วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 872 ผมไม่คิดว่าตัวเองรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ
เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ เฉียวเซินปฏิเสธเฉินซิงเยียน เขาเห็นข้อมูลของเฉินซิงเยียนทั้งหมดที่ถังหนิงส่งให้เขาแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าเธอยังเด็กและไม่เหมาะกับภาพยนตร์เรื่องนี้
แม้แต่ตอนที่อันจื่อเฮ่าและเฉินซิงเยียนอยู่ด้านนอกห้องทำงานของเขา เฉียวเซินก็ยังยืนยันคำเดิมกับถังหนิง “ฉันยังรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ทำไมคุณไม่แนะนำคนอื่นให้ฉันล่ะ จากศักยภาพของคุณตอนนี้ ฉันยังไม่พอใจหรอกนะ”
“คุณควรให้โอกาสซิงเยียนได้ลองออดิชั่นดูนะคะ” ถังหนิงท้วง
“เดิมทีที่ฉันตกลงที่จะเริ่มต้นใหม่ก็เพราะการแสดงของคุณ…” เฉียวเซินยืนกราน “ฉันไม่คิดว่าเธอเหมาะสมกับบทนี้จริงๆ ”
“ฉันรู้มาตลอดว่าผู้กำกับเฉียวเข้มงวดมาก หลังจากประสบการณ์ในวันนี้ ฉันก็รู้ว่าฝีมือของเธอยังห่างไกลจริงๆ ” อันจื่อเฮ่าเอ่ยหลังจากรู้ว่าถังหนิงคงทำอะไรไม่ได้ “บอกฉันมาสิคะว่าเธอด้อยตรงไหน และเราจะทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่เหมาะสมให้ได้ค่ะ”
เฉียวเซินมองถังหนิงก่อนหันไปมองอันจื่อเฮ่า “ผมต้องขอโทษด้วยแต่ผมปล่อยให้นักแสดงที่ยังต้องฝึกอยู่เข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์ของผมได้ ไม่ได้จริงๆ ครับ
“อย่างนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจเรื่องนักแสดงหญิง ฉันจะกลับบ้านและรอให้คุณหาคนที่เหมาะสมก่อนที่ผมจะกลับมาแล้วกัน” พูดจบเฉียวเซินก็เดินออกจากห้องทำงานโดยไม่ให้โอกาสกับเฉินซิงเยียนเลยแม้แต่น้อย
หากแต่เฉินซิงเยียนและอันจื่อเฮ่าไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด ขณะที่หันไปหาถังหนิงพร้อมยักไหล่ “ผมว่าคุณต้องรับบทนี้ซะแล้วล่ะครับ”
“แต่ว่าฉันทำไม่ได้จริงๆ นะ” ถังหนิงส่ายหน้าอย่างท้อแท้
“เพราะเรื่องสวี่ซินเหรอ”
“เพราะฉันตั้งท้องอีกแล้วต่างหาก” ถังหนิงว่าขึ้นพลางชี้ไปที่หน้าท้องของตัวเอง
“อย่างนั้นผมว่าคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว…” อันจื่อเฮ่าหัวเราะออกมา “แต่ถึงยังไงผมก็มีตัวเลือกที่ไม่คิดว่าผู้กำกับเฉียวจะปฏิเสธลง ทำไมเราไม่ให้ประธานโม่รับบทนี้ดูล่ะครับ จากที่ผมอ่านบทมา ถึงเดิมทีบทนี้จะเป็นบทผู้หญิง แต่ผู้ชายก็ทำได้เหมือนกันนี่ครับ
“ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณยังเป็นนักแสดงอยู่ ประธานโม่เองก็เป็นคนที่คอยสนับสนุนคุณอยู่เบื้องหลัง แล้วทำไมครั้งนี้คุณไม่ลองสลับบทบาทกันบ้างล่ะครับ…
“นับได้ว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันเลยนะครับ”
“วันนี้จื่อเฮ่าพูดมากจริงๆ แต่ประโยคสุดท้ายของเขาก็จริงอยู่นะคะ” เฉินซิงเยียนเห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา “ทุกคนต่างได้เห็นทักษะการแสดงของพวกคุณทั้งสองคนมาแล้ว ฉันมั่นใจว่าผู้กำกับเฉียวจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้แน่นอนค่ะ”
ถังหนิงสูดหายใจลึกที่อยู่ๆ ต้องมาตกที่นั่งลำบาก
