เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 78
เฉินเยี่ยนและคนบ้านเฉินไม่รู้ความคิดหลิวอี้ ถ้ารู้เข้า คิดว่าเฉินเยี่ยนต้องมองบนใส่เขา คนๆ นี้ช่างคิดไปเองเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นใครนะ
คิดว่าพ่อแม่บ้านเฉินก็คงไม่ต้อนรับหลิวอี้อบอุ่นขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะอยากแต่งงานกับลุกสาว ถึงแม้จะคิดว่าพื้นฐานหลิวอี้ไม่แย่ แต่ถ้าหลิวอี้ทำแบบนั้นกับลูกสาวพวกเขา พวกเขาไม่มีทางวางใจให้เฉินเยี่ยนแต่งงานแน่
แต่พ่อแม่บ้านเฉินไม่รู้ความคิดหลิวอี้ เห็นหลิวอี้มาที่บ้านอีกแล้ว เลยคิดว่าหลิวอี้คงชอบลูกสาวเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาที่บ้านถึงสองครั้ง หมายความว่าเขาชอบลูกสาวจริงๆ ให้ความสำคัญกับลูกสาว เฉินจงกับหวางนิวเลยกระตือรือร้นกับหลิวอี้มาก
หลิวอี้นั่งในโถงบ้าน หวางนิวยุ่งไม่หยุด ไม่ว่าจะรินน้ำให้ แล้วยังไปจุดไฟ จะทำชาไข่ให้หลิวอี้ แล้วยังเรียกให้หลิวอี้อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันอีก
เฉินเยี่ยนกระตุกปากเล็กน้อย ไข่ชานี้อาเขยซินมาเยี่ยมถึงได้มา ทำไมต้องเอาไปให้หลิวอี้? แล้วเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหลิวอี้ แม้แต่พูดเกรงใจสักคำยังไม่มี ก้นก็ไม่ขยับเลย ทำเหมือนว่าที่หวางนิวยุ่งทำให้แบบนี้ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว
“พี่ ผมไม่ชอบเขา พี่อย่าแต่งกับเขานะ เขาต้องไม่ดีกับพี่แน่”
ฝั่งเฉินหู่ดึงเสื้อเฉินเยี่ยนเบาๆ พูดดังแค่ให้สองคนได้ยิน
วันนี้เฉินหู่ไม่ไปโรงเรียน หลังหลิวอี้มาถึงบ้านเฉิน ทุกการกระทำอยู่ในสายตาเขาหมด ถึงแม้เขาจะสิบขวบแต่บางครั้งเด็กมีความรู้สึกไวกว่า เฉินหู่มองเห็นในแววตาหลิวอี้ไม่ได้เคารพบ้านเฉินเลย มีความดูถูกแผ่ซ่านออกมา แล้วเขาก็มองออกว่าสายตาหลิวอี้ที่มองเฉินเยี่ยนมีแววกระหายอยู่ อีกทั้งคำพูดของหวางนิว เฉินหู่รู้ว่าคนนี้ชอบพี่สาวตัวเอง อีกหน่อยอาจจะกลายมาเป็นพี่เขยตัวเอง ว่าไปแล้วมีพี่เขยเป็นคนในเมือง ได้ยินว่าการงานคนนี้ไม่เลวเลย เขาควรจะภูมิใจ แต่เฉินหู่เปล่าเลย ลางสังหรณ์เขาไม่ชอบหลิวอี้คนนี้ รู้สึกว่าเขาอวดดีเกินไป หลิวอี้ดูถูกบ้านเฉิน อีกหน่อยอาจจะทำไม่ดีกับพี่สาว ถ้าพี่สาวแต่งงานไปในเมือง อยู่ห่างขนาดนั้น ที่บ้านดูแลไม่ได้ พี่สาวเกิดเรื่องอะไร เขาก็ไม่รู้ แล้วจะช่วยพี่สาวได้ยังไง? ดังนั้นเขาเลยพูดแบบนั้นกับเฉินเยี่ยน
เทียบกับหลิวอี้แล้ว เฉินหู่อยากให้พี่สาวแต่งงานกับผู้ชายที่จริงใจดีกับพี่สาวจริงๆ ไม่ต้องอยู่ใกล้บ้านมากก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ไกลเหมือนในเมือง แบบนี้พี่สาวมีเรื่องอะไร พวกเขาก็ยังช่วยเหลือ ช่วยดูแลได้
เฉินเยี่ยนได้ยินคำพูดเฉินหู่ก็ลูบหัวเฉินหู่ เธอคิดเหมือนกับเฉินหู่ เพียงแต่เธอไม่คิดว่าเฉินหู่อายุน้อยขนาดนี้ยังสามารถดูนิสัยหลิวอี้ออก
“เยี่ยนจื่อ มานี่หน่อย”
เสียงหวางนิวด้านนอกตะโกนเรียก เธอจุดไฟเสร็จแล้ว ต้มน้ำ เตรียมจะตักไข่ชาให้หลิวอี้ จากนั้นค่อยเตรียมอาหารเที่ยง อาหารเที่ยงจะทำอะไร เธอยังคิดไม่ออก เลยตะโกนเรียกลูกสาวเข้ามาช่วยคิด ทำอะไรถึงจะทำให้หลิวอี้กินแล้วมีความสุข
“ลูกว่ากลางวันนี้พวกเราทำอะไรกินดี ที่บ้านไม่มีเนื้อ ผักนี่แล้วกันมีแค่นี้เอง ทำก๋วยเตี๋ยว? แป้งขาวก็เยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าหลิวอี้จะกินได้ไหม แล้วไม่รู้ว่าเขาจะเสียดายหรือเปล่า? หรือลูกทำกับข้าวสองอย่างขึ้นมา? แม่เห็นว่าเขาดูชอบลูกมาก ครั้งที่แล้วเพิ่งมาไม่กี่วันก็มาอีกแล้ว ลูกอย่าทำหน้าบูดบึ้งใส่เขานะ เขาเป็นคนในเมือง มีฐานะ มานี่ก็ถือว่าให้ความสำคัญกับพวกเราแล้ว พวกเราไม่ให้เกียรติเขาไม่ได้นะ ลูกต้องทำดีกับเขาหน่อย ให้หน้าเขาหน่อย ถ้าลูกได้แต่งงานกับหลิวอี้ คนในหมู่บ้านใครจะกล้าพูดว่าลูกแต่งไม่ออก ใครยังจะกล้าบอกว่าลูกไม่มีใครต้องการ ให้พวกเขาดูเลยว่าลูกสาวเราแกร่งกว่าผู้หญิงคนอื่นอีก”
หวางนิวคิดจะทำอาหารไปพลางพูดกับเฉินเยี่ยน
“เดี๋ยวก็จะทำข้าวเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วยังจะทำไข่ชาอะไรอีก ทั้งหมดนี่ต้องใช้ไข่กี่ใบแล้ว ใช้เขากินก็ไม่มีเหลือแล้ว เหลือให้พ่อกินเถอะ พ่อทำงานเหนื่อยนะคะ”
เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าแม่ตัวเองต้อนรับขับสู้หลิวอี้ดีเกินไปหน่อยแล้ว
“ทำยังไงได้ หลิวอี้เป็นแขกสำคัญ จะไม่ให้ไข่ชาเขาได้ยังไง”
หวางนิวจ้องลูกสาว ในใจที่เข้มงวดก็เพราะอยากจะให้ได้ดี อีกฝ่ายดีขนาดนี้ ลูกสาวเราทำไมไม่ร้อนใจเลยนะ
“แม่ อาเขยซินอุตส่าห์เอาไข่ชามาให้ถึงบ้าน ตอนนี้เรื่องยังไม่เกิด ถ้าแม่ทำไข่ชา สุดทายไม่สำเร็จ เขาจะไม่หัวเราะเยาะเราเอาหรือ”
เฉินเยี่ยนพูดอย่างอดไม่ได้
“ลูกพูดก็ถูก ให้คนอื่นรู้ก็ไม่ดี แต่ทำไมถึงไม่สำเร็จล่ะ? แม่ว่าหลิวอี้นั่นชอบลูกจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะรีบมาบ้านเราทำไม”
หวางนิวรู้สึกว่าที่ลูกสาวพูดมีทั้งถูกและไม่ถูก
“เขามาแล้ว ไม่เห็นเอาอะไรมาให้เลยนี่คะ? มามือเปล่า ไม่แน่ว่าจะคิดแบบนั้น ถ้ามีใจแบบนั้นจริงจะมามือเปล่าได้หรือคะ? ยังไงแม่ก็อย่าเพิ่งทำไข่ชาเลย ฟังเขาพูดก่อนว่ายังไงค่อยว่ากัน หนูเป็นผู้หญิง ยังไงแม่ก็ไม่ควรเร่งอยู่ดี”
เฉินเยี่ยนก็รู้ว่าหวางนิวหวังดีกับเธอ ในความคิดหวางนิวหลิวอี้เป็นคู่ครองที่ดีมาก แต่เธอคิดไม่เหมือนกัน
“ลูกพูดถูก งั้นไม่ทำไข่ชาแล้ว?”
