เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 271: เป็นดารา?
ชายวัยกลางคนคนนี้เฉินเยี่ยนไม่รู้จัก เห็นสีหน้าซินห้าวแล้วก็น่าจะไม่รู้จักเหมือนกัน
“น้องชายแรงเยอะมากเลย เก่งมาก หรือว่าไปฝึกวิทยายุทธ์จากวัดเส้าหลินมา?”
ชายหน้าเคราวัยกลางคนไม่โกรธ แล้วยังพูดเล่นกับซินห้าวด้วย
คุณลุง คุณลุงเดาถูกแล้ว เฉินเยี่ยนอยากจะพูด ชายหน้าเคราคงคิดไม่ถึงว่าตัวเองคำพูดเล่นของตัวเองคือเรื่องจริง
“คุณลุง ขอโทษด้วยค่ะ สามีฉันคิดว่ามีคนมาตีเขา ลุงมีเรื่องอะไรหรือคะ?”
เฉินเยี่ยนได้ยินคุณลุงคนนี้พูดภาษาปักกิ่ง เธอเลยต้องพูดภาษาแมนดารินอย่างช่วยไม่ได้
ในยุคหลังภาษาแมนดารินเป็นภาษาพื้นฐาน เด็กได้เรียนตั้งแต่ประถมแล้ว ไม่อย่างนั้นภาษาถิ่นจะเข้าใจยาก ออกไปไหนไม่พูดแมนดาริน คนอื่นก็ฟังไม่ออกว่าคุณพูดอะไร
แต่ซินห้าวมองเฉินเยี่ยนด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเฉินเยี่ยนพูดภาษาต่างถิ่นไปจากภาคกลาง คนรอบข้างเขาก็ไม่มีใครพูดภาษานี้ แล้วเฉินเยี่ยนไปเรียนมาจากใคร?
“โอว น้องสาวพูดได้เพราะมาก สำเนียงตามมาตรฐานเลย”
ชายหน้าเคราวัยกลางคนตาเป็นประกาย แต่เขามั่นใจว่าเฉินเยี่ยนไม่ใช่คนปักกิ่ง เพราะคำพูดเธอยังไม่ถึงกับมีเสน่ห์เหมือนคนปักกิ่ง
แต่นี่ก็ทำให้เขาตกใจแล้ว เพราะหลายครั้งที่ภาษาเป็นอุปสรรค
เฉินเยี่ยนยิ้ม
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
ซินห้าวไม่รู้จุดประสงค์ของคนนี้ แต่เขาไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไร โดยเฉพาะตอนนี้เขากับเฉินเยี่ยนสองคนอยู่ต่างถิ่น เขาไม่ป้องกันไม่ได้
“ฟังสำเนียงน้องชายแล้วเป็นคนเหอหนานหรือเปล่า?”
ชายหน้าเคราวัยกลางคนฟังสำเนียงซินห้าวออก
ซินห้าวพยักหน้า เขาพูดได้แค่ภาษาเหอหนาน พูดภาษาแมนดารินไม่ได้ แต่เขาฟังเข้าใจ น้ำเสียงเขาพูดช้า คนอื่นก็ฟังเข้าใจเช่นกัน
ต่อมาชายหน้าเคราวัยกลางคนก็แนะนำตัว แล้วบอกเหตุผลที่เขามา เฉินเยี่ยนเลยเข้าใจ
ชายหน้าเคราวัยกลางคนคนนี้ชื่อเว่ยผิง เป็นผู้ช่วยผู้กำกับในกองถ่าย วันนี้เขาว่างเลยมาเดินเล่น ปรากฏว่ามาเจอเฉินเยี่ยนและซินห้าวโดยบังเอิญ
พูดตามจริง เฉินเยี่ยนถือว่าเป็นผู้หญิงสวย แต่ก็ไม่ถึงกับสวยหยาดเยิ้มแบบที่หนึ่งในศตวรรษที่หาเจอได้ยาก
แต่ซินห้าวไม่เหมือนกัน ซินห้าวถือว่าเป็นหนุ่มหล่อ อีกทั้งยังหล่อขั้นเทพอีกด้วย
ทั้งสองคนนี้โดดเด่นเป็นที่สะดุดตามากอยู่ท่ามกลางผู้คน ดังนั้นเขาเลยสังเกตเห็น
เว่ยผิงไม่เคยเจอผู้ชายที่หล่อขนาดนี้มาก่อน ถ้าเขาสามารถพาซินห้าวมาถ่ายหนังที่กองเขาได้ อาศัยรูปร่างหน้าตาซินห้าวแล้ว แค่เขาไม่ใช่คนโง่ทึ่ม ปรับโฉมนิดหน่อย จะต้องโด่งดังมากแน่
ส่วนเฉินเยี่ยน กองถ่ายรับไว้ได้ รูปร่างภายนอกของเฉินเยี่ยน ตัวสูง รูปร่างก็ไม่แย่ ถ้าเฉินเยี่ยนทนลำบากได้ ก็คุ้มค่าที่จะเลี้ยงไว้
ครั้งหนึ่งเจอถึงสองคนเลย เว่ยผิงชอบใจมาก ดังนั้นเลยเดินเข้ามา แน่นอน เป้าหมายหลักของเขาคือซินห้าว เพราะเขาคิดว่าตัวซินห้าวมีคุณสมบัติประจำตัวที่ยากจะอธิบาย คนทั่วไปไม่มี
“ไม่สนใจ”
ฟังเว่ยผิงพูดจบ ซินห้าวก็ตอบกลับอย่างเย็นชา เขามาเที่ยวเป็นเพื่อนเฉินเยี่ยน ไม่ได้คิดจะเป็นนักแสดงเล่นหนัง เล่นละครอะไร
เฉินเยี่ยนกลับหวั่นไหว เธอรู้ดีว่าดาราในยุคหลังนั้นได้รับความชื่นชอบขนาดไหน
หน้าตาแบบซินห้าว เทียบกับพวกนักแสดงรุ่นใหม่ในยุคหลังหล่อกว่าเยอะมาก ถ้าซินห้าวเกิดในยุคหลัง คิดว่าคงโด่งดังเป็นพลุแตกนานแล้ว
แต่ยุคนี้ถึงแม้จะมีดารา แต่ดารายังไม่ได้โด่งดังถึงขั้นนั้น
ภาพยนตร์ ละครในยุคนี้ก็ได้ค่าจ้าง แต่ไม่สูงมาก อีกทั้งยังมีเงื่อนไขกำหนด ถ่ายละครลำบากมาก แต่ถ้าซินห้าวเข้าวงการตอนนี้ เธอเชื่อว่าอีกหน่อยซินห้าวต้องกลายเป็นพี่ใหญ่ในวงการแน่นอน
ได้เป็นดารา นั่นเป็นความฝันของหญิงสาวหลายคนเลย
ตอนนี้มีข้อเสนอแบบนี้อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว แค่เธอยอม เธอกับซินห้าวก็จะกลายเป็นดารา พวกดาราหญิงที่ได้รับรางวัล ตอนเดินพรมแดงนั้นสง่างามเพียงใด แค่คิดเฉินเยี่ยนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“น้องสาว เธอโน้มน้าวสามีเธอดู ถ่ายหนังนี่เป็นเรื่องที่หลายคนอยากทำยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้โอกาสมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ดูเรื่องวัดเส้าหลินหรือเปล่า? เห็นเสี่ยวหลี่[1]เก่งแค่ไหนไหม เธอหน้าตาดีกว่าเสี่ยวหลี่ตั้งเยอะ แค่เธอยอม อีกต้องต้องทำให้เธอดังกว่าเสี่ยวหลี่แน่นอน”
เว่ยผิงโน้มน้าวต่อ
เฉินเยี่ยนไม่เพียงเผลอยิ้มออกมา เจ้าพ่อยอดกังฟูในยุคหลัง ตอนนี้ถูกคนเรียกว่าเสี่ยวหลี่ นี่ช่าง…
“พวกเรารู้จักวัดเส้าหลินค่ะ สามีฉันก็ฝึกวรยุทธ์ที่วัดเส้าหลินมาก่อน ฉันว่าวรยุทธ์ของสามีฉันไม่แพ้คนอื่นเลย”
เฉินเยี่ยนมองซินห้าว สายตาอ่อนโยน ถึงแม้ตอนนี้ในหมู่บ้านเกษตรกรจะยังไม่ฉายหนังเรื่องวัดเส้าหลิน แต่เธอกลับชาติมาเกิด เธอย่อมรู้จักหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว
“น้องชายก็ฝึกวรยุทธ์มาจากวัดเส้าหลินหรือ? งั้นดีมากเลย น้องชาย ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นแล้ว พวกเธอตามฉันมาดูก่อน และลองดู ถึงตอนนั้นไม่แน่พวกเธออาจจะชอบก็ได้ พวกเธอคิดดู ถ้าพวกเธอแสดงหนัง คนอื่นดูหนังจะได้เห็นพวกเธอ พวกเธอก็จะกลายเป็นคนดัง ไปที่ไหนทุกคนต่างรู้จักพวกเธอ ดีขนาดไหนล่ะ”
แววตาเว่ยผิงยิ่งดูกระตือรือร้นขึ้นมาอีก
ซินห้าวมองเฉินเยี่ยน พูดตามตรงเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด แต่เขาเห็นว่าเฉินเยี่ยนสนใจ ถ้าเฉินเยี่ยนชอบ งั้นเขาก็ต้องไปเป็นเพื่อนเฉินเยี่ยน จะไม่ทิ้งเฉินเยี่ยนไว้ที่กองถ่ายถ่ายหนังอะไรนั่นคนเดียว
เฉินเยี่ยนก็มองซินห้าว
“คุณไม่ชอบใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนกระซิบถามซินห้าว นิสัยซินห้าว เธอเข้าใจดี
“ผมไปเป็นเพื่อนคุณได้”
ซินห้าวตอบแบบนี้ แล้วยังหยิกมือเฉินเยี่ยนเบาๆ
“ผู้กำกับเว่ย ขอโทษด้วยค่ะ ฉันกับสามีไม่ชอบแสดงหนัง พวกเราไม่ไปกองถ่ายนะคะ ขอบคุณค่ะ”
เฉินเยี่ยนยิ้มตอบเว่ยผิง
เธอปฏิเสธเว่ยผิง
สายตาเว่ยผิงมีแววประหลาดใจแวบขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขามองออกว่าเฉินเยี่ยนสนใจ ดังนั้นเขาถึงให้เฉินเยี่ยนโน้มน้าวซินห้าว แต่คิดไม่ถึงว่าพริบตาเดียวเฉินเยี่ยนก็เปลี่ยนไป ปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใย เขามองออกว่าเฉินเยี่ยนรู้สึกจริง ไม่ได้เสแสร้ง
จนเว่ยผิงจากไปอย่างเสียดาย เฉินเยี่ยนคล้องแขนซินห้าว
ซินห้าวยิ้มให้เฉินเยี่ยน แววตาเฉินเยี่ยนเต็มไปด้วยความชอบใจ ใช่ เธอก็มีความฝันจะเป็นดารา แต่เฉินเยี่ยนก็รู้ว่านั่นไม่ใช่ทางที่เธอจะไป ไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการ
เธอแค่อยากจะเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอมีความฝันอันยิ่งใหญ่ ไม่มีความทะเยอทะยานสูงส่ง เธอขอแค่มีคนที่รักเธอ และผู้ชายที่เธอรัก มีญาติสนิท มีลูก หาเงินได้เพียงพอ ไม่ต้องวุ่นวายกับชีวิตมาก อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขไปทั้งชีวิตก็พอแล้ว
ถ้าให้ชีวิตเธออยู่ใต้แสงไฟ ทุกอย่างของเธอโดนสายตาจับจ้อง ชีวิตแบบนี้เธออยู่ไม่ได้
ดังนั้นเธอเลยไม่เสียดาย เธอชอบชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ และเธอก็พอใจตอนนี้ด้วย
เธอเข้าใจซินห้าว เธอเชื่อว่าซินห้าวก็เช้าใจเธอ ดังนั้นสูญเสียโอกาสที่จะเป็นดาราไป เฉินเยี่ยนไม่เสียดายเลย และไม่เสียใจ
ทั้งสองคนเที่ยวเล่นกันแล้วก็กินเป็ดปักกิ่ง ใช้คำพูดของเฉินเยี่ยน สูญเสียโอกาสที่ดีขนาดนี้ เธอต้องชดเชยให้ตัวเองและซินห้าวหน่อย
ส่วนวิธีชดเชยก็คือกินอาหารมื้อใหญ่ ทั้งสองคนกินกันจนพุงกางกว่าจะหยุด
กินเสร็จทั้งสองคนไม่ได้นั่งรถ ค่อยๆ เดินไปตามถนน เป็นการย่อยอาหาร
[1] บรูซ ลี