อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 617
‘พลั่ก!’ เสียงกระแทกวางหูโทรศัพท์
คนที่ป้อมยามรู้สึกเพียงกลัวจับใจ ตัวเองทำผิดอะไรไปอย่างนั้นหรือ? แต่นายท่านสั่งไว้แค่ให้เก็บกุญแจรถนี่นา ไม่มีคำสั่งอื่น!
ขณะที่ขึ้นไปนอนที่ชั้นบน สีหน้าเย่เซียวแย่ถึงที่สุด
คงสีหน้าย่ำแย่นี้จนถึงเวลาอาหารเช้าของวันรุ่งขึ้น เห็นใบหน้าเย็นชานั่นแม้แต่น่าหลันเองยังไม่กล้าหายใจเสียงดัง
รอเย่เซียวออกจากห้องทานอาหาร ออกจากประตูเธอถึงผ่อนลมหายใจ
“คุณน่าหลัน นายท่านเป็นอะไรไปคะ?” อาชิงมองแผ่นหลังนั่นแล้วถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ อาจจะเจอปัญหาหนักมือเข้าหรือเปล่า”
“ฉันว่าไม่ใช่ เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับคุณไป๋นั่นมากกว่า”
พูดถึงเธอ ใบหน้าน่าหลันก็ฉายแววนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “ทำไมถึงเกี่ยวกับเธอได้?”
“เมื่อคืนได้ยินพี่เฉิงที่เป็นเวรบอกว่าตอนตีสามกว่าคุณไป๋แต่งตัวสวยมากแล้วมาหานายท่าน แต่ว่านายท่านปฏิเสธเธอไว้นอกประตู อีกอย่างยังยึดกุญแจรถของเธอให้เธอเดินกลับไปเองตอนดึกดื่น คุณว่าน่าขำไหมล่ะคะ”
น่าหลันได้ยินก็หลุดขำ ‘พรืด’ “ปฏิเสธเธอไว้นอกประตู ให้เธอเดินกลับไปเองจริงเหรอ?”
“แหงสิคะ” อาชิงคาดเดา “ฉันว่าอาจจะเพราะเมื่อคืนเธออยากมาวุ่นวายแล้วนายท่านไม่พอใจ วันนี้ถึงได้มีสีหน้าบูดบึ้งอย่างนั้นไงล่ะคะ คุณน่าหลันพูดเองไม่ใช่หรือคะว่านายท่านเกลียดเธอแทบตาย?”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ?” น่าหลันถามกลับเสียงแผ่วคล้ายรู้สึกไม่มั่นใจ เย่เซียวเกลียดเธอจริงๆ หรือ? ความจริงเธอเองยังไม่เข้าใจเลยว่าถ้าเกลียดจริงๆ แล้วตัวเธอล่ะมีความหมายอะไร? ถ้าเกลียดจริงๆ ทำไมคืนนั้นเขายอมนอนกับอีกฝ่ายแต่ไม่ยอมนอนกับเธอ?
………………………………
วันรุ่งขึ้น
ไป๋ซู่เย่นอนตื่นสายมาก เมื่อตื่นมาอีกทีบนตัวยังมีชุดกระโปรงที่เมื่อคืนไม่ทันได้ถอดออกเพราะความง่วงอยู่ กลับมาทิ้งตัวหลับโดยไม่ทันเช็ดเครื่องสำอางออกด้วยซ้ำ
เธอตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังสนั่น
คลานลุกจากเตียงสะลึมสะลือ พิงบนโซฟากดรับโทรศัพท์อย่างเกียจคร้าน
“ฮัลโหล”
“รัฐมนตรี เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
คนที่โทรมาที่บ้านเธอได้เห็นทีคงมีแค่ไป๋หลาง เธอพยายามตั้งสติ “เรื่องอะไร?”
“เย่เซียวนัดเจอกับซ่งกั๋วเหยา! จากข่าวที่ผมได้รับ พวกเขากำลังคุยเรื่องสัญญา!”
ไป๋ซู่เย่ขมวดคิ้ว เจ้าเย่เซียวผิดคำพูดอย่างนั้นหรือ!
“พวกเขาอยู่ไหน?”
ไป๋หลางบอกแผนที่ไป ไป๋ซู่เย่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็วางสายไปทันที รีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
……………………
สถานที่นัดพบของเย่เซียวกับซ่งกั๋วเหยาอยู่ในที่ที่ไม่ค่อยสะดุดตานัก
ในร้านอาหารแสนครึกครื้นมีลูกค้าเดินเข้าออกตลอด ไม่ว่าใครคงคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีการเจรจาธุรกิจขนาดใหญ่เกิดขึ้น
พวกเขาเลือกห้องชุดที่อยู่ลับตาคนที่สุด ไป๋ซู่เย่เคยสืบไว้นานแล้วว่านี่เป็นสถานที่ลับของซ่งกั๋วเหยา
เธอสวมชุดเครื่องแบบปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ ดูดีน่าเกรงขามจนได้รับสายตาสนใจจากคนรอบข้างไม่น้อยรวมถึงสายตาชื่นชมจากชายหนุ่มทั้งหลาย
“ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง ที่นี่วันนี้ไม่ต้อนรับลูกค้าใดๆ ทั้งนั้น” ระหว่างทางเดินไปห้องชุดกลับถูกพนักงานขวางเอาไว้
“ฉันเป็นคนของกระทรวงความมั่นคง วันนี้มาที่นี่เพราะงานราชการ ห้ามใครขัดขวางไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม!” ไป๋ซู่เย่ควักบัตรประจำตัวออกมา อีกฝ่ายดูแวบหนึ่งก็ทำหน้าลำบากใจทันที
คนที่อยู่ข้างในไม่ว่าใครก็ไม่ใช่คนธรรมดา ส่วนคนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เช่นกัน
“งั้น…รบกวนรอตรงนี้สักครู่ เดี๋ยวมาครับ”
…………
เย่เซียวเพิ่งเจรจากับซ่งกั๋วเหยาได้เพียงครึ่ง หยูอันเข้ามา เขาโน้มตัวกระซิบข้างหู “นายท่าน ไป๋ซู่เย่มาถึงแล้ว”
เย่เซียวพับแขนเสื้อขึ้นดูเวลา นับจากเวลาที่ปล่อยข่าวออกไปผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว เธอมาช้ามาก
“จะให้เธอเข้ามาไหมครับ?”
“ไม่ต้อง”เย่เซียวพับแขนเสื้อลงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทอดสายตาไปทางซ่งกั๋วเหยา “เชิญพูดต่อ”
หยูอันพบว่าตัวเองคาดเดาความคิดเขาไม่ถูกเลยสักนิด
ปล่อยข่าวให้กระทรวงความมั่นคงว่าพวกเขากำลังจะเจรจากับซ่งกั๋วเหยาก็เพื่อให้ไป๋ซู่เย่มาหาถึงที่ไม่ใช่หรือไง? แต่ตอนนี้เจ้าตัวมาแล้วเขากลับทำท่าเหมือนไม่อยากเจอเธอ
………………
“ขออภัยด้วย นายท่านของเราไม่อยากเจอคุณ” หยูอันออกไปบอกต่อความหมายของเย่เซียวด้วยใบหน้าเย็นชา
“งั้นคุณเอาเบอร์ส่วนตัวของเขาให้ฉัน ฉันจะอธิบายให้เขาฟังเอง” ไป๋ซู่เย่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
หยูอันเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “ตอนนี้คุณมาตามตื๊อไม่หยุดเพราะอยากได้อะไรจากเรางั้นเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ที่กำโทรศัพท์อยู่กระชับมือแน่นขึ้นเล็กน้อย สำหรับหยูอัน เธอรู้สึกผิดต่อเขาเช่นกัน
หยูอันมองเธอแล้วแค่นหัวเราะไปที ยกมือตัวเองขึ้นเลิกแขนเสื้อโชว์ตรงหน้าเธอ “รัฐมนตรีไป๋ คุณยังจำแผลตรงแขนของผมได้ไหม?”
ไป๋ซู่เย่มองแวบหนึ่งก่อนจะเบี่ยงสายตาหนีไม่อยากมองต่อ แผลนี่เกิดจากตอนช่วยเธอจากเพลิงไหม้เมื่อสิบปีก่อนแล้วถูกของหนักกระแทก
หยูอันช่วยเธอด้วยชีวิตและเกือบเสียแขนข้างหนึ่งไปเพราะเธอ
“ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าไฟไหม้ครั้งนั้นก็อาจจะเป็นแผนของคุณหรือเปล่า? คนในทีมรวมตัวฉกาจแบบนั้น ไม่มีทางไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเองจากไฟไหม้ ใช่ไหม? ผมกับนายท่านกลับหลงเชื่อแผนลวงของคุณไม่เอะใจเลยสักนิด!”
หยูอันพูดถึงประโยคสุดท้ายน้ำเสียงยิ่งหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ทุกคำที่เล็ดลอดออกมาคล้ายจะกัดกระดูกเธอให้แหลกเป็นชิ้นๆ
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าลึกๆ ให้ตัวเองใจเย็นลงหน่อยถึงเงยหน้ากล่าว “ขอโทษด้วย การเรียนรู้ที่จะปลอมตัวก็เป็นหนึ่งในบทเรียนของเรา ตอนนั้นหน้าที่ของฉันคือการทำลายพวกคุณ ฉันไม่มีทางเลือก!”
“ไม่มีทางเลือก! ไม่มีทางเลือกของคุณแลกด้วยชีวิตของพี่น้องเราสิบกว่าคนเพื่อปกป้องคุณ!” หยูอันตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะโกรธเกินไปหรือเพราะเสียใจยามนึกถึงอดีต สองมือที่ทิ้งข้างลำตัวของเขาสั่นระริก กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนบนแขน “ไป๋ซู่เย่ ตอนนี้กลางคืนคุณนอนหลับไหม ตื่นมากลางดึกไม่กลัวภูตผีวิญญาณมาล่าชีวิตคุณบ้างหรือไง?!”
ไป๋ซู่เย่ไม่อยากให้เขามองตัวเองออก ในเมื่อพวกเขาตอนนี้อยู่บนเส้นทางขาวดำ ไม่มีทางบรรจบกันได้
อีกทั้งบุญคุณความแค้นรวมถึงบาดแผลในอดีตใช่ว่าใช้คำพูดประโยคสองประโยคจะชดแทนได้? เธอคิดว่าต่อให้ตอนนี้เธอทำไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถชดเชยมันได้
เธอได้แต่นิ่งสงบกล่าวอย่างใจเย็น “บนโลกนี้ไม่เคยมียารักษาโรคเสียใจภายหลัง”
ใจเย็นเสียจนเหมือนไร้ความปรานีมากกว่า
หยูอันมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “นี่ถึงจะเป็นไป๋ซู่เย่ตัวจริงสินะ! คุณมันมีแต่หัวใจที่น่าเกลียดและสกปรก! ผมว่าตอนนี้เย่เซียวจะต้องเสียใจมากแน่ๆ ที่ไม่ได้ฆ่าคุณเองกับมือตั้งแต่เจอคุณครั้งแรก!”
ไป๋ซู่เย่เม้มปากไม่สนใจอาการปวดตรงหน้าอก “มาพูดเอาตอนนี้มันก็ไร้ความหมายแล้ว”
………………………………………………..