เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 270: ซื้อบ้านในปักกิ่ง
“ปีใหม่พวกเราออกไปเที่ยวกันไหม?”
เฉินเยี่ยนนอนอยู่บนตักซินห้าว อยู่ๆ ก็มีความคิดขึ้นมา หลังกลับมาเกิดใหม่นอกจากในเมืองแล้ว เธอยังไม่เคยไปเมืองอื่นเลย แน่นอน ตอนนี้การคมนาคมยังไม่สะดวกมาก ไม่เหมือนยุคหลังที่มีรถไฟฟ้าและเครื่องบิน ตอนนี้ออกจากบ้านต้องใช้เวลาหลายวัน สิ้นเปลืองกำลังมากกว่า
“ได้สิ คุณอยากไปที่ไหน?”
ซินห้าวพยักหน้า มือหนึ่งลูบขาเฉินเยี่ยน ท่าทางอ่อนโยนมาก
“ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ไปเที่ยวสักรอบ”
เฉินเยี่ยนยังตั้งใจไว้ ไปสองที่นี้ เธอจะไปซื้อบ้าน เธอไม่ได้คิดจะเป็นเจ้าของห้องมากมาย เพื่อขายทำกำไร แต่ตอนนี้บ้านทั้งสองที่นี้ราคายังไม่แพง เงินของเธอและซินห้าวรวมกันแล้ว ซื้อบ้านได้น่าจะไม่มีปัญหา ซื้อไว้ตรงนั้น ยังไงก็มูลค่าเพิ่มขึ้น ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น อีกหน่อยไปแล้วมีที่ให้อยู่ก็ไม่เลวแล้ว
อีกอย่างเธอรู้ดีว่าในอนาคตราคาบ้านของสองที่นี้สูงปรี๊ด ถ้าตอนนี้ไม่ซื้อ งั้นก็ต้องโทษตัวเองที่มาเกิดใหม่แล้ว
“ได้ งั้นพวกเราไปก่อนปีใหม่ ไปที่ไหนผมก็จะไปกับคุณ”
ซินห้าวรักเอ็นดูเฉินเยี่ยนมาก เฉินเยี่ยนอยากไปไหน เขาก็จะไปด้วย
มีซินห้าวหนุนหลัง อีกทั้งซินห้าวตกลงว่าจะไปเป็นเพื่อนเธอ เฉินเยี่ยนเลยยิ่งอารมณ์ดี
ครึ่งเดือนต่อมาซินชานพาคนมาเอาบุหรี่ คนนั้นแสดงความขอบคุณกับเฉินจงและซินชาน หลังจากนั้นในเมืองยังให้ประกาศนียบัตรเกียรติคุณกับคอมมูนและโรงงานม้วนบุหรี่เพื่อยกย่องพวกเขาอีกด้วย
ต่อมางานของซินชานพัฒนาไปได้อย่างราบรื่น คนที่ไม่เชื่อฟัง เขาก็ไม่เรียกใช้ เรียกเฉพาะคนที่เชื่อฟัง
แน่นอนมีคนที่มาพึ่งพาอาศัยซินชานมากมาย มีคนแล้ว มีเงินของโรงงานม้วนบุหรี่สนับสนุน ได้รับการยอมรับจากในเมือง ซินชานทำงานอย่างมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะเขามีใจทำเพื่อประชาชน ชื่อเสียงเลยดีมากในระยะเวลาไม่นาน
วันเวลาผ่านไปก็เข้าสู่เดือนสิบสองแล้ว ซินห้าวจัดการเรื่องโรงงานเรียบร้อย ให้ผู้ช่วยหัวหน้าโรงงานดูแล แล้วเขาก็พาเฉินเยี่ยนไปเที่ยว
ส่วนฝั่งเฉินเยี่ยน มีเฉินจงอยู่ เธอไม่ต้องกังวลใจอะไร
แต่ตอนที่ไปหวางนิวยังบ่นอยู่เป็นชุด บอกว่าเดี๋ยวจะปีใหม่แล้ว ทุกคนต่างกลับมาที่บ้าน ส่วนพวกเขากลับออกไปข้างนอก บอกว่าปีใหม่พวกเขาไม่อยู่บ้าน ผู้ใหญ่ที่บ้านจะคิดยังไง เป็นต้น
ถึงแม้จะบ่น แต่เฉินเยี่ยนไมได้รำคาญ โดยเฉพาะหลังเธอหาโอกาสเอาเลือดทิพย์ใส่ลงไปในอาหารให้หวางนิวกิน สีหน้าหวางนิวไม่เหลืองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กำจัดโรคภัยที่แอบแฝงอยู่ไปได้แล้ว เฉินเยี่ยนรู้สึกสบายใจมาก
