหยางอ๋องกำลังรวมพลขุนนางปรึกษาหาแผนรับมือ ต่อให้ต้องเสียค่าไถ่ไปมากเท่าใดก็ต้องเอาฝ่าบาทกลับมาให้ได้!” จูซุ่นรีบปลอบใจ
เอากลับมารึ! คำพูดเช่นนี้ ปลอบเด็กสามขวบยังพอได้ เจี่ยไทเฮากลับยิ่งฟังยิ่งหนาวยะเยือกกว่าเดิม เดิมทีเหมิงหนูก็ป่าเถื่อนโหดเหี้ยมอยู่แล้ว จับฮ่องเต้ของต้าเซวียนไปเป็นเชลย จะปล่อยให้กลับมาง่ายๆ ได้อย่างไร
ยามนี้ฮ่องเต้แห่งต้าเซวียนโดนจับไปเป็นเชลย อาศัยจังหวะที่ราชสำนักวุ่นวาย บ้านเมืองไร้ผู้ปกครอง เหมิงหนูก็จะใช้จังหวะที่กำลังอ่อนแอนี้เข้าโจมตี!
ทางด้านอวิ๋นหว่านชิ่นก็หนาวยะเยือกขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน ในประวัติศาสตร์ฮ่องเต้ถูกจับไปเป็นเชลยนั้นมี ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตัวประกันอยู่ที่แคว้นศัตรูตลอดชีวิต น้อยนักที่จะโดนสังหารโดนเหยียดหยามในแดนศัตรูเพราะไร้ค่าไร้ประโยชน์ อย่างไรเสียก็มีน้อยมากที่จะพบจุดจบที่ดี
ทว่าได้ยินทางด้านเจี่ยไทเฮาตรัสขึ้นอย่างระงับความตระหนกไว้ว่า “พวกจิ่งหยางอ๋องอยู่ที่ใดรึ”
“ที่ตำหนักกระดิ่งทองเพคะ กำลังหารือเรื่องนี้กันอยู่”
“ไปเป็นเพื่อนเราหน่อย” ทีละถ้อยทีละคำ ไม่มีการพลิกกลับแต่อย่างใด
ณ ตำหนักกระดิ่งทอง ได้เปลี่ยนจากความตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกเป็นการเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
โวยวายกันอยู่ครู่ใหญ่ ก็ได้ยินเสียงรายงานจากเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูว่าไทฮองไทเฮาเสด็จมาฟังการหารือ
บ้านเมืองวุ่นวายเบื้องหน้า ราชสำนักไร้ผู้ปกครอง ไทฮองเฮาเป็นผู้อาวุโสสามแผ่นดิน แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในวังหลัง แต่ก็เรียกได้ว่าเห็นเรื่องราวในราชสำนักมาจนหมดแล้ว มีนางปิดม่านฟังการหารือ ก็ไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความผิดให้วิจารณ์ได้
ยิ่งไปกว่านั้น อีกเดี๋ยวยังมีเรื่องต้องให้ไทฮองไทเฮาเป็นผู้ตัดสินให้อีก อวี้เหวินผิงดวงตาขยับไหว เป็นผู้นำเชิญไทฮองไทเฮาให้ประทับหลังม่าน คนอื่นๆ เห็นสมุหนายกอวี้เอ่ยขึ้นแล้ว ก็ไม่มีความเห็นต่างอันใด พอถวายคำนับเสร็จ นางกำนัลก็ลากม่านลงบนบันไดหิน พาเจี่ยไทเฮาที่ถูกพยุงเข้าไปประทับนั่ง
รอจนไทฮองไทเฮานั่งหลังม่านเรียบร้อยแล้ว บรรดาขุนนางก็ไม่ชักช้าให้เสียเวลา วิพากษ์วิจารณ์ดั่งน้ำหลาก ถาโถมโอบล้อมภายในตำหนักใหญ่
เจี่ยไทเฮาปล่อยให้เหล่าขุนนางด้านล่างบันไดผลัดกันพูด ทรงทำเพียงฟังอยู่เงียบๆ ครู่ต่อมา ก็มีความคิดอยู่ในใจบ้างแล้ว ในราชสำนักยามนี้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ
ฝ่ายหนึ่งเสนอว่า ไม่ว่าเหมิงหนูจะยื่นข้อเสนอความต้องการใดมาก็พยายามหาให้อย่างสุดกำลัง จะต้องไถ่ตัวฝ่าบาทกลับมาด้วยสารพัดวิธีให้ได้ คนส่วนนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาทรวมถึงขุนนางใกล้ชิดและปัญญาชนที่ฝ่าบาททรงเลี้ยงไว้เป็นที่ปรึกษาตอนที่ยังเป็นไท่จื่ออยู่
อีกฝ่ายหนึ่ง แม้ปากจะไม่กล้าพูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ในวาจาที่แฝงไว้กลับใช่…ชาวเหมิงหนูไม่อาจเลิกราง่ายๆ แน่ จากศึกครานี้ของฝ่าบาท เกรงว่าคงยากที่จะพบจุดจบที่ดี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องรีบเลือกผู้มีความสามารถในบรรดาองค์ชายให้มานั่งบัญชาการด้วยพระองค์เอง ทำให้สถานการณ์สงบลงให้ได้ ดวงใจหนึ่งดวง สองมือเตรียมพร้อม เกิดฝ่าบาทไม่อยู่แล้ว ก็สามารถมีคนจัดการต้านไว้ได้ทันที ไม่ให้เหมิงหนูได้มีโอกาส
