ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 782 พืชกลายพันธุ์
รายชื่อทำเนียบหนุ่มหล่อลั่วเสินนั้นกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว ไม่มีใครเห็นว่ามันเชื่อถือได้เพราะมีแค่รายชื่อคนสิบคนเท่านั้น และอีกหลายพันคนกลับไม่ได้อยู่ในรายชื่อ และรายชื่อพวกนี้ก็เป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี
อย่างที่หลี่ว์ซู่บอก รายชื่อพวกนี้จะต้องถูดเขียนโดยสวรรค์เท่านั้น ผู้คนถึงจะได้ปรายตามอง หลี่ว์ซู่รู้สึกเสียดายที่เขาไม่สามารถคว้าโอกาสนี้เพื่อรับแต้มอารมณ์ให้ได้มากกว่านี้ได้
แน่นอนว่าเขาก็ได้แต้มอารมณ์ที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้มาเหมือนกัน และทั้งสองคนก็สามารถใช้แต้มอารมณ์ที่เธอหามาได้ เมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้ 100 แต้ม ทั้งสองก็จะได้คนละ 100 แต้ม และนั่นก็ทำให้หลี่ว์ซู่ไม่ค่อยรู้สึกเสียดายเท่าไหร่
คืนนั้นหลี่ว์ซู่พาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปที่ภูเขา หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่ห่างจากการเป็นระดับ B เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น แต่หลี่ว์ซู่จะไม่ปล่อยให้เธอเลื่อนระดับเร็วอย่างนั้นแน่ เขากลัวว่าเธอจะเกิดเบิกเนตรสวรรค์เข้า
โดยหลักการแล้ว เบิกเนตรสวรรค์จะเกิดเมื่อเลื่อนระดับเป็นระดับ A แต่เมื่อหลี่ว์ซู่เลื่อนเป็นระดับ B เขาก็เกิดเบิกเนตรสวรรค์ขึ้นมา ถึงแม้ว่ามันจะครอบคลุมในรัศมีแค่ 3 กิโลเมตรก็ตาม
แผนที่ดวงดาวและแต้มอารมณ์ก็เป็นเรื่องลึกลับอีกเหมือนกัน เหมือนกับว่าพวกเขาได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของสติปัญญามนุษย์และสามารถสร้างสิ่งที่แปลกประหลาดไปกว่านี้ได้ แผนที่ดวงดาวของหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นเป็นไปในทางบวกและทางลบตามลำดับ ของคนหนึ่งแสดงให้เห็นถึงแสงสว่างและของอีกคนหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความมืดมิด เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็เดาว่าเมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เลื่อนระดับเป็นระดับ B เธอก็คงจะเกิดเบิกเนตรสวรรค์ด้วย
หลี่ว์ซู่พาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขาและเอาผลเหวมืดให้กับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ทันใดนั้นทุกอย่างในระยะสามกิโลเมตรก็เงียบงัน และสีสันได้จางหายไปเสียหมด
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่รอบสามกิโลเมตรนั้นไม่สามารถเห็นข้างนอกได้เลย เหมือนกับว่าความสว่างสดใสในโลกนี้ได้หายไป
สัตว์ขนาดเล็กบางตัวยังวิ่งอยู่ในป่า พวกมันไม่คาดคิดว่าจะได้เจอความมืดมิดปกคลุมอย่างนี้ มันเลยวิ่งเข้าไปหลบในต้นไม้ เจ้าเหมียวใหญ่และหมูจอมพยศที่กำลังวิ่งเล่นอยู่บนภูเขาวิ่งมาหาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เหมือนกับว่ามันสัมผัสการปรากฏตัวของเจ้าของได้
เจ้าเหมียวใหญ่และหมูจอมพยศสูดหายใจเข้าอย่างตะกละ อย่างกับว่าพวกมันเจอของกินสุดโปรด
แต่หลี่ว์ซู่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย ทุกๆ อย่างยังคงเหมือนเดิมสำหรับเขา ดูเหมือนว่าวิชาของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะใช้ไม่ได้ผลกับเขาสินะ
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เกิดเบิกเนตสวรรค์เมื่อเธอเลื่อนระดับเป็นระดับ B อย่างที่คาดเอาไว้ หลี่ว์ซู่อดคิดถึงความแข็งแกร่งของวิชาที่เธอมีไม่ได้ ไม่มีใครสามารถทำอย่างนี้ได้นอกจากพวกเขาสองคนเท่านั้น
ราวกับว่าพวกเขาเกิดมาเหนือกว่าคนอื่นๆ อย่างนั้น
การเบิกเนตรสวรรค์ค่อยๆ หายไป แต่ความมืดมิดไม่ได้กลับมาสู่แผนที่ดวงดาวของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อีกแล้ว แต่มันกลับไปอยู่ในแผนที่ดวงดาวของหลี่ว์ซู่แทน
หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงแผนที่ดวงดาวของเขา ดวงดาวทั้งหลายกะพริบเหมือนกับว่ากำลังหายใจ ความมืดมิดที่เข้ามาในแผนที่ดวงดาวนั้นกลายมาเป็นแสงดวงดาวแล้ว หลี่ว์ซู่แทบไม่เชื่อสายตาว่าดวงดาวดวงที่สองในกลุ่มดาวชั้นที่สี่ของเขาได้ถูกจุดประกายแล้ว
กระบี่เฉวียอินที่เดิมมี 72 เส้น เริ่มหมุนจนกลายเป็นลูกบอล เมื่อมันหยุดหลี่ว์ซู่ก็เห็นว่ามันมี 144 เส้นแล้ว หลี่ว์ซู่ค่อยๆ นับอย่างถี่ถ้วน ใช่แล้ว 144 เส้น…
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่เข้าใจ เพราะเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน ที่สุดแล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เคยเลื่อนระดับมาหลายครั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอเกิดเบิกเนตรสวรรค์ การเลื่อนระดับของเธอช่วยเขาเหมือนกันสินะ!