หลังกลับมาถึงบ้าน เธอเล่าความคิดของอันจื่อเฮ่ากับโม่ถิง หากแต่… เธอไม่ต้องการให้โม่ถิงต้องทำงานหนัก ลำพังตัวเขาเองที่ทั้งต้องบริหารไห่รุ่ยและดูแลลูกๆ ก็มากเกินพอแล้ว เขาจะยังมีเรี่ยวแรงเหลือสำหรับการแสดงอีกหรือ
โม่ถิงไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังครุ่นคิดอยู่
“อันที่จริงแล้ว ถิงคะ…” ถังหนิงเอ่ยอย่างจริงจัง “ฉันอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของผลงานของฉัน เหมือนอย่างที่ฉันได้มีส่วนในผลงานของคุณ”
“โอเคครับ ผมอยากได้ยินแค่นี้แหละ” โม่ถิงตอบ
“แต่ว่า…”
“อย่าคิดมากเลยครับ…พักผ่อนเถอะ” โม่ถิงพูด “หรือคุณมีความคิดที่ดีกว่านี้ล่ะ”
ถังหนิงรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีทางอื่น
“ผมสามารถเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ได้ครับ พอลูกๆ โตขึ้นและเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้แล้ว พวกเขาจะได้ภูมิใจในตัวพ่อของเขา”
อยู่ๆ ถังหนิงก็รู้สึกว่าโม่ถิงอ่อนโยนลงมากตั้งแต่กลายมาเป็นพ่อคน ทั้งยังยอมเสียสละเพื่อเธอและลูกๆ มากมาย
จากนั้นถังหนิงจึงต่อสายหาเฉียวเซินเพื่อบอกเขาเรื่องนี้ อีกฝ่ายอึ้งไปไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าโม่ถิงสามารถแสดงได้ด้วย ทว่าถังหนิงไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงส่งละครเรื่องที่พวกเขาเคยเล่นก่อนหน้านี้ไปให้ หลังจากได้ดูเขาก็ติดต่อกลับมาหาเธอ “ตกลง”
โม่ถิงกำลังจะเข้าร่วมแสดงเรื่อง ดินแดนชำระบาป
หลงเจี่ยและหลินเฉี่ยนต่างตกตะลึงกับข่าวนี้ พวกเขาคิดว่าถังหนิงจะรับบทนี้เสียอีก แต่ทว่าสุดท้ายผลกลับออกมาเป็นเช่นนี้ หรือต่อไปโม่ถิงกำลังวางแผนที่จะเดินในเส้นทางนี้กัน
ไม่ เขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก!
ถังหนิงมอบหมายให้จู้ซิงมีเดียให้ความสนใจการรักษาตัวของลัวเซิง และบอกให้หลงเจี่ยตามดูแลเขา ส่วนหลินเฉี่ยน ซย่าหันโม่กำลังจะกลับมาและเธอจำเป็นต้องมีคนอยู่ข้างกาย ถังหนิงยังได้บอกให้หญิงสาวทั้งสองแจ้งข่าวหากค้นพบศิลปินคนใหม่ พวกเขาควรพักการเซ็นสัญญาเอาไว้ก่อนและให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนแทน
“จากนี้ไปคุณจะสนใจกับงานเบื้องหลังเหรอคะ” หลงเจี่ยถามขึ้น
“ใช่ ฉันจะทุ่มเททั้งหมดให้กับเรื่องนี้” ถังหนิงพยักหน้ารับ
“ดีค่ะ แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจแต่ฉันก็คอยสนับสนุนคุณอยู่ตลอดนะคะ”
“ฉันด้วยค่ะ” หลินเฉี่ยนยกมือขึ้น
เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เชื่องช้าของหลินเฉี่ยน หลงเจี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉันได้ยินมาจากซิงหลานมาว่าช่วงนี้มี ใครบางคน กำลังแอบคุยกับหนุ่มอยู่…”
“เพื่อช่วยให้ตำรวจตามสืบคดีได้ต่างหากค่ะ” หลินเฉี่ยนกลอกตาไปมา
“การสืบสวนนี่เกี่ยวข้องกับที่ไปบ้านของ ใครบางคน ช่วยทำความสะอาดทำอาหารให้ด้วยเหรอ”
“ฉันไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้วนะ” หลินเฉี่ยนอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอถูกคำพูดของซิงหลานทำลายจนป่นปี้ไปหมดแล้ว เขาถึงบอกกันว่าอย่าเป็นเพื่อนกับใครง่ายๆ อย่างไรล่ะ
“ฉันได้ยินมาว่าเป็นผู้ชายในกองทัพเหรอ พวกเขาเชี่ยวชาญ เรื่องแบบนั้น ดีนี่นา”
หลินเฉี่ยนหน้าขึ้นสีแดงก่ำ “หลงเจี่ย! คุณนี่คิดอะไรอกุศลจริงๆ เลย!”