ทั้งสองคนนั่งรถไปเจิ้งโจวก่อน จากนั้นจากเจิ้งโจวนั่งรถต่อไปปักกิ่ง
ยุคนี้รถไฟโลหะดีบุกอากาศไม่ปลอดโปร่ง นั่งแล้วไม่สบายเลย โชคดีที่เป็นฤดูหนาว ถ้าเป็นฤดูร้อน แล้วเบียดเสียดกัน เฉินเยี่ยนไม่อยากนึกถึงกลิ่นภายในรถเลย
ประมาณสามวัน ทั้งสองคนก็มาถึงปักกิ่ง
สภาพเมืองปักกิ่งในยุคนี้กับในความทรงจำของเฉินเยี่ยนชาติที่แล้วไม่เหมือนกันเลยสักนิด ยังไม่เจริญขนาดนั้น และไม่มีวงแหวนมากขนาดนั้น แต่ที่เหมือนกันคือ เฉินเยี่ยนไม่รู้จักถนนเลย แต่ข้างล่างจมูกคือปาก ทั้งสองคนถามจนหาโรงแรมที่พักได้
เฉินเยี่ยนและซินห้าวออกไปข้างนอกทุกวัน ตอนเช้าและตอนบ่ายเฉินเยี่ยนพาซินห้าวไปดูรอบๆ ตอนกลางวันและตอนเย็นก็ลิ้มรสชาติอาหารเมืองปักกิ่งด้วยกัน
ครั้งนี้เฉินเยี่ยนกินเป็ดปักกิ่งจนหนำใจ พวกเขากินอาหารทุกอย่างที่ขึ้นชื่อ
เฉินยี่ยนถูกใจร้านค้าปลีกสองร้านและบ้านหลังเล็กหนึ่งหลัง ร้านไม่ใหญ่มาก เป็นแบบหน้าร้านเล็กๆ บ้านยิ่งเล็กใหญ่เลย ไม่ถึงสามสิบตารางเมตร แต่ทำเลดีมาก
ที่เฉินเยี่ยนถูกใจ เป็นเพราะราคาไม่ถือว่าแพงมาก พวกเขาซื้อไหว ถ้าเป็นยุคปัจจุบันบ้านที่ดี หลังใหญ่ พวกเขาซื้อไม่ไหวจริงๆ
แบบที่เธอชอบ สำหรับยุคปัจจุบันแล้วถือว่าเก่า แต่อีกหน่อยจะต้องมีการรื้อถอน ถึงเวลานั้นสองร้านนี้จะมีมูลค่าสูงมาก
บ้านเล็กหลังนั้นอีกหน่อยมูลค่าก็ไม่น้อย ดังนั้นลงทุนตอนนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก
เฉินเยี่ยนบอกความคิดของเธอกับซินห้าว อันที่จริงซินห้าวเดาได้ว่าเฉินเยี่ยนจะซื้อบ้าน เพราะเฉินเยี่ยนเอาแต่พาเขาไปดู แต่ซินห้าวไม่ค่อยเข้าใจ เฉินเยี่ยนเป็นคนที่เป็นห่วงครอบครัวมาก เธอไม่ก๋ากั่น เธอไม่ชอบออกไปเที่ยวมาก ไม่มีเรื่องอะไรเธอชอบที่จะอยู่บ้านมากกว่า แม้แต่ในเมืองก็ไม่ชอบไป
ปักกิ่งอยู่ไกลจากบ้านพวกเขาขนาดนี้ ทำไมเฉินเยี่ยนถึงจะซื้อที่นี่นะ? ในอนาคตพวกเขาก็ไม่ได้จะไปๆ มาๆ ที่นี่
“แล้วแต่คุณ”
ถึงแม้ซินห้าวจะไม่เข้าใจความคิดเฉินเยี่ยน ถึงแม้ซื้อร้านค้าปลีกกับบ้านต้องใช้เงินสะสมของเขาทั้งหมดยังไม่พอเลย ยังต้องใช้เงินของเฉินเยี่ยนด้วย แต่ซินห้าวคิดว่าหาเงินมาก็เพื่อจะให้ภรรยาใช่ ภรรยาอยากใช้ยังไงก็ใช้เลย
เฉินเยี่ยนและซินห้าวเลยเอาเอกสารพวกเขาไปหาคนเพื่อซื้อบ้านที่พวกเขาถูกใจ
แต่สุดท้ายแล้วพวกเราซื้อได้แค่หนึ่งร้านและบ้านเล็กหนึ่งหลัง อีกร้านหนึ่งเจ้าของเห็นพวกเขาจะซื้อ พอเสนอราคา อ้าปากมาทีจะเอาสองหมื่นเหรียญ บอกว่าจะปีใหม่แล้ว จะได้เฮงๆ