หวางนิวคิดว่าลูกสาวพูดมีเหตุผล
เฉินเยี่ยนพูดโน้มน้าวได้ หวางนิวไม่ทำไข่ชาแล้ว แต่ใช้แป้งขาวทำก๋วยเตี๋ยว ไม่ว่าจะยังไง หลิวอี้มาที่บ้าน เธอไม่สามารถทำหน้างอได้
ในบ้านหลิวอี้คุยอยู่กับเฉินจงนานมาก พอเห็นหวางนิวและเฉินเยี่ยนไม่ได้เอาไข่ชามาให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง บ้านเฉินไม่ได้ถือว่าเขาเป็นแขกพิเศษ บ้านเฉินนี่ไม่มีมารยาทจริงๆ ไม่รู้กฎการต้อนรับแขกเลย เขากลับไม่ได้คิดเลยว่าตัวเขาเป็นแขกที่เหมาะสมหรือเปล่า แขกมาหาที่บ้าน แล้วคิดจะมาคุยเรื่องแต่งงาน กลับมามือเปล่าสองครั้งติดกัน นี่เรียกว่าเป็นแขกแบบไหน มีความจริงใจและเคารพบ้างไหม?
หลิวอี้ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ ในใจเขาคิดว่าเขามาหาบ้านเฉินถึงบ้านก็ถือว่าเป็นเกียรติมากพอแล้ว ส่วนเรื่องของฝาก ไม่จำเป็นเลย
จนเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ เห็นเส้นแป้งก๋วยเตี๋ยวสีหน้าหลิวอี้ก็ดูไม่ดีเท่าไร ถ้าบ้านเฉินเอาเส้นหมี่เหลืองมาให้ เขาจะลุกเดินออกไปเลย หมายความว่าบ้านเฉินไม่ให้ความสำคัญกับเขา เขาไม่จำเป็นต้องมาอีก
เฉินเยี่ยนมองสายตาจู้จี้ของหลิวอี้ที่มองพ่อแม่กับเส้นก๋วยเตี๋ยว ด้านหนึ่งซดก๋วยเตี๋ยวสองชามใหญ่ที่หอมกรุ่นอยู่ สายตามีแววดูถูก เธอไม่เข้าใจว่าหลิวอี้โอ่อ่ามาจากไหน แค่เพราะเป็นคนในเมือง? มีคนในเมืองบางคนยังสู้เกษตรกรไม่ได้เลย เพราะเกษตรกรมีที่ กินดีอยู่ดี อย่างน้อยก็มีกิน ในเมืองถ้าไม่มีตั๋วธัญพืช ไม่แน่ก็อาจจะไม่ได้กินข้าว หลิวอี้คนนี้ตำหนิบ้านเฉิน แต่กินข้าวกลับไม่เกรงใจเลยสักนิด กินมากกว่าเฉินจงอีก เฉินจงเป็นคนใช้แรง กระเพาะใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่หลิวอี้คนเดียวกินสองชามใหญ่ ก๋วยเตี๋ยวทำไม่พอ ไม่กี่คนที่เหลือได้กินแค่ครึ่งชาม เท่านี้หลิวอี้ยังทำเหมือนไม่พอใจ ทำไม!
ไม่เพียงแต่เฉินเยี่ยนที่คิดแบบนี้ หวางจวนและเฉินหู่ก็คิดแบบนี้เช่นกัน หวางนิวไม่คิดอะไร เธอคิดว่าคนในเมืองต้องกินแป้งขาวทุกวัน ไม่เสียดายอาหารที่พวกเขากิน ส่วนเฉินจงสีหน้าเป็นแบบนั้นตลอด ดูไม่ออกว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจหลิวอี้
—————