พอข้อเสนอว่าสองมือเตรียมพร้อม เลือกองค์ชายมาเป็นอุปราชก่อนของขุนนางเอ่ยออกไป ก็ทำให้ทางขุนนางคนสนิทของฝ่าบาทเดือดดาลและคัดค้าน ชั่วพริบตา ภายในตำหนักก็พ่นน้ำลายใส่กัน หากไม่ได้จิ่งหยางอ๋องห้ามไว้ คงได้ลงมือต่อยตีกันแน่แล้ว
แต่จำเป็นต้องพูด ตราชั่งของบรรดาขุนนางได้เอนเอียงไปทางฝ่ายหลังกันอย่างช้าๆ อย่างไรเสียก็ต่างรู้กันดีว่าฝ่าบาทตกสู่เงื้อมมือชาวเหมิงหนูแล้ว ไม่ใช่เรื่องดี ต่อให้สามารถไถ่ตัวมาได้ เกิดชาวเหมิงหนูเสนอความต้องการมามากเกินไป ต้องการดินแดนครึ่งหนึ่งของต้าเซวียนเล่า ก็จะยกให้อย่างนั้นรึ พอคิดเช่นนี้แล้ว เกรงว่าฝ่าบาทจะ…
เพียงไม่นานความคิดเห็นก็เอนเอียงไปอีกฝั่ง ไม่รู้ว่านานเท่าใด ฝ่ายปกป้องฮ่องเต้ที่ยืนยันว่าจะทุ่มสุดกำลังไถ่ตัวฝ่าบาทนั้นเสียงก็อ่อนลงมามาก
อวี้เหวินผิงอาศัยจังหวะนี้ออกจากแถวมา ประสานมือไปทางสตรีหลังม่านแล้วคุกเข่าลง “แม้กระหม่อมจะต้องการพยายามสุดกำลังไถ่ตัวฝ่าบากลับคืน แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจรากฐานร้อยปีของต้าเซวียนได้ หลังจากเหมิงหนูจับฝ่าบาทไปเป็นเชลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตอบอันใดมา และไม่ยื่นข้อเสนอมาเองด้วย คงเพื่อรอให้พวกเราวุ่นวายกันเอง ราชสำนักไร้ผู้ปกครอง ก่อเพทภัยได้ตลอดเวลา! ยามนี้มีภาระอันเร่งด่วน จะต้องเลือกให้องค์ชายในราชวงศ์มานั่งบัญชาการ จึงจะสามารถทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ ขณะนี้ รอเพียงไทฮองไทเฮาตัดสินพระทัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ขุนนางคนอื่นๆ ที่เลือกองค์ชายให้มาออกว่าราชการแทนก็เอ่ยเสริมทับกับอวี้เหวินผิงไปว่า “สมุหนายกพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ ขอไทฮองไทเฮาโปรดออกราชโองการรับสั่งให้องค์ชายเป็นอุปราชแทนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“หาองค์ชายมาออกว่าราชการแทนอันใดกัน มิใช่ว่าอยากจะละทิ้งฝ่าบาท เลือกฮ่องเต้ใหม่หรือไร พูดเสียดูดี! ถุย” จูซุ่นขมวดคิ้ว
เจี่ยไทเฮาทรงเห็นท่ามกลางขุนนางที่เสนอให้เลือกองค์ชายมาเป็นอุปราชปกครองบ้านเมืองก่อนตั้งแต่แรกแล้วว่าคนพวกนั้นคุ้นหน้าคุ้นตายิ่ง แล้วทรงมองไปยังบรรดาขุนนางข้างกายอวี้เหวินผิงนั่น นางจำได้แล้ว ขุนนางพวกนี้ล้วนเป็นพรรคพวกและขุนนางที่ปรึกษาเดิมของเหวยเซ่าฮุย อวี้เหวินผิงนั่นตั้งแต่ที่ลูกสาวอย่างอวี้โหรวจวงมิได้สมรสกับฉินอ๋อง ท่ามกลางบรรดาองค์ชายก็เอนเอียงไปทางเว่ยอ๋องมากที่สุด
เจี่ยไทเฮากระจ่างแจ้งในใจไม่น้อย มุมโอษฐ์ปรากฏเป็นรอยยิ้มเย็น จงใจถามว่า “สมุหนายกอวี้มุ่งมาดปรารถนาผู้ใดหรือ”
“น่าเสียดายฝ่าบาทเพิ่งจะครองราชย์ได้ปีเดียว รัชทายาทก็ยังเล็กนัก จึงจำต้องเลือกจากองค์ชายของฮ่องเต้พระองค์ก่อนแล้ว” คำพูดของอวี้เหวินผิงเห็นได้ชัดว่าเตรียมไว้พร้อมแล้ว เขาเอ่ยเสียงดังฟังชัดว่า “ในบรรดาท่านอ๋องของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ยังมีผู้ใดเท่าเทียมเว่ยอ๋องได้อีก”