เฉินเยี่ยนโกรธนิดหน่อย ถึงแม้ในอนาคต เรียกเยอะขนาดนี้ไม่ถือว่ามากมายอะไรเลย เธอยังหาเงินได้อีกเยอะ แต่เธอไม่ชอบคนแบบนี้ อีกอย่างเธอไม่ได้คิดจะอาศัยร่ำรวยจากช่องทางนี้ เพียงแต่อยากจะมีอสังหาริมทรัพย์ที่นี่ อีกหน่อยจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล อีกทั้งเงินพวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านชนบทถือว่าเยอะ แต่มาเทียบกับเมืองใหญ่แล้ว จะซื้อบ้านที่นี่ ก็ไม่ถือว่ามากมายอะไร ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยไม่ได้ซื้อ
เจ้าของร้านนั้นเสียดายมาก ตอนแรกคิดว่าจะหลอกซินห้าวและเฉินเยี่ยนให้เสียเงินซื้อ คิดจะทำเงินก้อนใหญ่ ใครจะรู้ว่าเขาไม่เอาแล้ว เสียดายจนเขาถอนหายใจที่บ้านทุกวัน ไม่ได้ฉลองปีใหม่ดีๆ เลย ปีใหม่ผ่านไปแล้ว เขาขายให้อีกคนในราคาที่ถูกกว่าห้าพันเหรียญอีก จนต่อมามีการโยกย้ายมาที่นี่ หลังรู้ว่าค่าตอบแทนเป็นเท่าไร เขาโมโหจนแทบกระอักเลือด
ไม่พูดถึงเขาแล้ว มาพูดถึงเฉินเยี่ยนและซินห้าว หลังจัดการเรื่องเสร็จแล้ว ก็ถึงวันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสอง พวกเขายังไม่ได้ไป ยังอยู่ที่โรงแรม ทุกวันออกไปเที่ยวเล่น รู้สึกผ่อนคลายมาก
ตอนปีใหม่ซินห้าวโทรทางไกลไปหาซินชานเพื่อแจ้งข่าวคราว และถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยกับคนอื่น แต่เป็นเพราะที่หมู่บ้านไม่มีโทรศัพท์ อยากจะโทรก็โทรไม่ได้
ปีใหม่ ถึงแม้จะอยู่กันสองคน แต่ก็ไม่ได้หงอยเหงา
ตอนกลางคืน ทั้งสองคนศีรษะชนกัน ไหล่ชนกัน มองดูดวงไฟจากบ้านเป็นหมื่นหลัง ฟังเสียงดังของประทัดติดต่อกัน แล้วยังมีเสียงเด็กที่เล่นกันสนุกสนาน ก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง
ฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่ง เลยวันที่สองมา ทั้งสองคนก็เริ่มออกไปเที่ยวทุกวันอีกรอบ
วันที่หกทั้งสองคนกำลังเดินเล่นอยู่ที่ถนน อยู่ๆ ก็มีคนมาตบไหล่ซินห้าว
เพราะว่าคนเยอะ ซินห้าวเลยไม่ได้สังเกตว่ามีคนตามพวกเขามา ตอนนี้โดนคนตบไหล่ เขาสะดุ้ง และลงมือตอบโต้โดยอัตโนมัติ
“น้อง…”
คนนั้นยังไม่ทันได้ออกเสียงคำว่าชาย แขนเขาก็โดนซินห้าวบิดแล้ว เจ็บจนร้องออกมา
ตอนที่คนนั้นตะโกนเรียกน้องชาย และรู้สึกได้ว่าคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย ซินห้าวเลยปล่อยมือ
หลังซินห้าวปล่อยมือเฉินเยี่ยนค่อยรู้สึกตัว มองไปทางคนที่ตบซินห้าว
เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง รูปร่างไม่สูง อ้วนเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยเครา
ถึงแม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะดูไม่แย่ แต่ดูท่าทางแล้วไม่ได้ซักมานาน ด้านบนมีรอยเปื้อนน้ำมัน ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นคนซกมก