วิชาที่ได้มาจากแผนที่ดวงดาวนั้นลึกลับมาก ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดอาจหาญขึ้นมา ถ้าเจ้ากระรอกเลื่อนระดับด้วยล่ะ มันจะช่วยเขาเหมือนกันไหมนะ
นี่ช่วยให้หลี่วซู่ปรับทุกอย่างให้สมดุลมากขึ้น หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้พบเจอกับปัญหาติดขัดระหว่างการเลื่อนระดับเลย ในขณะที่เขาจะต้องเจอกับการจัดการอารมณ์ต่างๆ ในทุกๆ ระดับ
หลี่ว์ซู่มองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “เอ่อ…เธอควบคุมวิญญาณสามดวงได้หรือเปล่า”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้า “หลุมดำที่สามปรากฏขึ้นแล้ว แต่ไม่มีวิญญาณของสิ่งมีชีวิตไหนที่เพิ่งตายแถวนี้ เราต้องกลับไปก่อนแล้วฉันถึงจะลองได้”
ตอนนี้เป็นเวลารุ่งเช้าแล้ว หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ลึกลับขึ้น สัตว์ตัวเล็กๆ ก็หนีไปหมด พวกมันไม่กล้าจะเข้ามาอยู่รอบๆ รัศมีสามกิโลเมตรเลย สัตว์พวกนี้ฉลาดขึ้นมาก เมื่อหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มาพวกมันก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายแล้ว
หลี่ว์ซู่เดินลงเขาไปกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เขาก็เห็นเมื่อเขาเดินผ่านต้นไม้ ใบไม้และกิ่งก้านทั้งหลายกลับถอยกลับไปในลำต้น ราวกับว่ากำลังหลีกเลี่ยงพวกเขาอยู่
หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้ว พืชพรรณรอบๆ เมืองลั่วก็กลายพันธุ์ไปแล้วเหมือนกันเหรอ เขายกมือขึ้นเพื่อใช้กระบี่เฉวียอินตัดต้นไม้ออกเป็นชิ้นๆ เขาขุดดินใกล้ๆ ต้นไม้และเจอกะโหลกของกระต่ายสองตัว
นี่เป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ มนุษย์อาจถูกโจมตีอย่างลึกลับถ้ามาที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้ต้นไม้สามารถโจมตีกระต่ายตัวเล็กๆ เท่านั้น แต่มันอาจจะโจมตีมนุษย์ได้ในอนาคตได้
แต่มีคนกล่าวไว้ว่าตั้งแต่สัตว์ฉลาดมากขึ้น ก็ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ที่ฉลามเข้าโจมตีคนแล้ว
นักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่าฉลามเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเลือก ฉลามหลายๆ ตัวกัดคนแล้วก็หนีไป มันไม่ค่อยจะกินคนเท่าไหร่ เพราะว่าในร่างกายมนุษย์มีของเสียมากเกินไป ถ้าฉลามพูดได้พวกมันก็คงจะแสดงอาการรังเกียจออกมาหลังจากกัดไปคำหนึ่งแล้วก็ว่ายน้ำหนีไป…
งานวิจัยหลายชิ้นเผยว่าฉลามไม่สนใจมนุษย์ ส่วนใหญ่มันจะกัดมนุษย์หรือไม่ก็กลืนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์เข้าไป
แต่คนพวกนั้นตายไปได้อย่างไรน่ะเหรอ เมื่อคนถูกฉลามกัดใต้น้ำ ฉลามจะว่ายน้ำหนีไปด้วยความขยะแขยง แต่ฉลามตัวอื่นๆ จะได้กลิ่นเลือด และมันจะเข้ามากัดอีกพร้อมกับว่ายน้ำหนีไป หลังจากนั้นฉลามอีกตัวก็เข้ามากัดและว่ายน้ำหนีไปอีกเช่นกัน…
พวกมันว่ายน้ำหนีเพราะว่ารับไม่ได้ที่มนุษย์รสชาติแย่เสียเหลือเกิน
ตอนนี้พอพวกมันเห็นมนุษย์แล้ว พวกมันก็จะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่มันชอบกิน พวกมันจะว่ายน้ำหนีไปด้วยความรังเกียจ และไม่ต้องเข้ามาชิมรสด้วยซ้ำ
แน่ล่ะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมากกว่าเป็นเรื่องจริง สาเหตุที่คนตายเพราะฉลามโจมตีเป็นเพราะอาการช็อกและเสียเลือดมาก
หลังจากที่มีการล้มล้างระเบียบธรรมชาติแล้ว มนุษย์ไม่เพียงเผชิญกับอันตรายเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องตลกและข่าวต่างๆ ออกมาอีกด้วย…
แต่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้น มีดอกแดนดิไลออนกลายพันธุ์ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อก่อนผู้คนชอบเป่าดอกแดนดิไลออนให้ฟุ้งกระจาย แต่ตอนนี้เมื่อผิวหนังของมนุษย์เข้าสัมผัสกับเมล็ดเข้า ผิวหนังจะกลายเป็นสีแดงและบวมเป็นบริเวณกว้าง ความเจ็บปวดนั้นจะคล้ายกับการถูกแมงป่องกัด
ในทุ่งหญ้าทางตอนเหนือก็มีหมาป่าสองตัวเข้าโจมตีฝูงสัตว์ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เครือข่ายฟ้าดินเจอกับความเจ็บปวดกันยกใหญ่ก่อนที่จะได้เข้าไปกำจัดหมาป่าด้วยซ้ำ