หญิงสาวทั้งสามคนพูดคุยกันในห้องทำงานต่อไปกระทั่งโม่ถิงขับรถมาถึงด้านล่าง ทันทีที่หลงเจี่ยเห็นเขาเธอก็แปลกใจเล็กน้อย “เจ้านายมารับคุณเป็นพิเศษเหรอคะ”
“ปกติเขาก็ทำอย่างนี้บ่อยๆ ไม่ใช่หรือยังไง แปลกตรงไหนกันล่ะ”
“แปลกที่เวลาไงล่ะคะ” หลงเจี่ยตอบพลางส่ายหน้าไปมา
ถังหนิงยกยิ้มโดยไม่ได้อธิบายอะไรขณะที่เดินถือกระเป๋าออกไป หลงเจี่ยออกอาการงุนงงเล็กน้อยพร้อมหันไปมองหน้าหลินเฉี่ยนด้วยความสงสัย “เธอไม่ได้ดูผิดปกติไปหน่อยเหรอ”
หลินเฉี่ยนเหลือบมองเธอก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมกระเป๋าของตัวเอง เธอไม่อยากจะคุยกับผู้หญิงจิตใจอกุศลคนนี้แล้ว
แต่ทว่าเมื่อหลินเฉี่ยนลงมาถึงชั้นล่าง เธอสังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ของหลี่จิ่นที่กำลังยืนรอเธออยู่
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
“ผมขับรถมาส่งคุณคราวที่แล้วไงครับ” หลี่จิ่นตอบด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนอย่างเคย สีหน้าเขาแทบจะไม่เปลี่ยนไปสักนิด “ไปกันเถอะครับ”
“เราจะไปไหนกันคะ” เธอท้วงขึ้น ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาลากเธอไปไหนมาไหนตามอำเภอใจแล้ว
“ไปทานข้าวครับ”
“ฉันต้องกลับบ้านค่ะ” หลินเฉี่ยนว่าก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าไปอีกทางออกหนึ่ง หากแต่หลี่จิ่นกลับดึงตัวเธอเข้ามาหาและดันเข้าไปในรถของเขา “ผมไม่ชอบเวลามีคนขัดคำสั่งผม”
“ฉันไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณนะคะ และก็ไม่ได้สนิทกับคุณด้วยค่ะ คุณหลี่” หลินเฉี่ยนตะโกนใส่อย่างไม่สบอารมณ์
“แต่คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนที่คุณควรจะคบ แถมคุณก็ยังไม่ได้หลบหน้าผมด้วย ไม่ได้หมายความว่าคุณอยากสานต่อเรื่องนี้เหรอครับ ผมเข้าใจอะไรผิดไปหรือยังไง” หลี่จิ่นถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา
หลินเฉี่ยนชะงักไปพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงมากกว่าเดิม “ทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิดล้วนๆ เลยค่ะ”
“จากที่ผมรู้จักคุณมา ผมไม่คิดว่าตัวเองรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะครับ”