ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 604 หลี่ว์เสี่ยวซู่ บุคคลที่น่าประทับใจที่สุดในจักรวาล
ตอนที่ 604 หลี่ว์เสี่ยวซู่ บุคคลที่น่าประทับใจที่สุดในจักรวาล
เฉินจู่อานยืนอยู่บนพรมกันน้ำและมองกิ่งไม้ในมือตัวเองเงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้กิ่งไม้ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ใครจะรู้ มันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้
ตอนนื้เขามีกิ่งไม้ตั้งสองกิ่ง แต่หลี่ว์ซู่ไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆ น่าสนใจ
เฉินจู่อานจะตั้งตารอคอยวันที่กิ่งไม้นี้แสดงอะไรพิเศษออกมา ถึงตอนนั้นหลี่ว์ซู่ก็คงหัวเสียน่าดูที่เอากิ่งไม้พวกนี้มาให้เขา พอคิดเรื่องนี้ เขาก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
แต่แล้วเขาก็ต้องตะลึงไป เพราะเขาเห็นหลี่ว์ซู่เหวี่ยงมือไปที่รากต้นไม้ที่โปร่งใสทว่าทอประกาย แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้ถืออะไรไว้เลยนะ
แกร๊ง!
ในมือหลี่ว์ซู่ไม่ได้มีอะไรอยู่เลยจริงๆ แต่กลับมีรอยตัดอย่างเรียบเนียนปรากฏบนรากต้นไม้
“พี่ซู่ นี่พี่ไปฝึกความสามารถอะไรเจ๋งๆ มาอีกล่ะ เมื่อกี้นี้เป็นดาบล่องหนหรือเปล่า” เฉินจู่อานพึมพำ
หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจเฉินจู่อาน เขาเอากระบี่เฉิงอิ่งในมือตัดรากไม้ต่อไป ต้นไม้ทั้งต้นนั้นเริ่มเอียงไปอีกข้างโดยหลี่ว์ซู่ยังไม่ได้ออกแรงจริงๆ จังๆ เลย
“หือ ขนาดแก่นต้นไม้ยังทำจากคริสทัลเลยเหรอ นี่มันต้นอะไรเนี่ย แปลกจัง” หลี่ว์ซู่เอ่ยอย่างงุนงงขณะเก็บต้นไม้ทั้งต้นเข้าไปในตราแผ่นดิน
“พี่ซู่ รู้ตัวมั้ยว่าเป็นคนที่น่าประทับใจจริงๆ” เฉินจู่อานถอนหายใจ “ขนาดต้นไม้พี่ก็ยังไม่ละเว้น…”
[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666!]
ก่อนหน้านี้เฉินจู่อานก็คิดว่าเขาโชคดีแล้วที่ได้กิ่งไม้มา แต่พอเห็นสถานการณ์ตอนนี้ที่หลี่ว์ซู่ยกเอาต้นไม้ไปทั้งต้นนั้น…
ในสายตาของเฉินจู่อาน หลี่ว์ซู่สูงใหญ่ราวกับยักษ์ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตเขาก็ตามหลี่ว์ซู่ไม่ทัน
“พี่ซู่ ผมมีฉายาใหม่ให้พี่ละ บุคคลที่น่าประทับใจที่สุดในจักรวาล…” เฉินจู่อานถอนใจ
“ได้ๆ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” หลี่ว์ซู่นั่งลงบนพรมกันน้ำ เขาตัดต้นไม้ไปสามต้นเพราะมันปล่อยพลังงานที่มีความเข้มข้นสูงออกมา เขาตัดสินใจกลับไปที่ต้นไม้เพื่อพินิจพิเคราะห์ดูมันอย่างละเอียด ถ้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ก็ช่างเถอะ แต่ถ้ามันเกิดมีประโยชน์ขึ้นมาล่ะ
หลี่ว์ซู่มีคติว่าฆ่าผิดคนอย่างน้อยก็ยังดีกว่าปล่อยคนผิดให้หนีรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้ ที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้พยายามมากมายขนาดนั้น หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดแล้วก็ตัดเอาชิ้นกระจกบนพื้นออกมาชิ้นใหญ่เพื่อจะเอาไปวิเคราะห์ดูต่อ…
เฉินจู่อานอึ้งเข้าไปใหญ่ นี่หลี่ว์ซู่ถึงขนาดเอากระจกบนพื้นไปด้วยเลยเหรอ
[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +999!]
“พี่ซู่ ผมว่าไม่มีใครจะสุดยอดไปกว่าพี่แล้วล่ะ…”
นักเรียนห้องเต้าหยวนมาที่นี่กันตั้งหมื่นกว่าคน ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะเจอเข้ากับนักเรียนพวกนั้นเข้า ทว่านักเรียนห้องเต้าหยวนนั้นพยายามรักษาสมดุลบนกระจกกันอยู่ บางคนก็ถอดใจนอนอยู่บนพื้นและกินอาหารที่เอามาด้วย บางคนถึงกับนั่งดูวิดีโอจากมือถืออยู่ด้วยซ้ำ
ในโบราณสถานนี้มีคนอยู่ทุกรูปแบบ กระทั่งคนที่พกที่ชาร์จสำรองมาสองสามอันก็มี
ขณะที่หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานเดินผ่านพวกเขาไป พวกเขาต่างส่งแต้มอารมณ์มาให้หลี่ว์ซู่ หลายๆ คนเริ่มสงสัย ทั้งหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานเองก็เป็นนักเรียนของห้องเต้าหยวนเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมพวกเขาต้องมานั่งลำบาก ส่วนหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานกลับดูสนุกสนานแบบนั้นได้
พื้นกระจกนั้นลื่นมาก แต่พอหลี่ว์ซู่ออกแรงโดยใช้หอกยาวสองเล่มแล้ว พวกเขาก็พุ่งออกไปไกลกว่าร้อยเมตรเลย เฉินจู่อานที่นั่งข้างหลังรู้สึกเหมือนกำลังเล่นสกีอยู่ ถึงจะไม่เจอวัตถุเก่าแก่แต่ถ้าเปรียบเทียบกับพวกนักเรียนคนอื่นๆ แล้วก็สนุกดีแหละ
ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นนักเรียนที่กำลังมุ่งมั่นตั้งใจ ถึงแม้เธอจะยันตัวขึ้นไม่ได้ แต่ก็พยายามอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
“หืม คนนั้นใครน่ะ เหมือนจะเคยเจอกันมาก่อนเลย” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย
“เธอเป็นหัวกะทิระดับ A ผมเห็นเธอมาหลายรอบแล้ว” เฉินจู่อานตอบ
หัวกะทิระดับ A คนนั้นตั้งใจมาก เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังแต่ก็มั่นคง หากไม่มั่นใจว่าสมดุลดีหรือยัง เธอจะไม่ย่ำเท้าลงไปเด็ดขาด จะได้ไม่ลื่นล้มในก้าวต่อๆ ไป
เธอต้องควบคุมกล้ามเนื้อให้ดี ถึงแม้จะเหนื่อยแต่เธอไม่ยอมหรอก
มู่เสียวไป่เดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่เธอยังมีลมหายใจ เธอจะไม่ก้มหัวยอมแพ้เด็ดขาด เธอเป็นถึงหัวกะทิระดับ A เธอจะไม่ยอมอ่อนแอเหมือนกับนักเรียนห้องเต้าหยวนทั่วๆ ไป ทัศนคติเช่นนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โดนเนี่ยถิงเคี่ยวกรำมาอย่างหนักและจากศักดิ์ศรีของเธอเอง
แต่แล้วหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานก็ผ่านเธอไปเร็วอย่างกับสายลม มู่เสียวไป่งุนงง
[แต้มอารมณ์จากมู่เสียวไป่ +666!]
“เธอชื่อมู่เสียวไป่ เป็นหนึ่งในหัวกะทิระดับ A ว่ากันว่าเธอทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วงดี แต่ความสามารถไม่เท่าเฉาชิงฉือกับเฉิงชิวเฉี่ยว มีคนเล่าว่าตอนไปปฏิบัติภารกิจที่ตลาดมืด มีคนฉกงานของเธอไป เธอเลยต้องไปหางานอื่นทดแทน เพราะงั้นก็เลยปฏิบัติภารกิจเสร็จช้ากว่าเฉาชิงฉือและคนอื่นๆ เธอเป็นคนดีแท้ๆ ไม่รู้ไอ้บ้าที่ไหนขโมยภารกิจของเธอไปเสียนิ-นี่-นี่-นี่-นี่”
อสนีบาตสีม่วงฟาดเข้าก้นของเฉินจู่อาน…
[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666!]
“อะแฮ่ม” หลี่ว์ซู่มองไปข้างบน “ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่นานๆ ก็พูดให้น้อยลงหน่อยนะจู่อาน”
“ก็ได้ๆ!” เฉินจู่อานรู้สึกราวกับว่าเขาแก้ปริศนาที่ทำพวกหัวกะทิระดับ A ปวดหัวกันได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาบอกใครไม่ได้ ถ้าบอกแล้วอาจจะมีเรื่องตามมาให้แก้ทีหลัง
หลี่ว์ซู่หยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “พวกหัวกะทิมักมีท่าทีเปลี่ยนไปมากหลังจากออกไปปฏิบัติภารกิจกัน ก่อนที่เราจะเริ่มภารกิจนี้ พวกเขาทั้งใสซื่อและยังไม่โต พริบตาเดียวก็เปลี่ยนมาเป็นนักรบกันเสียแล้ว”
เฉินจู่อานถอนหายใจ “ใช่ ยิ่งผมพยายามหนักเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าพรสวรรค์นั้นสำคัญกว่าจริงๆ ดูมู่เสียวไป่เป็นตัวอย่างสิ ถึงจะโดนขโมยภารกิจไป แต่ตอนนั้นเธอก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับ C อยู่ดี ส่วนผมเพิ่งจะแตะระดับ C เอง คิดแล้วมันก็น่าน้อยใจเหมือนกันนะ”
หลี่ว์ซู่พยายามปลอบ “โทษตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ชีวิตนี้ยังมีเรื่องสลดใจอีกเยอะน่า”
“พี่ซู่ พี่นี่หาทางปลอบคนได้แปลกดีนะ” เฉินจู่อานกล่าวอย่างไร้อารมณ์
[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +199!]
“ทำไมพี่ไม่ลองกินผลไม้นั่นดูล่ะ ดูเหมือนมะม่วงเลยนะ คงอร่อยน่าดู ถึงจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้ก็เถอะ” เฉินจู่อานเปลี่ยนเรื่อง “แต่ถ้ามีพิษก็เรื่องใหญ่หน่อย ผมเคยได้ยินว่าชอบมีคนติดพิษจากโบราณสถานด้วยนะ พี่อยากลองดูไหม”
มีคนติดพิษเหรอ ไร้สาระแล้ว หลี่ว์ซู่ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครติดพิษจากโบราณสถานเลย แต่มันก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าให้คนระดับ B กินผลไม้พวกนี้เข้าไป มันสามารถทำให้คนคนนั้นปะทุพลังออกมาเป็นความสามารถในธาตุนั้นๆ และยังผูกตัวเองเข้ากับพลังธาตุได้ด้วย
ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่ว์ซู่ไม่อยากกินผลไม้นี้