ประโยคนี้พูดออกไป ทุกคนภายในตำหนักก็ตกตะลึง ทันใดนั้นก็กระจ่างแจ้งในเจตนาของอวี้เหวินผิง ที่แท้ก็ใช้โอกาสนี้ลากเว่ยอ๋องขึ้นมา เจี่ยไทเฮาสีพระพักตร์พลันเปลี่ยน “เว่ยอ๋องรึ เว่ยอ๋องกับชายารองของเขาทำให้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงกริ้วโกรธ ถูกขังอยู่ในคุกของสำนักพระราชวังจนฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต ยามนี้จากพระราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ได้ย้ายเว่ยอ๋องกับชายารองอวิ๋นไปพักอาศัยยังบ้านใกล้ชานเมืองแล้ว ไม่อนุญาตให้ออกจากจวนและดำรงตำแหน่งในราชสำนักได้ตลอดชีวิต สมุหนายกอวี้คงเลอะเลือนไปแล้วกระมัง”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้เลอะเลือน” อวี้เหวินผิงประสานมือ “ดูจากความโปรดปรานแล้ว เดิมทีเว่ยอ๋องคือโอรสที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงรักใคร่เอ็นดูที่สุด ความผิดในตอนนั้น แม้จะทำให้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนกริ้วโกรธ กลับไม่ถึงขั้นโทษร้ายแรง ยามนี้เว่ยอ๋องฝึกฝนขัดเกลาตนเองให้มีคุณธรรมที่บ้านมานานมากแล้ว กลับตัวกลับใจได้ตั้งนานแล้ว ตอนฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต เว่ยอ๋องเจ็บปวดพระทัยยิ่ง เพราะโดนกักบริเวณจึงไม่อาจเข้าวังมากราบไหว้ได้ ไม่กินไม่ดื่มในเรือนเจ็ดวันเจ็ดคืน สลบไสลและกระอักเลือดหลายครา เห็นถึงความกตัญญูกตเวทีอย่างชัดเจน ดูจากฐานันดรแล้ว เว่ยอ๋องยังเป็นโอรสของมเหสีรองเหวยอีกด้วย ตำแหน่งไม่ธรรมดา แม้คดีของเหวยเซ่าฮุยจะมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่เว่ยอ๋องกับมเหสีรองเหวยกลับมิได้รู้เรื่องรู้ราวด้วย ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด มิฉะนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็คงถอดถอนมเหสีรองไปนานแล้ว ดังนั้น เว่ยอ๋องเป็นผู้บริสุทธิ์ สรุปก็คือ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าเว่ยอ๋องอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“สมุหนายกอวี้พูดถูกพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องพระองค์อื่นๆ บ้างก็ความสามารถมีจำกัด บ้างก็มารดาฐานันดรต่ำ บ้างก็อายุน้อยเกินไป มีเพียงเว่ยอ๋องที่เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม หากเว่ยอ๋องรักษาการณ์แทน พวกเราจะต้องทุ่มเทสนับสนุนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ขอไทฮองไทเฮาออกพระราชโองการ อนุญาตให้เว่ยอ๋องรีบเข้าวังมารักษาการณ์แทนโดยไวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” คนอื่นๆ ก็ตะโกนกันตามขึ้นมา พากันคุกเข่าลงกับพื้น เสียงดังจนแทบถล่มเพดานตำหนักกระดิ่งทอง
นี่คือการอ้อนวอนขอร้องไทฮองไทเฮาออกราชโองการที่ไหนกัน กำลังข่มขู่กันชัดๆ! จูซุ่นหน้าแดงก่ำ
อย่างไรเสียเจี่ยไทเฮาก็เคยเสวยอาหารมามากกว่าคนข้างๆ พระทัยสงบแม้จะเจอกับสถานการณ์อันตราย สะบัดแขนเสื้อระงับเสียงจอแจไว้ “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รอให้ข้าพิจารณาสักสองสามวันก่อน พวกเจ้าเหล่าขุนนาง คงไม่อาจบีบบังคับข้าที่เป็นสตรีเพศหรอกกระมัง” ตรัสจบก็ลุกขึ้นโดยพลัน เสด็จตรงไปยังด้านหลังตำหนักทันที
ขุนนางคนอื่นๆ เห็นไทฮองไทเฮาใช้โอกาสนี้คิดจะหนี กำลังจะขวางไว้ให้ไทฮองไทเฮาออกราชโองการมา ณ ที่นั้นเลย แต่กลับโดนอวี้เหวินผิงห้ามไว้ ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องร้อนใจไป ราชสำนักมีเขาเป็นคนควบคุมไว้แล้ว ยังจะต้องกังวลว่าไทฮองไทเฮาจะไม่ประนีประนอมให้อีกหรือ